วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 387 ใครผิดกันแน่

บทที่ 387 ใครผิดกันแน่

“ใช่ เร็วเข้า! เรียกหมอมา”

หลี่ยู่ก็ตกใจเช่นกัน ไม่คิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุแบบนี้ รีบให้คนไปเรียกหมอมา

เฟิงยี่พาถังลั่วเหยาไปนั่งลงที่เก้าอี้แถวนั้น ผ่านไปไม่นานหมอก็มา

ถังลั่วเหยาจึงคลายมือออกให้หมอทำแผลให้เธอ

โชคดีที่เธอหลบเร็ว ดังนั้นแผลจึงไม่ลึกมาก

หมอเป็นหมอประจำกองถ่าย เพราะมันเป็นละครโบราณ มีฉากต่อสู้จำนวนมาก ก่อนหน้านี้มีอุบัติเหตุสองครั้ง ดังนั้นต่อมาจึงนำหมอศัลยกรรมมาโดยตรงในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉิน เพื่อจะได้จัดการได้ทันเวลา

เฟิงยี่จ้องมองบาดแผลของเธอ สีหน้าแย่มาก

“เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

เขามองซูฉินด้วยสายตาที่ไม่ดี

ซูฉินยิ้มฝืด พูดอย่างค่อนข้างลำบากใจ “ฉันก็ไม่รู้ค่ะ พวกเราเตรียมท่าทางไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจู่ๆ เธอก็ไม่ยอมทำตามนั้น ตอนที่แทงมีดสั้นออกไปแล้ว ฉันเห็นเธอไม่ขยับ ก็ร้อนใจจะแย่ คิดจะชักกลับคืนก็ไม่ทัน โชคดีที่ไม่ได้เป็นอะไร ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริงไม่เท่ากับว่าฉันต้องกลายเป็นฆาตกรหรอกเหรอ”

คำพูดนี้ชัดเจนว่าเป็นน้ำเสียงร้องเรียน

เฟิงยี่ขมวดคิ้ว

ถังลั่วเหยาสีหน้าเย็นเยียบอยู่ตลอด ฟังและมองไปยังซูฉินอย่างเย็นชา

“คุณแน่ใจเหรอว่าเมื่อครู่ทิศทางที่คุณแทง เป็นทิศทางของเทคนิคท่าทางที่วางไว้ก่อนหน้านี้”

ทันทีที่คำพูดออกมา ทุกคนในที่เกิดเหตุก็ชะงักไปครู่หนึ่ง

หมายความว่าอะไร

ซูฉินก็ตกตะลึงไปเช่นกัน ดวงตาเกิดประกายแห่งความรู้สึกผิดแวบผ่าน แต่ยังคงยืนกรานอธิบาย “แน่นอนสิคะ หรือว่าคุณลืมไปแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเราก็ตกลงกันไว้แล้ว ฉันแทงไปทางขวา คุณจับไว้ แล้วจากนั้นก็ค่อยสู้กลับ”

ถังลั่วเหยาหัวเราะเย็นชา

“แต่ฉันจำได้ว่ามันเป็นทางซ้ายไม่ใช่เหรอ”

“ทางซ้ายเหรอ เป็นไปไม่ได้!”

ซูฉินส่ายหน้าโดยไม่คิดและพูดว่า “คุณจำผิดแน่นอน”

หลี่ยู่เห็นสิ่งนี้ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วถาม “เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ทำไมแยกไม่ได้ออกว่าซ้ายหรือขวา”

ซูฉินเห็นสิ่งนี้ก็มุ่ยปากอย่างคับข้องใจ “ผู้กำกับคะ เทคนิคท่าทางที่เราใช้ก่อนหน้านี้คือการแทงทางขวาจริงๆ คุณไปถามที่ปรึกษาศิลปะการต่อสู้สิคะ”

ในเวลานี้ ที่ปรึกษาศิลปะการต่อสู้ที่ยืนอยู่ไม่ไกลมาตลอด ส่งเสียงกระแอมไอและพยักหน้าพูดว่า “ใช่ครับ เราวางเทคนิคท่าทางไว้ล่วงหน้าแล้ว ความจริงต้องแทงไปทางขวา ถังลั่วเหยาอาจจะเหนื่อยที่ถ่ายสามฉากติดต่อกันในวันนี้ ดังนั้นจึงจำผิด”

