บทที่ 388 สืบหาความจริง
เพราะพวกเขารู้ว่าตราบใดที่กล้องวงจรปิดมา เมื่อนั้นทั้งสองก็ต้องตายแน่
ถ้าซูฉินแค่เป็นคนพลาดก็ไม่เป็นไร เมื่อถึงตอนนั้นก็สามารถบอกได้ว่าเธอจำผิดและบอกขอโทษขอโพยก็พอแล้ว
แต่เมื่อครู่ที่ปรึกษาจางดันเข้าข้างเธอ เขาเป็นที่ปรึกษาศิลปะการต่อสู้ ท่าทางการเคลื่อนไหวทั้งหมดเขาเป็นคนออกแบบ ถ้าเขาบอกว่าเขาก็ลืมเหมือนกัน นั่นมันไม่สมเหตุสมผลเลย
คิดมาถึงตรงนี้ ที่ปรึกษาจางก็มองซูฉินอย่างตำหนิ
ล้วนต้องโทษผู้หญิงคนนี้ เพื่อที่จะได้รับความสนใจจากคุณชายเฟิง อยากจะได้เปรียบถังลั่วเหยา จึงคิดวิธีนี้ออกมา
ตอนนี้ก็โอเคแล้ว ความสนใจก็ได้รับแล้ว แล้วต่อจากนี้ควรทำอย่างไร
ตอนนี้ซูฉินก็เริ่มกระวนกระวายแล้วเช่นกัน
ถ้าให้เฟิงยี่รู้ว่าเธอจงใจใส่ร้ายถังลั่วเหยา ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่ตำแหน่งนางเอกรองเลย ตอนนี้เธอยังไม่แน่ใจเลยว่ายังสามารถอยู่ในตำแหน่งนางเอกสามได้หรือไม่
ตอนนั้นเอง จู่ๆ ที่ปรึกษาจางก็ถอยหลังไปเล็กน้อย
มีคนถามขึ้นทันที “ที่ปรึกษาจาง คุณจะไปไหน”
ที่ปรึกษาจางหัวเราะแหะๆ “รู้สึกท้องไม่ค่อยดีน่ะ ผมไปเข้าห้องน้ำนะ”
“อ้อ งั้นคุณรีบไปเถอะ กล้องวงจรปิดจะมาแล้ว รีบไปรีบกลับ”
“เอ่อ ได้”
ที่ปรึกษาจางรีบออกไป
ส่วนถังลั่วเหยามองไปยังทิศทางที่เขาออกไปพร้อมกับยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา
……
สองนาทีต่อมาก็ออกมาที่ห้องตรวจตราตรงหัวมุม
ที่ปรึกษาจางรีบมาหยุดผู้ช่วยที่เพิ่งได้เทปกล้องวงจรปิดมา
“เสี่ยวเฉิน เอาเทปมาให้ผม”
“ที่ปรึกษาจาง เอ่อ…”
“ในอนาคตคุณอยากอยู่ในทีมงานไหม คุณสมบัติผมมีแค่ไหนคุณก็รู้ดี ผู้กำกับในวงการนี้มีใครไม่เห็นแก่หน้าผมบ้าง ถ้าคุณอยากจะอยู่ในวงการนี้ต่อไป อย่าขัดใจผมจะดีกว่าเข้าใจไหม”
ผู้ช่วยชะงักไป มีท่าทีค่อนข้างลำบากใจ
ในตอนนั้นน้ำเสียงเย็นชาก็ดังขึ้น
“ที่ปรึกษาจาง คุณอ้างว่าไปเข้าห้องน้ำ แต่มาที่นี่เพื่อข่มขู่เสี่ยวเฉิน อยากจะทำลายหลักฐานหรือไง”
ที่ปรึกษาจางสะดุ้งตัวสั่นแรง
ทันทีที่หันไป ก็เห็นกลุ่มคนที่มีถังลั่วเหยากับเฟิงยี่รวมถึงหลี่ยู่ยืนอยู่ตรงนั้น
เขาสีหน้าเปลี่ยนทันที
หลี่ยู่เห็นฉากนี้แล้วก็โกรธมาก
ชี้ที่ปรึกษาจางพร้อมกับตะโกนด่า “จางเสี่ยวกวาง คุณทำเรื่องแบบนี้ลงไปได้ยังไง! เมื่อครู่ถังลั่วเหยาบอกว่าคุณอาจจะไปเอากล้องวงจรปิด ผมยังออกรับแทนคุณ คิดไม่ถึงว่าคุณจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ…คุณ! คุณทำให้ผมโกรธมาก!”
