บทที่ 390 เขาชอบเธอ
คนที่อยู่ในรูปไม่ใช่อื่นใด เป็นตอนที่หลิวหยู่เทียนกับถังลั่วเหยาอยู่ในบาร์ครั้งก่อน
ทันทีที่รูปออกมา ก็ทำให้เกิดความโกลาหลบนอินเทอร์เน็ตทันที
อดีตบางส่วนของถังลั่วเหยาก็ถูกขุดขึ้นมาด้วย
ตัวอย่างเช่นการถ่ายละครเรื่องหนึ่งแล้วมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับนักแสดงชายคนหนึ่ง เหมือนเป็นการสร้างภาพโปรโมต และหรือเล่นพูดคุยกับผู้กำกับในกลางดึก เหมือนมีนอกมีในเล่นเส้นเล่นสายกัน
โดยสรุปแล้ว เรื่องสร้างข่าวเท็จกำลังเกิดขึ้น เหมือนมีใครบางคนเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว
และครั้งนี้ที่ถังลั่วเหยาได้แสดงละครเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นแนวโบราณ แต่เพราะมันเป็น IP ที่ได้รับความนิยมมาก่อน และผู้กำกับหลี่ยู่เป็นผู้กำกับมากความสามารถที่ชื่อเสียงโด่งดัง ดังนั้นจึงเป็นจุดสนใจอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นความสมบูรณ์ของสคริปต์ที่ประกาศเมื่อปีที่แล้ว ต่อมากับการเลือกนักแสดง จนกระทั่งสุดท้ายการถ่ายทำ ทั้งในวงการและชาวเน็ตต่างตั้งหน้าตั้งตารอ
แม้ในช่วงต้นปีที่มีการคัดเลือกรางวัลที่มีผู้คนรอคอยมากที่สุด บทละครนี้ยังได้รับรางวัลด้วย
ดังนั้นจึงมองออกว่า การเล่นเรื่องนี้ได้รับความนิยมเพียงใดในอินเทอร์เน็ต
นอกจากบทนางเอกแล้ว บทที่สำคัญที่สุดก็คือบทนางเอกรองของถังลั่วเหยา ในเวลานี้เรื่องอื้อฉาวดังกล่าวเกิดขึ้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชาวเน็ตจะแตกกระเจิงเพียงใด
ข้อความที่แนบมากับภาพถ่ายยังสั้นกระชับได้ใจความ
#เผยตัวตนที่แท้จริงในบาร์ของดาราสาวใสซื่อถังลั่วเหยา#
และด้านล่างรายการค้นหายอดนิยม มีข้อความละเมิดมากมายในพื้นที่แสดงความคิดเห็น
“แม่งเอ๊ย! ตอนแรกยังคิดว่าเธอได้รับบทนี้ด้วยความสามารถที่แท้จริง ที่แท้ก็เล่นเส้นสายหรอกเหรอ”
“โรงแรมนี้ดูคุ้นๆ นะ ที่นั่นเป็นที่คาวโลกีย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดไม่ใช่เหรอ ได้ยินมาว่าในนั้นมีการแลกเปลี่ยนหลายประเภท เธอจะไปที่แบบนั้นทำไม”
“เธออาจจะเป็นลูกค้าประจำ แต่ภายนอกแสร้งว่าใสซื่อ”
“ผู้ชายเหมือนจะเป็นประธานเย่เซิ่งกรุ๊ปนะ! เป็นบริษัทบันเทิงขนาดใหญ่ สองคนนี้จะไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันแน่เหรอ”
“ดูท่าทางก็รู้แล้วว่ามันใช่”
“น่ารังเกียจขนาดนี้เลยเหรอ ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าขายการทำงานหนักและมีแรงบันดาลใจหรือไง ที่แท้ก็เป็นแรงบันดาลใจแบบนี้เองเหรอเนี่ย!”
“นี่มันไร้ยางอายเกินไปแล้ว คนประเภทนี้ควรออกไปจากวงการบันเทิง!”
“ถูกต้อง! ไสหัวออกไปจากวงการบันเทิง!”
