บทที่ 410 เขาเป็นห่วงเธอ
ขณะที่ตำหนิ เขาก็ดึงมือของเธอ แล้วรีบบิดเปิดฝาขวดน้ำเทใส่ลงบนนิ้วมือ
ความเย็นช่วยบรรเทาความเจ็บปวด จิ่งหนิงพูดขึ้นว่า : “ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ได้เจ็บมากหรอก แค่แผลเล็กน้อยเท่านั้น อีกอย่างไม่ได้เจ็บด้วย”
ลู่จิ่งเซินยังคงเผยสีหน้าคล้ำเครียด และมองประเมินนิ้วมือของเธออย่างละเอียด ถึงแม้ไม่เห็นมีบาดแผล แต่ก็มีรอยแดงอยู่ ถึงแม้ไม่บาดเจ็บมาก แต่คงเจ็บมากแน่
เขารู้สึกหงุดหงิดทันที เลยดึงเธอมานั่งบนเก้าที่อยู่ไกลจากกองไฟที่สุด แล้วพูดว่า : “ไม่อนุญาตเข้าใกล้กองไฟแล้ว อยากกินอะไร เดียวผมสั่งให้เซ่เซียวช่วยเอามาให้
เซ่เซียวเป็นคนรักสนุก เขาไม่มีความสามารถด้านการทำอาหาร เพียงแต่เรื่องปิ้งย่างต้องยกให้กับเขา ซึ่งการปิ้งย่างในคืนนี้ก็ต้องความคิดเห็นจากเขา
จิ่งหนิงคิดอยากดึงมือกลับมา เลยพูดว่า : “ทำไมต้องกังวลแบบนี้ด้วย? ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว”
ลู่จิ่งเซินยังคงมีสีหน้ากังวลอยู่
จิ่งหนิงทำปากมุ่ย “เอาล่ะ ฉันผิดไปแล้วโอเคหรือยัง? คุณอย่าไปเรียกเหยิงยี่เลย เขากำลังสนุกอยู่อย่าไปรบกวนพวกเขาเลย”
ลู่จิ่งเซินหันหน้ามองเฟิงยี่ที่อยู่ทางนั้น เป็นดั่งที่คาดคิด เฟิงยี่กับเซ่เซียวกำลังเล่นบ้าบอกันอยู่ริมทะเล อายุตั้งยี่สิบกว่าแล้ว ยังเล่นเหมือนเด็กไม่กี่ขวบอีก ไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์เลย
เขาอดใจแค่นเสียงประชดออกมาไม่ได้ จากนั้นก็ตำหนิว่า : “ไร้เดียงสา!”
จิ่งหนิงกลั้นหัวเราะ แล้วลุกขึ้นยืน จากนั้นก็จับมือเขา และลากมานั่งใกล้เตา “เอาล่ะ คุณหยุดตำหนิความไร้เดียงสาของพวกเขาได้แล้ว คุณอยากกินอะไรหรอ? เดียวฉันปิ้งให้คุณเอง”
คิดไม่ถึงว่าผู้ชายจะแย่งของในมือของเธอ และพูดขึ้นว่า : “ถอยไปนั่งข้างหลังหน่อย เดียวผมปิ้งย่างเอง”
จิ่งหนิงรู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่เธอก็ลากเก้าอี้ขยับไปข้างหลังเล็กน้อยอย่างเชื่อฟัง แล้วซักถามขึ้นว่า : “คุณทำเป็นหรอ?”
ผู้ชายเหลือบตามองเธอด้วยสายตาดูแคลน “แตรเรื่องเล็กน้อย? ยากตรงไหนกัน”
จิ่งหนิงไม่เชื่อ
แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีบางครั้งที่ปัญญาสามารถบ่งบอกถึงเรื่องอื่นๆมากมาย นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่จิ่งเซินปิ้งย่าง ตอนแรกปิ้งย่างไม่ค่อยดีเลย แต่ปิ้งย่างครั้งที่สามรสชาติก็เปลี่ยนเป็นปกติ จากนั้นรสชาติก็ยิ่งอร่อยขึ้นเรื่อยๆ
จิ่งหนิงกินไม่ยอมหยุด เธอกินพลางชื่นชมพลางว่า “โอ้มายก็อต หากคุณไม่เป็นประธานบริษัท คุณไปเป็นคนขายปิ้งย่างก็ได้นะ ฉันคิดว่าคงรวยแน่เลย”
ชั่วพริบตาลู่จิ่งเซินนิ่งอึ้ง
ประธานของลู่ซื่อกรุ๊ปที่ยิ่งใหญ่ต้องไปขายของปิ้งย่างข้างถนนหรอ? แบบนั้นเขาคงต้องล้มเหลวขนาดไหนกัน?
เขาเบิกตากว้างจ้องมองเธอ และพูดว่า : “กินของคุณ”
จิ่งหนิงกินอย่างเพลิดเพลิน บางครั้งก็ช่วยป้อนให้เขาด้วย
ถึงแม้ลู่จิ่งเซินสามารถปิ้งย่างได้แล้ว แต่เดิมทีเขาไม่ชอบอาหารเหล่านี้อยู่แล้ว หากวันนี้ไม่ใช่เพราะเฟิงยี่เสนอมา และคนอื่นไม่มีข้อคัดค้าน เขาคงไม่ยอมกินแบบนี้แน่นอน
ความหอมของอาหารตรงนี้ดึงดูดสองคนที่กำลังหยอกเล่นกันจากที่ไกล จากนั้นเฟิงยี่ก็พูดขึ้นว่า : “ว้าว พี่สะใภ้กำลังปิ้งย่างเนื้ออยู่หรอ? หอมจัง”
เมื่อเดินเข้าใกล้ก็พบว่าเป็นลู่จิ่งเซินที่กำลังปิ้งย่างอยู่
ทั้งสองคนเผยท่าทางตกใจขึ้น แล้วหันหน้ามองติ่งหนิงที่กินอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ด้านข้าง
ชั่วพริบตาทั้งสองคนก็หัวใจสั่นเทาทันที
พี่สองนี่ช่างเอาอกเอาใจพี่สะใภ้ของพวกเราจริงๆ
ดูสิ คนที่แทบไม่ยุ่งเกี่ยวกับห้องครัว คิดไม่ถึงว่าจะปิ้งย่างเป็นแล้ว?
พลังของความรักช่างยิ่งใหญ่จริงๆ!
เฟิงยี่ทนกลิ่นหอมอันน่ายั่วยวนไม่ไหว เลยเดินเข้ามายิ้มและพูดว่า : “พี่สอง หอมจัง ช่วยปิ้งย่างให้ผมด้วย”
เซ่เซียวก็วางมาดไม่ไหวแล้ว เลยเดินเข้าไปเหมือนกัน “ผมก็เหมือนกัน ผมอยากกินหอยนางรม เนื้อวัวเสียบไม้สามไม้ เนื้อแพะเสียบไม้สิบไม้”
แต่ลู่จิ่งเซินกลับเหลือบมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชาขึ้น
จากนั้นก็พูดสั้นๆขึ้นว่า “ทำเอง!”
ทั้งสองคนนิ่งอึ้งทันที!
จิ่งหนิงหัวเราะฮ่าฮ่าจ้องมองท่าทางหน้าแตกของพวกเขา เฟิงยี่ไม่ยอม เลยวิ่งไปตามเฟิงหลินมาช่วย
“พี่ชาย พี่อยู่กองทัพทหารต้องเคยปิ้งย่างแน่เลย! พี่ช่วยปิ้งย่างให้พวกเรากินหน่อยได้ไหม?”
เฟิงหลินเผยสีหน้าไร้อารมณ์ แล้วพูดอย่างเมินเฉยว่า “ไม่เป็น”
เฟยยี่:“……”
“แล้วผมจะจัดปาร์ตี้ปิ้งย่างทำอะไรกัน? ทุกคนปิ้งย่างไม่เป็น แล้วผมจะยอมปล่อยให้ทุกคนหิวโหยที่นี่ได้ยังไง”
เฟิงหลินยังคงมีสีหน้าไร้อารมณ์ “นายเป็นคนจัดเอง ไม่ใช่พวกฉันเป็นคนบังคับสักหน่อย”
สักพักก็พูดต่อว่า “พูดแล้วผมก็รู้สึกหิวเหมือนกัน ในฐานะที่ผมเป็นเจ้างานของวันนี้ พี่ไม่คิดจะบริการผมสักหน่อยหรอ?”
เฟิงยี่ : “…..”
เขาคิดยังไงก็คิดไม่ออก? ทำไมงานวันเกิดถึงต้องจัดเป็นบาบี้คิวด้วย?
จากนั้นเขาก็หันหน้าเห็นเซ่เซียวคนที่เสนอความคิดเห็น เลยตะโกนร้องด้วยความขุ่นเคืองว่า : “น้องสี่เซ่ นายไสหัวไปทำอาหารให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
เซ่เซียวหันหน้าหนีทันที และตะโกนพูดว่า : “ผมยุ่งอยู่ นายก็ทำเองสิ”
เฟิงยี่อารมณ์ขึ้นอีกแล้ว เลยเดียวเข้าไปถีบบนสะโพกของเขาหนึ่งที และพูดว่า : “ถ้าทำเป็น ฉันจะมาขอนายให้ช่วยไหม? รีบไปทำเดียวนี้”
เซ่เซียวที่โดนถีบก็อารมณ์ขึ้นเหมือนกัน ทั้งสองคนเหมือนจะบีบคอกันแล้ว แต่จู่ๆก็ได้ยินเสียงหวานใสหนึ่งดังขึ้น
“โอ๋ สนุกสนานกันจังเลย นี่พวกคุณกำลังปิ้งย่างกันอยู่หรอ?”