ซูฉินสำทับว่า “ใช่ค่ะ คุณดูสิฉันไม่ได้พูดผิดนะคะ”

พูดอย่างนั้นแล้วเธอก็ยังถอนหายใจอีก แล้วมองถังลั่วเหยาที่ค่อนข้างทำอะไรไม่ถูก

“แต่คุณก็จริงๆ เลย คุณทำพลาด ไม่มีใครตำหนิคุณ แล้วทำไมคุณผลักความผิดพลาดมาลงที่ฉัน ไม่ใช่ว่าพอคุณชายเฟิงมาวันนี้ คุณก็จะมาสร้างความประทับใจต่อเขาแล้วมาปรักปรำฉันแบบนี้น่ะเหรอ”

ทันทีที่พูดออกไป ถังลั่วเหยาก็อยากจะหัวเราะออกมาเสียเดี๋ยวนั้น

เพราะทุกอย่างเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้เป็นความรับผิดชอบของที่ปรึกษาศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นผู้กำกับจึงไม่ทราบรายละเอียดแน่ชัด

เวลานี้เมื่อได้ยินซูฉินพูดแบบนี้ เมื่อพิจารณาจากการปรากฏตัวของเฟิงยี่ จึงพูดว่า “ลั่วเหยา วันนี้คุณถ่ายไปหลายซีน คงจะเหนื่อยไปจริงๆ หรือไม่ก็ไปพักผ่อนสักหน่อย ดูแลบาดแผลก่อนค่อยว่ากันดีไหมครับ”

แต่ถังลั่วเหยากลับพูดอย่างเย็นชา “ไม่ต้องหรอกค่ะ”

เธอหันไปมองหลี่ยู่พร้อมกับพูดเสียงขุ่นว่า “ผู้กำกับคะ ต่อให้ฉันเหนื่อย ฉันก็จะไม่มีทางลืมเทคนิคท่าทางที่วางไว้ก่อน ฉันจำได้แม่นว่าก่อนหน้านี้เราวางเทคนิคท่าทางไว้ว่าเป็นทางซ้าย แต่เธอกลับมาเปลี่ยนเป็นทางขวา จุดนี้ฉันไม่มีทางจำผิด”

ผู้กำกับนิ่งไป

ซูฉินได้ยินแล้วขมวดคิ้ว

“ถังลั่วเหยา มาถึงตอนนี้แล้วทำไมคุณยังดื้อดึงอยู่อีก ต่อให้คุณทำพลาด พวกเราก็จะไม่ตำหนิคุณหรอก ความผิดอยู่ตรงหน้าแต่คุณผลักมันมาให้ฉัน คุณทำเกินไปหน่อยหรือเปล่า”

เมื่อคนรอบข้างได้ยิน ก็พากันรู้สึกเหมือนว่าเกินไปหน่อย ทุกคนอดไม่ได้ที่จะซุบซิบกัน

เพราะแม้แต่คนที่เป็นที่ปรึกษาศิลปะการต่อสู้ก็ยังบอกว่าทางขวา ถังลั่วเหยาที่ยังยืนกรานว่าทางซ้ายตลอด นี่ไม่เห็นได้ชัดว่าปากแข็งเป็นปากเป็ดตายหรอกหรือ

ต่อให้เพราะคุณชายเฟิงอยู่ที่นี่ เพื่อหน้าแล้วไม่คิดยอมรับ แต่ก็ไม่สามารถผลักความผิดให้คนอื่นได้นะ!

ดังนั้นครู่เดียว สายตาทุกคนก็มองไปยังถังลั่วเหยา ก็อดไม่ได้ที่จะค่อนข้างดูถูกเหยียดหยาม

คิดไม่ถึงว่าคนที่ดูใสซื่อ ความจริงแล้วจะมีแผนการลึกมาก

จงใจใส่ร้ายคนอื่นในวันที่เฟิงยี่มาแบบนี้คิดอะไรอยู่

ซูฉินเห็นปฏิกิริยาของทุกคนชัดเจน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมาเล็กน้อย

ถังลั่วเหยานะถังลั่วเหยา หลังจากที่ฉันเห็นคุณวันนี้แล้ว ยังจะอยู่ในกองถ่ายได้อีกไหม

ไม่ต้องรีบร้อน นี่แค่เริ่มต้น กลอุบายสำคัญมันอยู่หลังจากนี้!