ไม่นาน หัวข้อ #ถังลั่วเหยาไสหัวออกไปจากวงการบันเทิง# ก็อยู่ในรายการค้นหายอดนิยม
ส่วนถังลั่วเหยาในตอนนี้ ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ตเลย ยังคงนอนหลับอยู่ภายใต้ผ้าห่ม
มันไม่ง่ายที่จะได้วันหยุดหลายวัน ถึงแม้ว่าต่อจากนี้จะมีเรื่องราววุ่นวายอีกมาก แต่ก็ไม่ได้รอช้าที่จะให้รางวัลกับตัวเอง อย่างไรเสียวุ่นวายใจก็เป็นแค่วันวันเดียว ไม่วุ่นวายใจก็เป็นแค่วันวันเดียว
ถังลั่วเหยาคิดอย่างใจกว้าง แต่สิ่งนี้ทำให้ซูหงเอเจนต์ของเธอกังวลแทบตาย
เพราะเธอจะปิดเสียงโทรศัพท์มือถือเวลาที่หลับ ดังนั้นซูหงจึงไม่สามารถติดต่อเธอได้
เมื่อหมดหนทางเธอจึงโทรหาเสี่ยวเหอ
เสี่ยวเหอก็ติดต่อไม่ได้ เมื่อไตร่ตรองดูแล้วคิดว่าถังลั่วเหยามักจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับจิ่งหนิง สุดท้ายจึงโทรหาจิ่งหนิง
บังเอิญว่าตอนที่จิ่งหนิงรับสายนั้นกำลังอยู่ในห้องทำงานของลู่จิ่งเซิน
และคนในห้องทำงานของลู่จิ่งเซินนอกจากเธอแล้วยังมีอีกคน นั่นก็คือเฟิงยี่
เฟิงยี่นั้นหายากที่จะมาที่นี่ ก็ไม่ใช่ว่ามีเรื่องอะไร แค่ไม่มีอะไรทำเตร็ดเตร่อยู่ก็เลยแวะมาดู
กลับกลายเป็นว่ามาดูแต่ได้ยินข่าวใหญ่เช่นนี้
มีใครบางคนแสดงท่าทีตรงประเด็นว่าเรื่องเล็กขนาดนี้ ไหนเลยจิ่งหนิงจะต้องไปด้วยตัวเอง
พอดีกับที่เขาก็ว่างไม่มีเรื่องอะไร เขาจึงสามารถช่วยได้
จิ่งหนิงเห็นสิ่งนี้ก็มองเขาอย่างเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม และพูดล้อว่า “เฟิงยี่ ทำไมฉันรู้สึกว่าพอเป็นเรื่องของลั่วเหยา คุณจะกระตือรือร้นเป็นพิเศษ คงจะไม่ใช่ว่าสนใจเธอหรอกนะคะ!”
เฟิงยี่ที่ถูกเปิดเผยความลับภายในใจ สีหน้าก็เขินๆ ไปเล็กน้อย
แต่ก็ไม่มีการปฏิเสธ
จิ่งหนิงเห็นสิ่งนี้ จึงส่งเรื่องให้เขาไปแก้ปัญหาเอง
เมื่อเฟิงยี่ได้รับอนุญาต ทันใดนั้นก็มีความสุขมาก และก็จากไปด้วยความสุขใจ
หลังจากที่เขาจากไป จิ่งหนิงก็มองดูเวลา พบว่ามันสายแล้ว ตนยังต้องไปดูที่บริษัท ดังนั้นจึงบอกลาลู่จิ่งเซิน
เรื่องของถังลั่วเหยาจัดการได้อย่างรวดเร็ว
เนื่องด้วยมีเฟิงยี่ลงสนาม เพราะในมือเขามีหลักฐานการกระทำผิดของหลิวหยู่เทียนอยู่มากมาย และยังมีวิดีโอการโต้เถียงระหว่างถังลั่วเหยากับซูฉินก่อนหน้านี้ด้วย
นอกจากซูฉินแล้ว เขาก็คิดไม่ออกแล้วว่าจะเป็นใครได้ที่ทำ
หลังจากตรวจสอบแล้วก็เป็นไปตามที่คาด มันเป็นเธอ
เฟิงยี่ส่งข้อมูลและเอกสารประกาศทั้งหมดที่เกี่ยวข้องให้กับเสี่ยวเหอ เสี่ยวเหอบอกให้ซูหงประกาศโดยตรง ในที่สุดพายุก็สงบลง
และอีกด้านหนึ่ง ลู่จิ่งเซินก็กำลังจะไปต่างประเทศสองสามวัน
จิ่งหนิงนั้นรู้สึกได้ชัดเจน ว่าช่วงนี้ผู้ชายคนนี้ติดตนแค่ไหน โชคดีที่ตอนนี้กู้ซือเฉียนยังนับว่าซื่อสัตย์ ไม่ได้เอางานพวกหยุมหยิมมาใส่เธอมาก ดังนั้นระหว่างทั้งคู่จึงมีช่วงเวลาให้หวานซึ้ง
และครั้งนี้ ลู่จิ่งเซินไปต่างประเทศเพื่อธุรกิจ จิ่งหนิงจึงตกลงกับเขาว่าในวันที่เขากลับมาจะไปรับเขาที่สนามบินด้วยตนเอง
วันนี้ลู่จิ่งเซินบินแต่เช้า คาดว่าจะมาถึงตอนบ่ายสองโมง
จิ่งหนิงถ่ายทำเสร็จในตอนเช้า รีบร้อนกลับไปที่โรงแรม ล้างเครื่องสำอางแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วมุ่งหน้าไปที่สนามบิน
ไม่ได้เจอกันไม่กี่วัน ต้องเรียกว่าชู้รักย่อมดีกว่าคู่แต่งงานใหม่ โดยธรรมชาติแล้วนั้นคิดถึงเธอจนแทบบ้า
แต่ทว่า จิ่งหนิงยังไปไม่ถึงสนามบิน ทันใดนั้นก็ได้รับสายจากหัวเหยา
เพิ่งรับสาย อีกฝั่งก็มีเสียงผู้หญิงสะอื้นดังมา
“หนิงหนิง ช่วยฉันด้วย!”
