บทที่ 384 คุณปรารถนาฉันเต็มใจ
ภาพในโรงแรมเมื่อครู่ ถึงแม้ว่าเธอจะครึ่งหลับครึ่งตื่น เห็นได้คลุมเครือ แต่ก็รู้ว่าเฟิงยี่ช่วยตน
ตอนนี้ขึ้นรถมาแล้ว พิงอยู่ในอ้อมแขนเขา เพิ่งมีแรงพูดออกมาหนึ่งประโยค “ขอบคุณค่ะ”
เฟิงยี่ลดสายตาลงมามองเธอ
วันนี้เขาออกมาคุยธุรกิจ ช่วงนี้อารมณ์ไม่ดี ดังนั้นจึงไม่ควงผู้หญิงข้างกาย แต่อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอเธอที่นี่
แถมท่าทางยังเป็นผีแบบนี้
ไม่ใช่ว่าเธอต้องถ่ายทำอยู่หรอกเหรอ ทำไมถึงมาอยู่กับกากเดนพวกนี้ได้
พวกกฎที่ซ่อนอยู่ในวงการบันเทิงไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ และก็รู้ว่ามีกลุ่มผลประโยชน์ ส่วนใหญ่ชอบเล่นกับเหล่าดาราหญิงเพื่อตอบสนองความรู้สึกของตัวเอง
เรื่องแบบนี้ คุณปรารถนาฉันเต็มใจ เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์และทางเพศ เขาไม่เคยสงสัย
รวมถึงอานหนิงกั๋วจี้ก็มีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้น ตราบใดที่แต่ละคนเต็มใจ ทุกคนก็ล้วนลืมตาข้างหนึ่งปิดตาข้างหนึ่ง จะไม่มีใครไปสนใจ
เพราะท้ายที่สุดแล้วในถังย้อมสีขนาดใหญ่นี้ น้ำใสสะอาดจนเกินไปจะไร้ปลา ไม่สามารถบังคับให้ทุกคนเป็นนักบุญได้
แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะมีวันเกิดขึ้นกับตัวเธอ
มองดูคนตัวแดงในอ้อมแขน หญิงสาวแทบจะหมดสติไปแล้ว กำปลายนิ้วของเขาไว้แน่น รู้สึกแย่ที่เมื่อครู่ใจอ่อนเกินไป ไม่ได้เอาไอ้หลิวอะไรนั่นให้เละตรงนั้น!
แต่ถึงไม่ได้เอาให้เละตรงนั้น ก็เอาให้เละทีหลังได้!
ไม่ต้องรีบ ค่อยเป็นค่อยไป!
ตรวจสอบเรื่องในวันนี้ให้แน่ชัดก่อนว่าเป็นอย่างไรกันแน่ค่อยว่ากัน
คิดแบบนี้แล้วเขาก็ตบๆ ใบหน้าของเธอ
“นี่ คุณแซ่ถัง คุณอย่าเพิ่งแกล้งตายใส่ผม รีบลุกขึ้นมาเล่าก่อนว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
แต่ถังลั่วเหยาหลับตาและไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองสักนิด
เฟิงยี่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
เขาไม่อยากเชื่อว่าถังลั่วเหยาจะเป็นคนที่เพื่อเงินแล้วสามารถละทิ้งศักดิ์ศรี ละทิ้งชื่อเสียง ถึงขั้นขายรูปลักษณ์และร่างกายไปเป็นคนนั่งดริงค์กับตาแก่เลวร้ายแบบนั้นได้เลยเหรอ
แต่ตอนนี้เห็นเธอเป็นแบบนี้ คิดว่าถามไปก็คงไม่ได้คำตอบ
ดังนั้นเฟิงยี่จึงไม่ถามอะไรมากนัก แล้วขับรถพาไปโรงพยาบาล
ถังลั่วเหยาไม่ได้เป็นลมนานนัก
อีกสองชั่วโมงต่อมาก็ฟื้น
เธอลืมตาขึ้นมา ฝ้าเพดานพร่ามัว ผ่านไปไม่กี่วินาที ถึงได้สติรู้ตัวว่าตนอยู่ที่ไหน
