วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 412 บ้าคลั่งทั้งคืน

บทที่ 412 บ้าคลั่งทั้งคืน

เมื่อเทียบกับความลำบากใจของเธอแล้ว ลู่จิ่งเซินเต็มใจมากที่จะจูบกับเธอสิบนาที ดังนั้นจึงหัวเราะเบาๆ: “เมียจ๋า คนเราพูดแล้วคืนคำไม่ได้นะ คุยกันไว้แล้วว่าเล่นเกมส์ ก็ต้องกล้าได้กล้าเสีย”

พูดจบ ก็ดันหัวเธอเข้ามาจูบลงไปทันที

รอบๆมีเสียงโห่ร้องกันอย่างสนุกสนาน จิ่งหนิงเขินจนแก้มแดง อายจนอยากหารูมุดเข้าไปทันที

โชคดี แฟนหนุ่มก็ไม่อยากให้ทุกคนในนี้มามุงดู แค่แตะริมฝีปากของเธอ ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น

แต่ก็เพราะจูบแบบนี้ ทำให้ทุกคนที่มองดูกันอยู่รู้สึกไม่สนุก จากนั้นไม่นานนักก็ไม่เห็นด้วยและพูดขึ้นมาว่า: “พี่รองซ้อรอง พวกคุณทำอย่างนี้เค้าเรียกว่าขี้โกงนะ มีใครเค้าจูบกันแบบนี้ แค่แตะริมฝีปากเฉยๆ?”

ลู่จิ่งเซินจ้องหน้าพวกเขา แต่ไม่พูดอะไร

แต่จิ่งหนิงรู้สึกลำบากใจ ถอยก้าวออกไปนิดๆและพูดว่า: “พวกคุณไม่ได้พูดนี่ว่าจะให้จูบยังไง นี่มันเป็นความอิสระของเรา”

พูดจบ ก็เอาปากกลับไปแตะที่ปากของลู่จิ่งเซินอีกครั้ง

เล่นแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไรที่สนุกๆและน่าดูเลย เฟิงยี่โบกมือ “งั้นช่างเถอะ หนึ่งนาทีละกัน สิบนาทีนานเกินไป”

แผนของจิ่งหนิงสำเร็จ ก็ยิ้มดีใจขึ้นมาทันที

หนึ่งนาทีผ่านไป ลู่จิ่งเซินดื่มเหล้าตามกติกา จิ่งหนิงเอาลูกเต๋ายื่นให้คนต่อไป

คนต่อไปคือจี้หยุนซู จี้หยุนซูมีนิสัยขี้อาย เขย่าได้สองแต้ม เลือกที่จะเล่นพูดความในใจ

ทันใดนั้นก็มีคนถามขึ้นมา “คุณกับกวนเสว่เฟยพัฒนาความสัมพันธ์ไปถึงขั้นไหนแล้ว? ได้มี……”

เฟิงยี่หัวเราะและทำท่า00XX

จี้หยุนซูแก้มแดงเล็กน้อย กวนเสว่เฟยที่นั่งอยู่ด้านหลังของเขา ก็แก้มแดงไปจนถึงติ่งหูเลยทีเดียว

เขาไอเบาๆทีหนึ่ง ตั้งหน้าตั้งตาพูด: “เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว ผมเลือกไม่ตอบได้ไหม?”

“ไม่ได้ไม่ได้ เล่นเกมส์ต้องทำตามกฎกติกา”

จี้หยุนซูเห็นสถานการณ์เช่นนี้ รู้สึกลำบากใจ

เขาเป็นสุภาพบุรุษ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนตัวของฝ่ายหญิงด้วย เขาไม่สะดวกที่จะตอบ

แต่กวนเสว่เฟยเห็นเช่นนี้แล้ว ทำเสียงฮึ่มเบาๆและตอบอย่างใจกว้าง: “เราใกล้จะแต่งงานกันแล้ว คุณว่าพัฒนาไปถึงขั้นไหนล่ะ?”