จิ่งหนิงตกใจมาก เลี้ยวรถเข้าข้างทาง เบรกหยุดฉุกเฉินข้างถนน
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น” เธอถามด้วยน้ำเสียงร้อนใจ
“ฉันอยู่ที่โรงแรมMusi ห้อง5003 รีบมาช่วยฉันเร็ว…”
สายมาถึงตรงนี้ ทันใดนั้นก็มีเสียง ‘เพี๊ยะ!’ ก่อนจะวางสายไป
โดยไม่ต้องอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ได้บอกว่าต้องโทรหาตำรวจหรือไม่ จู่ๆ ก็วางสายไป
จิ่งหนิงมองไปยังหน้าจอที่ดับมืดลงไปของโทรศัพท์มือถือ ในใจเริ่มมีร่องรอยความสับสน
จิตใต้สำนึกของเธอนึกไปถึงจี้หลินยวน
อยากจะรีบโทรหาเขา แต่ก็พบว่าทั้งสองไม่ถูกกัน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้เก็บเบอร์ของเขาไว้
ในเวลานี้ มันสายเกินไปที่จะค้นหาแล้ว
และความจริงแล้วเธอก็ไม่ได้เชื่อในตัวจี้หลินยวนทั้งหมด ผู้ชายคนนั้นที่สามารถฉุดเหยาเหยาไปครั้งหนึ่ง รู้ได้อย่างไรว่าจะไม่ฉุดเธอไปอีกเป็นครั้งที่สอง
บางทีครั้งนี้อาจเป็นเขาที่ทำเหยาเหยาแบบนี้ก็ได้!
คิดมาถึงตรงนี้ จิ่งหนิงก็ยิ่งกังวลราวไฟแผดเผา
ในที่สุดก็ทำได้แค่ส่งข้อความสั้นๆ ไปหาลู่จิ่งเซิน แล้วขับรถไปทางโรงแรม
โรงแรมMusi ไม่ไกลจากที่ที่เธออยู่ ขับรถมาสิบนาทีก็ถึง
จิ่งหนิงเดินเข้าไปในโรงแรมแล้วขึ้นลิฟต์ไป มาถึงชั้น15 ค้นหาห้อง5003 ตามที่หัวเหยาบอกจนเจอ
มือเพิ่งจับลูกบิดประตู คิดไตร่ตรองว่าจะเคาะไปตรงๆ เลยดีหรือหาทางให้พนักงานของโรงแรมมาเปิดประตูให้ดี ทันใดนั้นหลังคอก็เจ็บแปลบ เพียงรู้สึกว่ามีกระแสไฟฟ้ากระทบผ่านร่างกาย จากนั้นดวงตาก็มืดลง และก็ไม่รับรู้อะไรอีก
ส่วนอีกด้าน ลู่จิ่งเซินลงจากเครื่องแล้ว
หลังจากลงจากเครื่องบินก็เปิดโทรศัพท์ทันที แต่กลับได้รับข้อความจากจิ่งหนิง
หลังจากอ่านข้อความแล้ว สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปมาก
รีบกดเบอร์โทรกลับไป รอสายประมาณห้าหกครั้ง จนในที่สุดก็เชื่อมต่อติด
อย่างไรก็ตาม อีกฝั่งกลับมีเสียงหนึ่งที่ทำให้เขาคลั่งหนัก
“ซือเฉียน…เบาหน่อย…อือ…”