เป็นอย่างที่คาดไว้ เมื่อหันไปก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้าประตูมา
“ตื่นแล้วเหรอ”
เฟิงยี่ถามด้วยใบหน้าเย็นชา และน้ำเสียงไม่ค่อยดี
ถังลั่วเหยากะพริบตาปริบๆ ลุกขึ้นนั่งพิงหลัง
“ฉันมาโรงพยาบาลได้ยังไง คุณเป็นคนมาส่งฉันเหรอ”
เฟิงยี่ยกยิ้มมุมปากเยาะเย้ย “ไม่มาส่งคุณที่โรงพยาบาล หรือว่าจะให้คุณมาเกาะแกะผม ให้ผมเป็นยาถอนพิษให้คุณ”
ถังลั่วเหยาชะงักไปเล็กน้อย มองเขาอย่างค่อนข้างประหลาดใจ
“ก่อนหน้านี้ฉันเกาะแกะคุณเหรอ”
“คุณว่าไงล่ะ”
“เอ่อ…”
ว่ากันตามจริงแล้ว ถึงแม้ว่าจะถูกวางยา และยังดื่มไวน์ไปด้วย แต่ด้วยสรรพคุณทางยาไม่แข็งแรง ดังนั้นแม้ว่าความทรงจำของเธอจะค่อนข้างคลุมเครือ แต่ก็ไม่ถึงขนาดปะติดปะต่อไม่ได้
เธอจำได้แค่ว่าถูกเฟิงยี่ช่วยไว้ จากนั้นก็ดูเหมือนจะเข้ารถไปด้วยความสะลึมสะลือ จำได้ว่าตัวเองไม่ได้ทำตัวรุ่มร่ามกับเขา
เธอมั่นใจมากว่าควบคุมตัวเองได้ดี
และอีกอย่าง…
เธอมองไปยังใบหน้าที่เหมือนผู้หญิง ใบหน้าที่สวยประณีตจนเกินปกติ
เธอไม่ชอบผู้ชายที่ตุ้งติ้งออกสาว
เฟิงยี่เห็นว่าเอาแต่จ้องตน จึงคิดว่าเธอค้นพบจิตสำนึกแล้ว เพราะเมื่อคืนเขาช่วยชีวิตเธอไว้ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปก่อนหน้านี้
กำลังจะยอมรับคำขอโทษและคำสารภาพที่จริงใจของเธอ แต่กลับกลายเป็นว่าหญิงสาวส่ายหน้าไปมา
จากนั้นก็พูดออกมาเบาๆ “เป็นไปไม่ได้”
เฟิงยี่ “…….”
ถังลั่วเหยาพูดอย่างจริงจังว่า “ตัวฉันทำอะไรลงไปฉันจำได้ดี อย่างมากก็แค่ยืมไหล่ของคุณพิงนิดหน่อย อย่างอื่นไม่ได้ทำเลย คุณอย่ามาหลอกฉัน”
เฟิงยี่โมโหจนพูดไม่ออก
เขามีความรู้สึกว่าช่วยเหลือหมาป่าตาขาวทำไม
ตอนนี้อยากยัดเธอกลับไปที่โรงแรมนั่นจริงๆ จากนั้นก็มองดูเธอดิ้นรนเอาชีวิตรอดเอง!
เมื่อวานนี้เขาสูดอากาศอะไร ถึงได้ช่วยเธอ แถมยังกำจัดทั้งเย่เซิ่งกรุ๊ปเพื่อเธออีกด้วย!
ถังลั่วเหยาไม่รู้ว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่ มองดูเวลาก็พบว่ามันตีสามแล้ว
เธอร้องตกใจ “สวรรค์! ดึกขนาดนี้แล้ว!”
พรุ่งนี้เช้าเธอยังมีคิวแสดงที่กองถ่ายหลี่ยู่ ตอนกำกับนั้นเข้มงวดมาก เธอเริ่มรู้สึกผิดมากที่หลายวันมานี้ทำออกมาได้ไม่ดี ถ้ากลับดึกแล้วพรุ่งนี้สภาพไม่ดีจนส่งผลกระทบต่อการถ่ายทำวันพรุ่งนี้ เธอจะตำหนิตัวเองจนตายแน่
เมื่อคิดแบบนี้แล้วเธอก็รีบลงจากเตียง ใส่เสื้อคลุมไปด้วยและพูดกับเฟิงยี่ไปด้วย “เมื่อครู่ไม่ว่ายังไงก็ต้องขอบคุณคุณนะ! ฉันก็ไม่ใช่คนไม่รู้สำนึกผิดชอบชั่วดี ในส่วนที่คุณช่วยชีวิตฉันไว้เมื่อคืน วันหลังจะเชิญคุณทานอาหาร แค่นี้แหละ บ๊ายบาย!”