หลี่ยู่กับจางเสี่ยวกวางมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับชีวิตส่วนตัวของเขา แต่สำหรับผู้ชาย การคบเพื่อนมีแค่การให้ความสำคัญและยึดหลักคุณธรรม ไม่เคยมองถึงชีวิตส่วนตัว
แต่คิดไม่ถึงว่าวันนี้เรื่องทำนองนี้จะเกิดขึ้น
ที่ปรึกษาจางสีหน้าซีดเผือดไปเล็กน้อย แต่ตอนนี้แม้ว่าเขาจะอยากอธิบาย มันก็หมดคำจะแก้ตัวไปแล้ว
และซูฉินที่ตามหลังฝูงชนมาก็ไม่มีหน้าจะอยู่อีกแล้ว
ถังลั่วเหยาหันไปมองหลี่ยู่แล้วถามว่า “ผู้กำกับคะ ตอนนี้ฉันสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้แล้วหรือยัง”
หลี่ยู่หน้าอกกระเพื่อมด้วยความโกรธพยักหน้าให้
“เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณ คุณวางใจ เรื่องวันนี้ผมจะให้ความยุติธรรมกับคุณเอง”
คำพูดนี้ ไม่เพียงแต่พูดให้เธอฟัง มันเป็นการพูดให้เฟิงยี่ฟังด้วย
เฟิงยี่สีหน้าเย็นชา เหลือบมองไปยังทั้งสองคน ราวกับมองเห็นขยะอะไรพวกนั้น
“จากนี้ไป อย่าให้ฉันเห็นสองคนนี้ในวงการอีก”
เมื่อพูดจบก็หันตัวจากไป
ที่ปรึกษาจางกับซูฉินที่ได้ยินก็ล้วนสีหน้าเปลี่ยนไปมาก
ความหมายของคำพูด…คือการไล่พวกเขาออกจากวงการบันเทิง นี่คือต้องการขึ้นบัญชีดำพวกเขาไม่ใช่เหรอ
ซูฉินรีบอธิบาย “คุณชายเฟิงคะ คุณฟังฉันอธิบายก่อน ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะใส่ร้ายถังลั่วเหยานะคะ ทุกอย่างเป็นความผิดของที่ปรึกษาจาง เขาเป็นคนสั่งฉัน…”
เฟิงยี่ยังไม่ทันจะอ้าปากพูด ที่ปรึกษาจางก็หน้าแดงจัดด้วยความโกรธ
“ซูฉิน คุณหมายความว่าอะไร พอเรื่องเปิดเผยก็ผลักความผิดทั้งหมดมาให้ผมเลยงั้นเหรอ ทั้งทั้งที่คุณอิจฉาคนอื่นที่มีรูปร่างหน้าตาสวยกว่า เลยพยายามจะแย่งมันมา เพราะงั้นจึงตั้งใจทำเรื่องพวกนี้
แถมคุณยังใช้มารยาล่อลวงผม สัญญาว่าคืนนี้จะนอนกับผม ไม่อย่างนั้นผมจะช่วยคุณทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ได้ยังไง”
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา บริเวณนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้นมาฉับพลัน
ถึงแม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าการซื้อขายเงินและเซ็กส์ในวงการนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ไม่เคยได้ยินการพูดเรื่องนี้ออกมาอย่างเปิดเผย
ซูฉินที่ถูกเปิดเผยเรื่องราวก็อับอายขายหน้าในทันใด
เฟิงยี่รู้สึกสนุกขึ้นมานิดหน่อย มองเขาเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
“หืม เธอบอกว่าคืนนี้จะนอนกับคุณเหรอ”
“ครับ”
ที่ปรึกษาจางวิงวอน “คุณชายเฟิง ผมเป็นฝ่ายถูกเธอล่อลวง ถึงได้ช่วยโกหกให้เธอ ได้โปรดให้โอกาสผมสักครั้ง ผมศึกษากังฟูมาเป็นสิบปี ถ้าไม่สามารถสอนศิลปะการต่อสู้ได้ งั้นชีวิตของผมก็สิ้นหวังแล้ว ที่เรียนมาก็เปล่าประโยชน์”
หลี่ยู่ได้ยินก็ค่อนข้างทนไม่ไหว
แต่พอคิดถึงเรื่องเมื่อกี้แล้วก็รู้สึกว่าที่เขาจบลงแบบนี้ในวันนี้ มันเป็นความผิดของตัวเขาเอง สมควรแล้ว!
