บทที่ 392 ไม่เจอกับเขาอีก
ในทันใดนั้น ทุกสายตาจับจ้องไปที่เขา และแสงแฟลชมากมายก็ส่องมาทางเขา
มู่ยั่นเจ๋อถึงกับตกตะลึง รอจนทุกคนนั้นถ่ายภาพเสร็จ และพบว่าคือเขาจริงๆ ในตอนนั้นทุกคนก็เดือดพล่านขึ้นมา
“คุณมู่ยั่นเจ๋อ ได้ข่าวว่าคุณกับจิ่งหนิงซึ่งแฟนเก่าของคุณมาพบกันที่นี่ในวันนี้ เป็นเรื่องจริงเหรอคะ?”
“พวกคุณเลิกกันมานานแล้วนะ ตอนนี้ถ่านไฟเก่ามันร้อน จนต้องกลับมารีเทิร์นกันเหรอ?”
“คุณรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้เธอแต่งงานกับลู่จิ่งเซินแล้ว?คุณคิดว่าเรื่องระหว่างพวกคุณสองคนนั้นจะเป็นไปได้ไหม?”
“ขอสอบถามหน่อยค่ะ พวกคุณแอบมาเจอกันเป็นการส่วนตัวแบบนี้กี่ครั้งแล้ว?”
“……”
คำถามนับไม่ถ้วนถาโถมเข้ามา ทุกคนกำลังดำดิ่งกับความตื่นเต้นที่จะได้ซุบซิบนินทา และจะได้ข่าวใหม่ จนลืมไปเลยว่าในตอนนี้มู่ยั่นเจ๋อกำลังถูกมัดตัวไว้อยู่ มากไปกว่านั้นที่ปากก็ยังมีผ้ายัดไว้อยู่เช่นกัน จนทำให้เขานั้นไม่สามารถที่จะพูดอะไรได้เลย
จนในที่สุดก็มีนักข่าวคนหนึ่งพบว่าลักษณะท่าทางของเขานั้นผิดปกติ
เขารีบเดินไปข้างหน้าและเอาผ้าที่อยู่ในปากเขาออกมา
ในทันใดนั้น เมื่อเขาได้เปิดตาออก ก็ได้ยินเสียงมู่ยั่นเจ๋อพูดออกมาด้วยความโมโห “พวกเธอกำลังพูดเรื่องบ้าบออะไรกันอยู่?ฉันถูกคนจับตัวมา!ฉันไม่ได้เจอกับจิ่งหนิงเลยสักนิดเดียว!”
นักข่าวทั้งหมด “……”
พนักงานโรงแรม “……”
มู่ยั่นเจ๋อก็ไม่ใช่คนโง่ เพราะตอนนี้สถานะของจิ่งหนิงนั้น ไม่ใช่คนที่เขาควรจะไปทำให้โกรธหรือไม่พอใจ
อีกอย่างเรื่องของพวกเขาสองคนนั้นมันก็เป็นเพียงแค่อดีต ถ้าหากยอมรับว่าตนเองและจิ่งหนิงมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกัน ก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีต่อเขาแน่ๆ
เพราะว่าเขาเป็นคนเช่นนี้ ทำให้จิ่งหนิงวางใจที่จะปล่อยให้เขานั้นรับมือกับสถานการณ์นี้เพียงคนเดียว
ส่วนทางอีกด้านหนึ่งนั้น
จิ่งหนิงได้ลากกู้ซือเฉียนกระโดดเข้าไปในระเบียงของอีกห้องหนึ่ง และข้างนอกนั้นก็ไม่ได้มีใคร ในที่สุดพวกเขาก็สามารถออกมาจากโรงแรมได้
จากที่กู้ซือเฉียนคิดเผื่อไว้ ข้างล่างก็น่าจะยังมีนักข่าวล้อมรอบอยู่ พวกเขาทั้งสองคนจึงตัดสินใจออกทางประตูหลัง
คิดไม่ถึงว่าเมื่อออกมาจากประตู ก็เห็นรถไมบัคคันสีดำมาจอดอยู่ที่ด้านหน้าพวกเขาทั้งสองคน
กู้ซือเฉียนขมวดคิ้ว
“Sevenน้อย ถ้าหากว่าเธอบอกสามีของเธอ ว่าคนที่เธอมีความสัมพันธ์ส่วนตัวด้วยไม่ใช่ผู้ชายคนนั้นที่ชื่อว่ามู่ยั่นเจ๋อ แต่เป็นฉัน เขาจะว่าอย่างไรเหรอ?”
จิ่งหนิงจ้องเขม่นไปที่เขาอย่างไม่สบอารมณ์ พูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “หยุดโวยวายได้แล้ว!”