ฝูงชนนิ่งอึ้ง และหันหน้าไปมอง แต่กลับเห็นร่างเงาหนึ่งกำลังเดินเข้ามา
ดวงตาของเฟิงยี่เป็นประกายขึ้นมาทันที
แต่ดวงตาเป็นประกายเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น จากนั้นเขาก็บังคับตัวเองกลับสู่ปกติทันที
“อืม คุณมาแล้วหรอ? ไหนบอกว่าไม่มาไม่ใช่หรอ? เหอะ ตัดใจจากพี่เฟิงคนนี้ยังไม่ได้ใช่ไหม?”
ถังลั่วเหยามองบนใส่เขาหนึ่งที
เมื่อครุ่นคิดสักพัก เธอก็ยัดเอากล่องของขวัญในอ้อมอกใส่มือของเขา และพูดว่า : “หยุดคิดไปเองได้แล้ว ที่ฉันมาก็เพราะเห็นแก่น้ำใจที่ก่อนหน้านี้นายเคยช่วยฉันหรอก ไม่เช่นนั้นใครจะยอมมา!”
ทุกคนรู้จักถังลั่วเหยา เมื่อเห็นแบบนี้ทุกคนก็ถอยออกไปเงียบๆ เพื่อหลีกเลี่ยงเป็นก้างขวางคอ
เฟิงยี่ถูกยัดกล่องของขวัญใส่มือกะทันหัน เขาไม่โกรธ แต่หัวเราะฮ่าฮ่าเปิดกล่องของขวัญ
และเห็นข้างในเป็นนาฬิกาข้อมือราคาแพง ถึงแม้ราคาไม่ถือว่าแพงที่สุด แต่รูปทรงเหมาะสมกับสไตล์ของเขา
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ นี่เป็นของขวัญที่เธอมอบให้ ซึ่งแน่นอนว่าเฟิงยี่ชอบแน่นอน
เขารีบเก็บนาฬิกาที่ใส่บนข้อมือทันที แล้วเปลี่ยนมาสวมเรือนที่ถังลั่วเหยามอบให้ พร้อมยื่นมือหาแสงมองประเมินอย่างชื่นชม
“ไม่เลวเลย ในเมื่อคุณมีน้ำใจแบบนี้ งั้นผมขอรับไว้แล้วกัน มาสนุกกันเถอะ”
จากนั้นถังลั่วเหยาก็เดินตรงไป
เธอเหลือบมองเห็นจิ่งหนิงที่นั่งอยู่ตรงนั้น เลยรีบเดินเข้าไปพร้อมกับรอยยิ้ม จากนั้นเธอก็ได้กลิ่นหอมของอาหารขึ้น
“อืม หอมจัง พี่หนิงหนิง นี่พี่เป็นคนปิ้งย่างเองหรอ? ฉันขอชิมหน่อยได้ไหมค่ะ?”
เมื่อจิ่งหนิงได้ยินแบบนี้ก็ยื่นถาดให้กับเธอทันที แล้วหรี่ตายิ้มพูดว่า : “ฉันไม่ได้เป็นคนปิ้งย่างหรอ แต่สามารถชิมได้ ลองชิมดู”
ลั่วเหยารีบคีบเนื้อชิ้นหนึ่งยัดใส่ปากทันที
วินาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงเซ่เซียวกับเฟิงยี่จากข้างหลังดังขึ้น “พี่สะใภ้สอง พี่ลำเอียง ไม่ให้พวกเรากิน แต่ให้เธอกินได้!”
จิ่งหนิงยิ้มและพูดว่า : “แล้วใครให้เธอเป็นผู้หญิงล่ะ! พวกนายไม่เข้าใจการให้เกียรติผู้ใหญ่และเด็กก็ถือว่าช่างมันแล้ว แต่ไม่ยอมให้เกียรติผู้หญิงฉันไม่เข้าใจ!”
ทั้งสองคนถูกโจมตีอย่างรุนแรง
หลังจากหยอกเล่นกับริมทะเลสองชั่วโมง เฟิงยี่ที่ยังไม่กินอะไรก็ลากทุกคนไปกินอาหารทะเลที่โรงแรมใกล้เคียง