เขาเงยหน้ามองไปยังเฟิงยี่
เห็นเฟิงยี่ยกยิ้มเยาะมุมปากเล็กน้อย และพูดอย่างเย็นชาว่า “ที่คุณพูดก็ถูก ถ้าการเป็นกังฟูของคุณต้องสูญเสียไป ที่จริงมันก็น่าเสียดาย งั้นเอาแบบนี้ ไม่นานมานี้ผมรู้มาว่ามีสังเวียนมวยที่ขาดนักมวยพอดี ถ้าคุณอยู่ที่นั่นได้เกินสามวัน ผมก็จะละเว้นคุณ เป็นไง”
เมื่อเขาพูดจบ ก็ยังกระตุกยิ้มมุมปากด้วย เหมือนเป็นการหาทางออกให้เขา
แต่ที่ปรึกษาจางได้ยินดังนั้นกลับดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว
คนอื่นไม่รู้ว่าสังเวียนนั่นเป็นอย่างไร แต่เขาเหรอจะไม่รู้
ไปที่นั่น อย่าพูดถึงอนาคตเลย เขาจะมีชีวิตอยู่ได้หรือไม่นั่นแหละคือปัญหา!
ริมฝีปากเขาขยับพูดเสียงสั่น “คุณชายเฟิง ผมไปที่นั่นไม่ได้นะครับ ขอได้โปรดกรุณาปล่อยผมไปเถอะ ผมไม่สามารถสอนศิลปะการต่อสู้ได้อีกแล้ว ก็อย่าให้ผมไปที่นั่นเลยนะครับ”
อย่างไรก็ตาม เฟิงยี่ไม่ฟังคำพูดเขาอีกแล้ว
“ซู่เหลิ่ง”
“อยู่นี่ครับ”
“พาเขาไป”
“ครับ”
ในที่สุดที่ปรึกษาจางก็ถูกซู่เหลิ่งพาออกไป
ทุกคนในกอง อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน
และตอนนี้ ซูฉินก็หวาดกลัวจนพูดไม่ออก เธอกลัวว่าเฟิงยี่จะปฏิบัติต่อเธอแบบเดียวกับที่ปรึกษาจาง
แต่โชคดีที่เธอเป็นผู้หญิง เฟิงยี่จึงไม่ได้ทำกับเธอแบบนั้น เพียงแต่วงการบันเทิงนี้เธอห้ามคิดจะอยู่อีก ส่วนเรื่องอื่น เฟิงยี่ขี้เกียจเกินกว่าจะคิดเล็กคิดน้อยกับผู้หญิงมากเกินไป
แต่การถูกไล่ออกจากวงการบันเทิง สำหรับซูฉินมันก็เป็นการลงโทษที่รุนแรงมากแล้ว
เพราะถึงอย่างไรเธอก็อายุยี่สิบแปดปีแล้ว ใช้เงินที่บ้านไปมาก และเธอก็ใช้เวลาไปมากกว่าจะพยายามมาได้จนถึงจุดนี้
ตั้งแต่เดบิวต์ตอนอายุสิบแปดก็สิบปีแล้ว ซึ่งเธอก็ไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย
และตอนนี้ เฟิงยี่กลับไล่เธอออกจากวงการบันเทิง มันเหมือนเป็นการทำลายอาชีพของเธอ
ทั้งหมดนี่เป็นเพราะถังลั่วเหยา!
คิดถึงตรงนี้ เธอก็เหล่มองถังลั่วเหยาด้วยสายตาเย็นชา
กล้าทำให้เธอขุ่นเคือง เธอก็จะไม่ทำให้เธอได้อยู่ดีแน่นอน
ในเมื่อเธออยู่ในวงการบันเทิงไม่ได้แล้ว เช่นนั้นเธอก็อย่าได้คิดจะอยู่ในวงการบันเทิงได้ต่อไปอีกเลย!