เธอพูดจบก็ปล่อยมือเขา และเดินตรงไปที่รถ
กระจกรถคันนั้นลดลงมาครึ่งหนึ่ง ใบหน้าบึ้งตึงของชายคนนั้นถูกเปิดเผยขึ้นมา
เขาไม่ได้มองไปทางพวกเขา แต่สีหน้าและบรรยากาศที่ล้อมรอบนั้นก็สามารถอธิบายทุกอย่างได้หมดแล้ว
จิ่งหนิงเม้มปาก และพูดออกมา “ลู่จิ่งเซิน เรื่องนี้มันอธิบายได้นะ”
ลู่จิ่งเซินกลับไม่พูดอะไรออกมา
จากนั้นจิ่งหนิงก็เปิดประตูรถขึ้นไป เพียงชั่วพริบตารถคันนั้นก็จากหายไปจากสายตาของกู้ซือเฉียน
เขามองรถคันนั้นจากไป สุดท้ายก็ยิ้มออกมาที่มุมปาก และหัวเราะออกมาเบาๆ
ขณะเดียวกันที่บนรถ
บรรยากาศนั้นก็กดดันมากจนทำให้คนนั้นยากที่หายใจเข้าออก
ลู่จิ่งเซินไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำ รัศมีของความเยือกเย็นในตัวเขานั้นแผ่ออกมา จนสามารถทำให้คนอื่นหนาวสั่นได้เลยทีเดียว
แม้แต่ซูมู่ที่นั่งอยู่ด้านหน้าเงียบๆ ก็รู้สึกเย็นวูบวาบไปทั้งหลัง จนทำให้เจ้าตัวนั้นสั่นออกมา
จิ่งหนิงเม้มปาก ผ่านไปสักพักเธอถึงจะเปิดปากพูดออกมา
“มีคนคิดร้ายกับฉัน มีคนใช้คลิปเสียงของหัวเหยามาหลอกฉัน ฉันคิดว่าเธอกำลังตกอยู่ในอันตรายก็เลยรีบมาช่วย จากนั้นก็ถูกวางยาสลบ พอตื่นขึ้นมาก็พบกับกู้ซือเฉียน และมู่ยั่นเจ๋อที่ถูกมัดตัวเอาไว้ ฉันคิดว่ามีคนต้องการที่ใช้เหตุการณ์ครั้งนี้ในการเขียนข่าวที่ไม่ดีออกไป เพื่อทำลายชื่อเสียงของฉัน แต่เหตุผลอื่นฉันก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ฉันไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน แต่พอฉันตื่นขึ้นมา ฉันก็รีบหนีออกมาทันแผนของพวกเขาเลยไม่สำเร็จ”
เธอคิดว่าตัวเองก็อธิบายอย่างชัดเจนแล้ว
แต่ไม่เป็นอย่างที่คิด ลู่จิ่งเซินยังคงถามออกมา “อย่างนั้น ความหมายของเธอก็คือ ทุกอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างนั้นเหรอ?”
เธอเงยหน้าขึ้น มองไปที่ดวงตาของเขา
ดวงตาของเขานั้นช่างเย็นชาเหลือเกิน ช่างหนักหน่วงราวกับน้ำแข็งที่ทิ่มแทงเข้าไปในกระดูกของคน
“เธอได้ยินอะไรไหม?”
ลู่จิ่งเซินเม้มปากลงอย่างเย็นชา
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา นิ้วมืออันเรียวยาวของเขากดเข้าไปยังรายการที่บันทึก และกดเล่นเสียงโดยอัตโนมัติ
“ซือเฉียน เบากว่านี้หน่อย……โอ้ยยยยยย……อ้า……”
ในทันใดนั้นสีหน้าของจิ่งหนิงก็เปลี่ยนไปทันที
คลิปเสียงสั้นมา แต่มันชัดเจนเหลือเกิน ถ้าหากเป็นคนที่บรรลุนิติภาวะแล้วยังไงก็ต้องเข้าใจว่าคลิปเสียงนี้คืออะไร
ลู่จิ่งเซินยิ้มออกมาอย่างเย็นชา
“จนถึงตอนนี้ เธอก็ยังจะบอกฉันว่าทุกอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างนั้นเหรอ?”
จิ่งหนิงตัวเริ่มสั่น สีหน้าเริ่มซีดเผือด
เธอมองเขาไปที่เขาด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อตัวเอง “คุณไม่เชื่อฉันเหรอ?”
ลู่จิ่งเซินไม่พูดอะไรออกมา
จิ่งหนิงยิ้มแสยะยิ้มออกมา “ลู่จิ่งเซิน คลิปเสียงนี้มันถูกตัดต่อมา ไม่ใช่ว่าคุณจะฟังไม่ออก!”
เมื่อถึงจุดนี้สีหน้าของเขาก็ค่อยๆผ่อนคลายลง
เขามองไปทางเธอด้วยสายตาที่เย็นชา และพูดออกมา“วันนี้เขามาปรากฏตัวที่นี่ ก็เป็นเรื่องบังเอิญอีกเช่นกัน?”
คราวนี้จิ่งหนิงไม่รู้จะพูดอะไรออกมา
ลู่จิ่งเซินเผยท่าทีเย้ยหยันและดุดันอีกครั้ง
“เธอบอกว่ามีคนคิดจะจัดฉากเรื่องของเธอกับมู่ยั่นเจ๋อฉันก็พอจะเชื่ออยู่ แต่คลิปเสียงอันนี้มันคืออะไรกัน?คนที่คิดจะวางแผนนั้นจะใช้เรื่องเธอกับมู่ยั่นเจ๋อ แต่คลิปเสียงกลับเป็นชื่อของกู้ซือเฉียน เธอสามารถอธิบายเรื่องนี้ได้ไหมล่ะ?”
จิ่งหนิงหยุดนิ่ง จากนั้นก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว
“คุณโทรมาหาฉันตอนไหน?”
ลู่จิ่งเซินไม่ได้พูดอะไรออกมา
จิ่งหนิงไม่อยากที่จะต่อล้อต่อเถียงกับเขา จึงหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมาดูเวลา มันคือห้านาทีก่อนหน้านี้
จากสนามบินมาที่นี่เร็วสุดก็ต้องใช้เวลา15นาที พูดง่ายๆก็คือเมื่อลู่จิ่งเซินลงจากเครื่องบินก็รีบโทรหาเธอทันที ได้ยินคลิปเสียงนี้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จิ่งหนิงก็เหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด
ก็รู้สึกปวดหัวอย่างบอกไม่ถูก
“ขอโทษจริงๆ เรื่องนี้เป็นเพราะตัวฉันคิดไม่ถี่ถ้วนเอง จนทำให้คุณเป็นห่วง ฉันมั่นใจว่าคลิปเสียงอันนี้กู้ซือเฉียนเป็นคนส่งมา เขาไม่ต้องการทำลายความสัมพันธ์ของเราสองคน คุณอย่าโดนเขาหลอกนะ”
ลู่จิ่งเซินยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น
“อ้อ?เขาชอบเธอขนาดนั้นเลยเหรอ?”
จิ่งหนิงนิ่งเงียบ
“ที่ผ่านมาฉันก็แอบเก็บไว้ในใจมาตลอด ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขานั้นมันคงจะไม่ธรรมดาจริงๆ แต่เมื่อคิดไปคิดมา ก็ไม่ได้คิดมาก่อนว่าพวกเธอนั้นจะมีความสัมพันธ์อะไรกัน แต่ตอนนี้จากที่ดูๆแล้ว ฉันคิดว่ามันคงไม่ใช่ความรู้สึกลอยๆของฉันแล้วแหละ”
จิ่งหนิงไม่ได้พูดอะไรออกมา ในตอนนี้เธอไม่รู้จริงๆว่าต้องพูดอะไร
ลู่จิ่งเซินย้อนถาม “แล้วทำไมวันนี้เธอถึงไม่พาโม่หนานมาด้วย?”
“ฉัน……” เธอลังเลสักครู่หนึ่ง จากนั้นก็ฝืนยิ้มออกมา “ขอโทษนะ ฉันลืมจริงๆ”
สายตาของลู่จิ่งเซินมืดลงอย่างชัดเจน
“เธอลืมหรือเธอจงใจกันแน่?จิ่งหนิงตอนนี้เธอเรียนรู้ที่จะโกหกฉันอย่างนั้นเหรอ”
จิ่งหนิง“……”
ฝ่ายชายมองเธอด้วยสายตาที่มืดลง มองด้วยความตั้งใจ แต่ก็ยังคงมีร่องรอยของความผิดหวังแอบแฝงไว้ด้วย
“เธอรู้ไหม? ฉันคิดมาโดยตลอดว่าที่เราสองคนสามารถเดินด้วยกันมาจนถึงวันนี้ได้ มันก็คงทำให้เราสองคนสามารถเชื่อใจกันและกันได้ แต่ตอนนี้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเธอไม่ได้คิดอย่างนั้น จิ่งหนิง เธอเลือกได้นะว่าจะปิดบังฉันต่อไป แต่ฉันเป็นสามีของเธอ ฉันก็มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องให้เธอนั้นซื่อสัตย์กับสามีของตัวเองเช่นกัน! ดังนั้น ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ฉันไม่อนุญาตให้เธอพบเจอกับเขาอีก ได้ไหม?”
จิ่งหนิงเงียบ เธอรู้สึกลำบากใจ
“ลู่จิ่งเซิน……”
“ฉันไม่ต้องการคำตอบปฏิเสธ”
เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงสีหน้ายืนยันชัดเจน จนไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้