เธอกำลังคิดแบบนี้ ก็เห็นถังลั่วเหยาเดินไปหาที่ปรึกษาศิลปะการต่อสู้ และพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ที่ปรึกษาจาง คุณแน่ใจนะที่วางเทคนิคให้พวกเราก่อนหน้านี้ เป็นการแทงไปทางขวา”

เมื่อที่ปรึกษาจางได้ยินก็ตากะพริบ แต่ก็ยังคงพยักหน้าอย่างมั่นใจ “ใช่ ผมมั่นใจ”

“หึ ดีมาก”

เธอหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วหันหน้าไปหาหลี่ยู่

“ผู้กำกับคะ ถ้าฉันจำไม่ผิด ในสถานที่ถ่ายทำน่าจะมีกล้องวงจรปิดใช่ไหม ในเมื่อทุกคนยืนยันต่างกันออกไป งั้นก็เอากล้องวงจรปิดมาดูดีกว่า จะได้ไม่มีใครว่าฉันให้ร้ายเธอ!”

ทันทีที่คำพูดออกมา ซูฉินกับที่ปรึกษาจางก็ล้วนสีหน้าเปลี่ยน

เพราะซีนนี้ทุกคนซ้อมกันมาก่อนนานแล้ว และกล้องวงจรปิดในสถานที่ถ่ายทำเป็นสิ่งจำเป็น ดังนั้นจึงต้องเก็บภาพเอาไว้

ตอนนี้ควรทำอย่างไรดี

ซูฉินยิ้มฝืด “ถังลั่วเหยา ฉันบอกคุณแล้วไงว่าพวกเราไม่ใส่ใจ คุณยังจะดูกล้องวงจรปิดไปทำไม เอาล่ะๆ ไม่ว่าจะพูดยังไงฉันก็เป็นคนแทงคุณบาดเจ็บ งั้นก็ถือว่าเป็นความผิดของฉันแล้วกัน ฉันจะชดเชยให้คุณ ขอโทษแล้วกันค่ะ!”

หลี่ยู่เห็นสิ่งนี้แล้วก็รู้สึกว่าการดูกล้องวงจรปิดมันไม่จำเป็น

ทุกคนล้วนเป็นกองละครเดียวกัน เรื่องเล็กน้อยโวยวายใหญ่โตก็รังแต่จะมีผลต่อชื่อเสียงของทีมงาน ถ้าข่าวแพร่ออกไปว่าถังลั่วเหยามีเรื่องไม่ลงรอยกับทีมงาน ก็จะกระทบกับเธอด้วย

ที่สำคัญที่สุดคือเฟิงยี่อยู่ที่นี่ด้วย เขาไม่อยากให้เฟิงยี่คิดว่าเขาเป็นตัวนำทีมงานมาสมรู้ร่วมคิดกัน มันจะส่งผลต่อภาพลักษณ์

ดังนั้นหลี่ยู่จึงทำให้จบลงด้วยดีโดยการพูดว่า “ลั่วเหยา ผมว่าช่างมันไปเถอะ”

แต่ลั่วเหยากลับยืนกรานหนักแน่น

“ผู้กำกับ ฉันคิดว่าควรจะดูดีกว่า เพราะที่สุดแล้วเรื่องนี้จะว่าใหญ่ก็ใหญ่จะว่าเล็กก็เล็ก ถ้าทุกอย่างชัดเจน ทุกคนก็จะสบายใจ

ไม่ใช่ว่าจะไม่โทษใคร แต่ใครที่ควรรับผิดชอบก็ต้องรับผิดชอบ ถ้าทุกอย่างผ่านไปแบบนี้ กลัวว่าทุกคนจะไม่สนิทใจ จนส่งผลต่อความสัมพันธ์ของทุกคน

และการดูกล้องวงจรปิดให้ละเอียดก็ไม่ได้เสียเวลามากมายอะไรนัก ผู้กำกับว่าไหมคะ”

หลี่ยู่ยังคงลังเลไปเล็กน้อย แต่เฟิงยี่ที่อยู่ข้างๆ กลับพูดขึ้นมาแล้วว่า

“เอากล้องวงจรปิดมา”

ภายใต้สิ่งนี้ แม้แต่หลี่ยู่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก ทำได้แค่ให้คนไปเอากล้องวงจรปิด

ในช่วงเวลาที่รอ สีหน้าซูฉินกับที่ปรึกษาจางล้วนดูไม่ค่อยดี

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset