บทที่ 408 รู้สึกไม่คุ้มค่า
ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วเล็กน้อย “เบาเกินไป ผมไม่ได้ยิน”
จิ่งหนิงพูดเสียงดังขึ้น เพื่อทำให้เขาพอใจ แถมยังยิ้มมุมปากเยาะเย้ยด้วย “สามี~~”
และหางเสียงยังลากยาว เหมือนกับกำลังประชดประชันเขา
เป็นดั่งที่คาดคิด มือที่จับพวงมาลัยของผู้ชายยิ่งแน่นขึ้น
แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือ ไม่ได้รับคำตอบที่จิ่งหนิงต้องการ แต่ผู้ชายกลับหรี่ตาและพูดว่า : “พูดอีกครั้ง
จิ่งหนิงโมโหจนกัดฟันแน่น เพราะคิดอยากกัดคน
แต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ยังมาเรียกร้องอีก ดังนั้นจึงทำได้เพียงปรับสีหน้า และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า : “สามีค่ะ ช่วยบอกฉันหน่อยนะคะ ฉันอยากรู้~~”
น้ำเสียงหวานหยาดเยิ้มมาก….จนแม้แต่เธอยังรู้สึกขยะแขยงเลย!
ผู้ชายมีร่างกายแข็งทื่อ หายใจหอบ จู่ๆก็กำมือของเธอไว้ แล้วดึงมาวางบนร่างกายของตัวเอง
จิ่งหนิงสะดุ้งตกใจ
จากนั้นก็พูดว่า”โอ๋” ชั่วพริบตาเธอก็ดึงมือกลับมา
“ลู่จิ่งเซิน เจ้าคนประสาทเสีย!”
เธอกำหมัดไว้พร้อมฟาดใส่บนตัวผู้ชาย แต่โชคดีที่ผู้ชายมีร่างกายกำยำแข็งแรง และมีเทคนิคการขับรถที่ดีเยี่ยม ไม่เช่นนั้นรถยนต์คงเสียหลักแล้ว
ลู่จิ่งเซินใช้เพียงมือข้างเดียวจับมือของเธอทั้งสองข้างไว้อย่างยากลำบาก จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่ว่า : “กลางวันแสกๆแบบนี้ยังกล้ายั่วผมหรอ เห็นท่ากลับบ้านต้องจัดการคุณแล้วล่ะ”
จิ่งหนิงรู้ว่าจัดการในความหมายของเขาคืออะไร
ทันใดนั้นเธอก็มีใบหน้าแดงก่ำขึ้น และพูดตอบโต้อย่างไม่มีแรงว่า : ก็คุณให้ฉันเรียกคุณก่อน!”
“ทำไมไม่เชื่อฟัง? เห่อ! แล้วตอนที่อยู่บนเตียง ผมให้คุณเรียกทำไมคุณถึงไม่เรียก?”
จิ่งหนิง : “……”
เธอกัดกระพุ้งแก้มเล็กน้อย ในตอนนี้ใบหน้าของเธอแดงก่ำเหมือนกับกุ้งมังกร เธอเบิกตากว้างจ้องมองเขา ไม่นานก็พูดขึ้นว่า “นักเลง!”
ลู่จิ่งเซินกลับยิ้มแย้มอย่างสบายใจ พร้อมเผยสายตาเจ้าเล่ห์ขึ้น
“อืม เดียวผมจะทำให้ดูว่าอะไรที่เรียกว่านักเลง”
“นี่คุณ!” จิ่งหนิงรู้สึกกลัวแล้ว จึงถอยไปข้างหลังเล็กน้อย “คุณอย่ามาพูดแบบนี้ ตอนนี้เป็นกลางวันนะคะ”
“เหอะ––อย่างกับไม่เคยทำตอนกลางวันอย่างนั้น”
จิ่งหนิงหูแดงก่ำชั่วพริบตา
แน่นอนว่าเธอจำได้ ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันมานาน ถึงแม้ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนบ้ากาม แต่ถ้าหากทั้งสองคนอยู่บ้านด้วยกัน มักจะเกิดอารมณ์ทางเพศได้ง่ายดาย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าของเธอก็ยิ่งแดงก่ำ
ผ่านไปไม่นาน รถยนต์ก็มาถึงบ้าน
กลางวัน สาวใช้ที่อยู่ในบ้าน หากไม่พักผ่อน ก็อยู่หลังบ้าน ข้างหน้าบ้านไม่มีใครอยู่เลย
จิ่งหนิงถูกลู่จิ่งเซินอุ้มเข้าในคฤหาสน์
รถยนต์ยังไม่ทันได้ดับ เขาก็ยัดกุญแจใส่ไว้ในมือของป้าหลิว แล้วรีบอุ้มจิ่งหนิงขึ้นข้างบน
ภายในห้องนอนชั้นสอง
จิ่งหนิงถูกเขาอุ้มวางบนเตียง ในตอนนี้เธอทั้งรีบร้อนใจและโมโหมาก ขณะเดียวกันก็เอาผ้าห่มมาห่มตัวหนาๆ และพูดขึ้นว่า : “คุณอย่าเข้ามา ฉันจะไม่ทำอะไรกับคุณทั้งนั้น ตอนนี้ฉันยังไม่มีอารมณ์!”
ลู่จิ่งเซินถอดเสื้อผ้าบนร่างกายออก พร้อมฉีกปากยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ขึ้น
“เชื่อฟัง เดียวผมจะทำให้คุณมีอารมณ์ชั่วพริบตา”
พูดจบก็กระโจนเข้ามา
จากนั้นเขาก็ดึงผ้าห่มที่อยู่บนตัวเธอออก จิ่งหนิงรีบร้อนใจจนยกกำหมัดฟาดใส่เขา แต่กลับถูกผู้ชายจับมือไปไว้ข้างหลังตัวเอง เธอพยายามบกเท้าเตะเขา แต่ถูกเขาใช้ขาข้างหนึ่งกดทับไว้
“คนเลว! นักเลง! ฟาสซิสต์! ป่าเถื่อน!”
ทั้งมือทั้งขาของจิ่งหนิงถูกจับไว้อย่างแน่น จึงทำได้เพียงใช้ปากจู่โจม
ผู้ชายกลับไม่รู้สึกรู้สา แต่จูบบนเรือนร่างของเธอ และบางครั้งก็ตอบเธอว่า “แล้วยังไงต่อ”
จิ่งหนิงโมโหจนด่าไม่ออกแล้ว
“ฮือฮือฮือ~~คุณรังแกฉัน ทั้งที่บอกจะรักและทะนุถนอมฉันตลอดชีวิต นี่เพิ่งผ่านไปไม่เท่าไหร่เอง คุณก็รังแกฉันแล้ว~~”
ภายใต้สถานการณ์จนปัญญา เธอทำได้เพียงใช้ท่าไม้ตาย นั้นคือร้องไห้!
แต่ดูเหมือนการร้องไห้ครั้งนี้ใช้ไม่ได้ผล ผู้ชายจูบบนน้ำตาของเธอ จากนั้นก็ยื่นมือจับบนผิวหนังที่อ่อนนุ่มของเธอ ชั่วพริบตาเธอสั่นเทาเล็กน้อยทันที
“เห่อ” ผู้ชายส่งเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานขึ้น
ครั้งนี้จิ่งหนิงจะร้องไห้จริงแล้ว
ผู้ชายคนนี้รู้จักร่างกายของเธอเป็นอย่างดี จึงสามารถควบคุมเธอได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็ทำให้เธอตกอยู่ภวังค์ภายใต้ฝ่ามือของเขา
“เรียกสามี”
เขาพูดเสียงแหบขึ้น
จิ่งหนิงกัดริมฝีปากอย่างแน่น ไม่ยอมปริปากพูด
“จะเรียกไหม?”
“คุณช่วยเบามือหน่อย”
“เรียกสามี ผมจะยอมเบามือ”
สุดท้ายเธอก็ทนไม่ไหว และยอมจำนนต่อคำข่มขู่ของเขา “สามี”
“ห่ะ? เรียกสามีทำไมหรอ?”
“สามี ช่วยเบามือหน่อย”
“แบบนี้สิน่ารักหน่อย….”
จิ่งหนิงเกือบสลบหมดสติแล้ว
ผู้ชายคนนี้เป็นคนเร่าร้อนเวลาอยู่บนเตียง ก่อนหน้านี้เป็นเพราะสงสาร และกลัวเธอทนไม่ไหว จึงไม่กล้าออกแรง แต่วันนี้กลับเหมือนกินยาม้า ควบคุมยังไงก็ไม่อยู่แล้ว
จากนั้นจิ่งหนิงก็นอนซบหน้าอกของผู้ชาย เธอมีท่าทางเหนื่อยมากจนแม้แต่นิ้วไม่คิดอยากขยับ
ลู่จิ่งเซินมองดูท่าทางเหนื่อยล้าของเธอ เมื่อรู้ว่าวันนี้ตัวเองลงมืออย่างรุนแรงต่อเธอ ภายในใจก็รู้สึกเสียใจภายหลัง แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกผ่อนคลายเมื่อกี้ก็อดรู้สึกเบิกบานใจไม่ได้
เขาจูบบนริมฝีปากของเธอหนึ่งที และพูดว่า : “นอนพักก่อน เดียวผมไปรินน้ำมาให้”
จิ่งหนิงพยักหน้าอย่างหมดแรงขึ้น
ไม่นานลู่จิ่งเซินก็ถือน้ำเดินเข้ามา จิ่งหนิงจับมือเขาดื่มน้ำ แล้วนอนพักผ่อนต่อ
เมื่อน้ำอุ่นเข้าสู่ภายในร่างกาย เธอก็รู้สึกสบายตัวขึ้น แล้วจ้องมองเขา และพูดว่า : “ตอนนี้บอกฉันได้หรือยัง?”
ลู่จิ่งเซินนิ่งอึ้ง คิดไม่ถึงว่าเธอยังจะจำอีก
เขารู้สึกอยากหัวเราะมาก จากนั้นเขาก็เดินมานั่งบนเตียง แล้วโอบกอดเธอไว้ในอ้อมกอด และพูดขึ้นว่า : “อืม ได้แน่นอน ภรรยาอยากรู้ ทำไมผมถึงจะบอกไม่ได้ล่ะ?”
จิ่งหนิงขี้เกียจโต้เถียงกับเขา จึงมองบนใส่เขาเพื่อแสดงให้รู้ว่าไม่อยากสนใจเขา
ลู่จิ่งเซินลูบจมูกเล็กน้อย
เขารู้ว่าหากยังไม่บอกเธอแบบนี้ เกรงว่าผู้หญิงคงจะโกรธจริงแล้ว ดังนั้นจึงรีบพูดขึ้น
“คือแบบนี้ อีกไม่นานคุณท่านตระกูลเฟิงก็อายุครบเจ็ดสิบปีแล้ว ตอนนี้เฟิงยี่กำลังคิดหาของขวัญวันเกิดให้กับคุณท่านอยู่ เมื่อรู้ว่าท่านโจวมีหยกชิ้นงามก็อยากแกะสลักให้กับคุณท่าน แต่ขอร้องท่านโจวตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ท่านโจวไม่ยอมเสนอราคาสักที ดังนั้นเขาเลยมาขอร้องผม ผมเห็นแก่ความกตัญญูของเขาจึงยอมรับปาก”
จิ่งหนิงคิดไม่ถึงว่าความจริงของเรื่องนี้ช่างเรียบง่ายมาก แต่เธอกลับถูกผู้ขายทรมานเพื่อคำตอบนี้
ในใจรู้สึกไม่คุ้มค่าทันที
ลู่จิ่งเซินจ้องมองท่าทางเสียใจภายหลังของเธอ แล้วยิ้มมุมปาก และโน้มตัวกระซิบข้างหูของเธอว่า : “หากคุณชอบ ผมจะให้อันที่ดีกว่า”
จิ่งหนิงผลักเขาออก “หยุดเอาของพวกนั้นมาเอาอกเอาใจฉัน ฉันกำลังโกรธอยู่”
“จริงหรอ?”
“ใช่!”
“อืม งั้นผมต้องยิ่งพยายามแล้วล่ะ”
ขณะที่ผู้ชายพูดก็พลิกตัวเข้ามา พร้อมลูบไล้บนร่างกายของเธอ
จิ่งหนิงสะดุ้งตกใจ และรีบคว้าจับมือของเขาไว้ แล้วพูดว่า : “คุณยังกล้าอีกหรอ?”
ลู่จิ่งเซินไม่กล้าลงมือกับเธอแล้ว เพราะเมื่อกี้ก็ลงมือรุนแรงแล้ว และต้องคำนึงถึงร่างกายของเธอด้วย
เพียงแต่เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของเขา มักทำให้เขาอยากหยอกเล่นเธอ