เมื่อพูดจบก็โบกมือให้เขา จากนั้นก็เปิดประตูเดินออกไป
ไปแล้ว
ไปแล้ว
ไปแล้ว
เฟิงยี่ยืนอยู่กับที่ มองไปยังเตียงที่ว่างเปล่าตรงหน้า นึกไปถึงสิ่งที่ตัวเองทำเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไอ้โง่!
แม่ง!
เขากัดฟันส่งเสียงคำรามว่า “ถังลั่วเหยา คุณแม่งเป็นไอ้สารเลวที่ไม่รู้สำนึกผิดชอบชั่วดี! ต่อไปถ้าฉันสนใจเธออีกฉันก็ไม่ใช่แซ่เฟิงแล้ว!”
อย่างไรก็ตาม ถังลั่วเหยาจากไปไกลแล้ว ไหนเลยจะยังได้ยินคำพูดของเขา
สุดท้าย เฟิงยี่ก็ทำได้แค่นั่งลงบนเตียงผู้ป่วยด้วยความโกรธจัด และต่อสายโทรหาซู่เหลิ่ง
“ไปเช็กให้ฉัน ว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้น เช็กได้แล้วมาบอกฉัน”
……
หลังจากถังลั่วเหยากลับไปกองถ่าย อาบน้ำเสร็จแล้วก็หลับไป
คิดไม่ถึงว่าจะหลับยาวไปถึงเก้าโมงเช้า
เพราะต้องแสดงตอนสิบโมง เครื่องแต่งกายชุดโบราณจะต้องแต่งตัวแต่งหน้าทำผมซึ่งต้องใช้เวลามากกว่าสองชั่วโมง
ดังนั้นโดยปกติแล้วทุกคนจะไปถึงก่อนสองสามชั่วโมง ผู้กำกับไม่เห็นเธอแต่เช้า ยังให้คนไปหาเธอที่โรงแรมด้วย จึงรู้ว่าเธอนอนดึก สีหน้าเธอไม่ค่อยดีตั้งแต่เช้า
“เมื่อคืนคุณไปทำอะไรมา ทำไมวันนี้สายขนาดนี้แล้วถึงเพิ่งตื่น”
ถังลั่วเหยายิ้มอย่างค่อนข้างละอายใจ “ขอโทษค่ะผู้กำกับ เมื่อวานไปทำธุระมา กลับมาดึก ขอโทษพวกคุณด้วยค่ะที่ทำให้ล่าช้า”
“อืม ไม่เป็นไร รีบไปแต่งหน้าเถอะ”
“ค่ะ”
ถังลั่วเหยาไปห้องแต่งตัว ซูฉินมองท่าทีเร่งรีบของเธอแล้วส่งเสียงเยาะ
คนอื่นไม่รู้ว่าเธอไปทำอะไรเมื่อคืน แต่เธอรู้อย่างชัดเจน
เพราะว่า…
เธอเบะปากเยาะเย้ย คิดไปถึงเรื่องเมื่อคืนที่ทุกคนส่งรูปนั้นมาในโทรศัพท์มือถือของเธอ ฉับพลันก็รู้สึกดีขึ้น
เรื่องนี้ไม่รีบร้อน เธอต้องดำเนินการให้ดีๆ ถึงแม้มันจะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าเธอดำเนินการได้ดี บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์สำหรับเธอ
เพราะใครก็คิดไม่ถึงว่านางเอกรองในกองละคร ไม่อยากเชื่อว่าจะไปสถานที่แบบนั้น แถมยังสร้างเรื่องอื้อฉาวแบบนั้นกับผู้ชายด้วย!
ยังไม่ทันได้ออกอากาศ เรื่องอื้อฉาวก็แพร่กระจายไปทั่ว การเป็นนางเอกรองของเธอจะเหมาะสมหรือไม่เหมาะก็บอกได้ยาก
คิดแบบนั้นแล้ว ซูฉินก็ยิ้มเล็กน้อยอย่างภูมิอกภูมิใจ พอดีกับที่ผู้กำกับเรียกเธอไปถ่ายฉากต่อไป ถึงได้เดินไปเข้าฉาก
ถังลั่วเหยากลับไปที่ห้องแต่งตัว เริ่มแต่งหน้าทำผม
ใช้ประโยชน์จากช่วงว่างที่กำลังแต่งหน้า เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาต่อสายโทรหาซูหง