นี่หมายความว่ายอมรับแล้วสิ

ใบหน้าของจี้หยุนซูแดงขึ้นนิดๆ เฟิงยี่และทุกคนได้ยินคำตอบที่อยากได้แล้ว ต่างก็พากันโห่ร้องหยอกเล่น

ที่จริงพวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะล้อเลียนอะไร ก็แค่หนุ่มๆหยอกกันเล่นเฉยๆ

กวนเสว่เฟยรู้อยู่แล้วต้องเป็นเช่นนี้ ถึงได้ทำใจกว้างๆ

ทุกคนหยอกกันสักพัก แล้วเล่นต่ออีกสองรอบ วนกลับมาถึงจิ่งหนิงอีกครั้ง เธอเลือกที่จะเล่นพูดความในใจ

เซ่เซียวหยิบกระดาษขึ้นมาแล้วหันไปมองหน้าเธอ แววตายิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์

“บอกความในใจกับชายหนุ่มในกลุ่ม ข้อเรียกร้อง ต้องนานเกินหนึ่งนาที”

จิ่งหนิงมองไปทางลู่จิ่งเซิน

เฟิงยี่ทำเสียงจื๊ดๆและรีบพูด: “หมดกัน ต้องเลี้ยงข้าวหมาอีกแล้ว”

นึกไม่ถึง จิ่งหนิงได้ยินคำพูดนี้แล้ว หันหน้าไปมองเขาตรงๆ

เฟิงยี่รู้สึกใจเต้นขึ้นมาทันที สังหรณ์ใจเหมือนมีอะไรที่ไม่ดีจะเกิดขึ้นแล้ว

“ฉันเลือกนาย” จิ่งหนิงกล่าว

เฟิงยี่ถึงกับช็อก

จิ่งหนิงยิ้มตาหวานและกล่าวว่า: “ดูนายแล้ว นายก็หน้าตาดี นิสัยดี อารมณ์ดี นิสัยเกเรแต่ไม่ถึงกับทำให้คนเกลียด รู้จักที่สูงที่ต่ำ ให้ความสำคัญกับญาติมิตร เห็นหน้าตาบ้าๆบอๆ ที่จริงแล้วมีเหตุผลกว่าใครๆ จริงจังจริงใจกับผู้หญิงทุกคน……”

จิ่งหนิงนึกคำชมทั้งหมดที่สามารถนึกได้ของทั้งชีวิตนี้ พูดออกมาให้หมด

เฟิงยี่ฟังแล้วถึงกับตะลึง

หนึ่งนาทีผ่านไป ทุกคนถึงตั้งสติได้และต่างก็ปรบมือดังๆ

“ซ้อรอง คำพูดยอดเยี่ยมจริงๆ”

เฟิงยี่เขินจนหน้าแดง แต่ก็บ่นออกมาคำหนึ่ง “นี่ใช่พูดความในใจที่ไหนอ่ะ มันเป็นคำชมชัดๆ”

จิ่งหนิงเหลือบตามองไป “ฉันบอกว่าเป็นความในใจ ก็คือความในใจ ฉันอยากพูดอะไรก็ได้!”

เฟิงยี่ยังอยากพูดอะไรอีก ถูกสายตาที่แหลมคมดั่งมีดของลู่จิ่งเซินหยุดไว้

ตอนที่จิ่งหนิงชมเธอ ลู่จิ่งเซินที่ด้านข้างทำหน้าไม่พอใจอย่างยิ่ง

เขากล้าที่จะยั่วยุหรือ?

เฟิงยี่รู้สึกลำบากใจแต่พูดออกมาไม่ได้ โมโหจนต้องเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ตัวของจี้หลินยวนและหัวเหยา

ทั้งสองคนต่างก็เป็นคนที่นิสัยเย็นชา แต่กลับถูกเขาถามจนแก้มแดง

ทุกคนเล่นกันหลายรอบ จิ่งหนิงแพ้ไปครึ่งหนึ่งชนะครึ่งหนึ่ง ทำให้ลู่จิ่งเซินดื่มเหล้าไปเยอะมาก สุดท้าย เหมือนจะเมาเหล้าแล้ว

รอบสุดท้าย วนกลับมาถึงจิ่งหนิง เธอเตรียมจะไปเขย่าลูกเต๋า แต่กลับถูกเฟิงยี่ห้ามไว้และกล่าวว่า: “พี่รองนั่งมาทั้งคืนแล้ว รอบสุดท้าย พี่มากเล่นสักรอบสิครับ”

จิ่งหนิงได้ยินแล้ว ยื่นมือที่กำลังจะไปหยิบลูกเต๋า มองไปทางลู่จิ่งเซินและถาม: “คุณจะเล่นไหม?”

ลู่จิ่งเซินไม่ตอบ ขยับๆริมฝีปาก กลับยื่นมือออกไป

เขย่าๆลูกเต๋า เปิดออกมาหกแต้ม

“ความในใจ”

เฟิงยี่รีบเก็บกระดาษขึ้นมา เปิดออกมาอ่าน: “แฟนของคุณทำอะไรให้คุณรู้สึกประทับใจ?”

ลู่จิ่งเซินหันหน้าไปมองจิ่งหนิง

จิ่งหนิงกลับก้มหน้าแล้วเงียบๆ เธอเหมือน……ไม่เคยทำอะไรพิเศษที่ทำให้เขารู้สึกประทับใจมั้ง!

แต่นึกไม่ถึง ลู่จิ่งเซินยื่นมือมากะทันหัน แล้วดันตัวเธอเข้ามา เพราะแอลกอฮอล์ทำให้ดวงตาของเธอแดงก่ำและมีความรู้สึกหวั่นไหวในใจบางๆ

พูดด้วยเสียงต่ำ: “เธอยอมแต่งงานกับผม”

คำง่ายๆห้าคำ กลับทำให้จิ่งหนิงรู้สึกหวั่นใจ

จากนั้น รู้สึกเต็มไปด้วยความสุข

เกิดความรู้สึกที่แปลกๆลึกๆในใจ ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและซาบซึ้ง

จิ่งหนิงเม้มริมฝีปากเบาๆ แล้วหันไปจ้องตาของเขา

แววตาลึกๆของเขา เหมือนดาวที่อยู่บนฟ้าไกลเกินเอื้อมอย่างไม่มีที่สิ้นสุด สว่างเจิดจ้าจนเธอหรี่ตาลง

หัวใจหวั่นไหว พูดเบาๆ: “ฉันก็เหมือนกัน ขอบคุณที่คุณยอมแต่งงานกับฉัน”

คำพูดของจิ่งหนิง ทำให้ลู่จิ่งเซินรู้สึกใจสั่น แววตาที่หันไปมองเธอ ยิ่งร้อนรุ่มขึ้น

ขณะนั้น จิ่งหนิงไม่เข้าใจกับแววตาเช่นนี้ของผู้ชายหมายความว่ายังไง

จนถึงกลางคืน กลับไปถึงบ้าน เธอถึงได้รู้และรู้สึกเสียใจแต่ก็ไม่ทันแล้ว

จิ่งหนิงถูกรังควานทั้งคืนจนแทบจะร่างกระจาย ทั้งตัวเหมือนจะไม่มีที่ไหนที่เป็นของตัวเอง ถูกชายคนนี้ครอบงำทั้งตัวด้วยความเอาแต่ใจ เร่าร้อนในใจ ไม่เว้นแม้แต่นิ้วเดียว

จนถึงวินาทีสุดท้ายที่ยังมีสติ ได้ยินแต่เสียงลมหายใจที่แรงเล็กน้อยและพูดอยู่ข้างหูของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า: “หนิงหนิง ผมรักคุณ ผมรักคุณ”

……

หลังจากความร้อนแรงบนเตียงทั้งคืน ผลตอบแทนของเช้าวันรุ่งขึ้นก็คือปวดเมื่อยไปทั้งตัว เกือบจะลุกจะเตียงไม่ได้เลยทีเดียว

จิ่งหนิงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ชายของเธอคนนี้เป็นอะไรไป ช่วงนี้เหมือนจะมีความต้องการทางเพศสูง

เมื่อก่อนก็ควบคุมอารมณ์ได้ แต่ช่วงนี้เหมือนเป็นบ้าอย่างนั้น ทุกครั้งที่มีอะไรกัน จะต้องทำจนเธอหมดแรงถึงจะยอมหยุด

อีกทั้งวันนี้ ต้องนั่งเครื่องบินไปประเทศF ดังนั้นถ้าอยากจะแอบขี้เกียจพักผ่อนอยู่บ้านก็ทำไม่ได้แน่นอน

ยิ่งเป็นเช่นนี้แล้ว จิ่งหนิงยิ่งรู้สึกอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา

เธอจ้องมองผู้เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้อย่างโมโหและพูดด้วยความโกรธ: “ลู่จิ่งเซิน คุณดูสิ! เรื่องดีที่คุณทำไว้!”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset