บทที่ 415 คอยปกป้องอยู่เบื้องหลัง
ซูหยุนเหมือนเพิ่งจะสังเกตเห็นเธอ
“ท่านนี้ก็คือซ้อเล็กที่พี่จิ่งเซินคุยให้ฟังในตำนานใช่ไหมคะ สวัสดีค่ะ ฉันชื่อซูหยุน คุณกับพี่จิ่งเซินเรียกฉันว่าหยุนหยุนก็พอค่ะ”
จิ่งหนิงยิ้มเล็กน้อย สีหน้าไม่ค่อยยินดีมากนัก “สวัสดีค่ะ”
คุณหญิงย่าจิ้นเห็นเช่นนั้นแล้ว ก็เลยแนะนำให้ลู่จิ่งเซินและพวกคุณลุงคุณอาไปเล่นหมากรุกด้านหลัง ส่วนคุณผู้หญิงทั้งหลายนั่งคุยกันด้านหน้า
พวกผู้ชายไม่ค่อยชอบฟังผู้หญิงคุยเรื่องราวต่างๆนาๆอยู่แล้ว ดังนั้นจิ่งหนิงไม่ได้ใส่ใจ
แต่กลับเป็นลู่จิ่งเซิน ก่อนจะเดินไปยังกลัวว่าเธออยู่ตรงนั้นจะไม่ค่อยเคยชิน แอบจับมือเธอด้วย
“คุณนั่นตรงนี้สักพักนึงก่อนนะครับ ผมกับพวกเขาคุยกันสักครู่เดี๋ยวผมมา”
จิ่งหนิงพยักหน้า
หลังจากที่ลู่จิ่งเซินไปแล้ว เธอเดินไปทางโซฟา บนโซฟามีคนนั่งเต็มแล้ว มีสาวรับใช้คนหนึ่งยกเก้าอี้มาตัวหนึ่ง เธอก็นั่งอยู่บนเก้าอี้นั้นเงียบๆ ฟังพวกเธอคุยกัน
ซูหยุนเห็นเช่นนั้นแล้ว ในสายตามีแสงส่องกระพริบๆ
เธอยิ้มแล้วพูดกับพวกญาติๆ: “พวกคุณรู้ไหมว่าตอนที่พวกเราไปทำหน้าที่อยู่ในป่า กินอะไรบ้าง? ฉันจะบอกให้พวกคุณฟังนะ นั่นมันของจริงเลยนะ พวกเรานำอาหารแห้งไปแค่สามวัน ต้องผ่านป่าอเมซอนไปจนถึงฝั่งตรงข้ามถึงจะมีของกิน ระหว่างทางมีกับดักต่างๆตั้งหลายขั้นที่แอบซ่อนไปทั่วทุกที่ พวกเราไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อนด้วยซ้ำ”
เธออยู่ในค่ายทหารมาก่อน สิ่งเหล่านี้เป็นของที่แปลกใหม่มากสำหรับพวกคุณนายคุณหญิงทั้งหลาย ดังนั้นทุกคนต่างก็ฟังกันด้วยความตั้งใจ
มีคนถามขึ้นมา: “ป่าอเมซอนใหญ่มากขนาดนั้น สามวันจะข้ามผ่านไปได้ยังไงล่ะ อีกอย่างกับดักเหล่านั้นก็ไม่บอกพวกคุณด้วย ถ้าได้รับบาดเจ็บจะทำยังไง?”
“บาดเจ็บก็ต้องอดทนไว้ไง” บนใบหน้าของซูหยุนรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย “ฉันจำได้ว่าตอนนั้นฉันเจอพวกโจรแอฟฟริกา เกือบจะถูกพวกเขาจับตัวไปแล้ว แต่โชคดีที่ฉันวิ่งได้เร็ว ไม่ตกลงไปในกับดักของพวกเขา”
“โจรแอฟฟริกา? ใช่พวกชนเผ่ากินมนุษย์หรือเปล่า?”
“อืม……ประมาณนั้นมั้ง! แต่พวกเขาไม่กินมนุษย์ แต่เอาคนมาเซ่นไหว้ ตัดหัว แล้วเอามาวางไว้บนโต๊ะเซ่นไหว้ในคืนวันที่มีพระจันทร์เต็มดวง…..”
“พระเจ้า! อย่าพูดเลย น่ากลัวเกินไป”
“ไม่มีมีอะไรน่ากลัวเลย พวกชนเผ่าที่กินมนุษย์ยังดีนะ ที่น่ากลัวกว่านี้ในนั้นคือแมลงพิษสัตว์ประหลาดต่างๆ หลุมโคลนในป่าที่เต็มไปด้วยเมฆหมอก ถ้าไม่ทันระวังแค่พริบตาเดียว ก็จะต้องกลายเป็นอาหารของพวกมัน พูดถึงพวกนี้แล้ว…”
ซูหยุนหันหน้าไปมองจิ่งหนิงกะทันหัน เหมือนมีความคิดอะไรบางอย่าง: “ตอนนั้นถ้าไม่มีพี่จิ่งเซินช่วยฉันไว้ ฉันก็ออกมาจากในนั้นไม่ได้แน่นอน”
ลู่จิ่งเซิน
พวกเธอฝึกทหาร เกี่ยวอะไรกับลู่จิ่งเซิน?
บนใบหน้าของจิ่งหนิงไม่มีกิริยาอาการใดๆ คุณหญิงย่าจิ้นกลับหัวเราะและอธิบายไปด้วย
“ประมาณหกเจ็ดปีก่อน จิ่งเซินเคยมาที่ประเทศFอยู่ช่วงหนึ่ง ในตอนนั้นเจอเธอโดยบังเอิญจึงช่วยเธอไว้พอดี”
อ่อ!
ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง
จิ่งหนิงเหมือนจะเข้าใจแล้ว ซูหยุนหัวเราะ: “ตอนนั้นฉันแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง จะสู้อะไรเยอะแยะขนาดนั้นได้ ถ้าไม่มีพี่จิ่งเซินคอยแอบปกป้องฉันอยู่เบื้องหลัง ฉันคงตายอยู่ตรงนั้นแน่ๆเลย”
พูดจบ ก็เหมือนต้องการบอกอะไรบางอย่าง: “ตอนนั้นฉันถูกงูพิษตัวใหญ่กัด ทั้งตัวชาไปหมดขยับไม่ได้เลย พี่จิ่งเซินนี่แหล่ะที่เป็นคนช่วยฉันดูดพิษออกมาโดยไม่สนใจว่าจะมีอันตราย ยังอยู่เป็นเพื่อนฉันทั้งคืน ฉันถึงได้รอดจากความลำบากครั้งนั้นมาได้ เราสองคนยังเป็นเพื่อนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาอีกด้วย”
“ฉันก็ว่า คุณสองคนตอนนี้ทำไมถึงสนิทสนมกันมากขนาดนี้ คงจะเป็นเพราะร่วมผจญภัยกันในตอนนั้นล่ะ! ฉันได้ยินมาว่าคุณชายลู่นิสัยเย็นชาไม่ค่อยใกล้ชิดใคร มีแต่คุณที่คุยกับเขาได้สองสามคำ”
ซูหยุนยิ้มหวาน “พี่จิ่นเซินนิสัยเย็นชาที่ไหน? นั่นเป็นเพราะพวกคุณไม่สนิทกับเขา ฉันว่าเขานิสัยดีมากเลยล่ะ”
“มีแต่คุณนั่นแหล่ะที่คอยว่าเขาดีไปทุกอย่าง”
ทุกคนยิ้มแย้มกันอย่างมีความสุข จิ่งหนิงก็ยิ้มด้วยอย่างเฉื่อยๆ ในใจรู้สึกเยือกเย็นอย่างบอกไม่ถูก
ในขณะนั้นพอดี คนรับใช้ยกน้ำชาที่เพิ่งชงเสร็จใหม่ๆ ยกมาเสิร์ฟให้ทุกคน
“ซ้อเล็ก พี่ลองชิมดูนะคะ นี่เป็นชาชั้นเยี่ยมที่ฉันเอามาจากคุณพ่อโดยเฉพาะ เขาชอบมากเลยล่ะ ฉันเห็นว่าเป็นชาที่ดี จึงรีบเอามาให้พวกคุณลองชิมดู”
คุณหญิงย่ายิ้มและกล่าว: “หนูเอาของดีขนาดนี้มาจากคุณพ่อ เขาไม่ด่าหนูหรือ?”
“ไม่หรอกค่ะ? พ่อหนูเขากตัญญูกับคุณย่ามาก! เขาแค่ไม่ค่อยมีเวลาว่าง ถ้าเขาว่าง ก็เอามาด้วยตนเองแล้ว”
“ปากหวานนะเราอ่ะ”
ทุกคนต่างพากันหัวเราะ คนรับใช้รินน้ำชาให้ทุกๆคน แก้วน้ำชาเล็กๆเท่าหัวแม่มือ จิ่งหนิงยกขึ้นมาดมดู รู้สึกมีกลิ่นหอมของดอกโบตั๋นโชยมาจริงๆ
เมื่อก่อนเธอก็เคยได้ยินชื่อของชาเซียนเหลิน นั่นคือใบชาที่หาได้ยากมาก ถ้าไม่ใช่ผู้บริหารระดับสูงของประเทศไม่มีทางได้ลิ้มรสชาติของมันแน่ ตระกูลลู่ก็ต้องมีสิ่งนี้อยู่แล้ว แต่จะมีที่คุณปู่ลู่เท่านั้น
เพราะรู้ว่าเธอและลู่จิ่งเซินต่างไม่ค่อยมีความสนใจกับเรื่องของน้ำชาเท่าไหร่ ดังนั้นคุณปู่ลู่จึงไม่อยากเอามาให้พวกเขาดื่มจะทำให้เสียของเปล่าๆ ทุกครั้งที่ตนเองรู้สึกอยากมาก ถึงจะชงให้ตนเองสักหนึ่งแก้วเท่านั้น
“หนิงหนิง คุณชิมน้ำชาดูว่าเป็นยังไงบ้าง?” คุณหญิงย่ายิ้มให้เธอและกล่าว
จิ่งหนิงได้ชิมดูคำหนึ่ง รู้สึกว่าตอนเข้าไปในปากจะขมนิดๆ จากนั้นจะมีความหอม จะสดชื่นมากกว่าชาแบบอื่นๆ นอกจากนั้น ไม่มีอะไรที่ไม่เหมือนกัน
เธอรู้อยู่แล้วว่าไม่ควรจะพูดจาตรงไปตรงมาและไม่ไว้หน้ากัน จึงได้แต่ยิ้มนิดๆและพยักหน้า “ดีมากเลยค่ะ เป็นชาที่พิเศษมากจริงๆ มันไม่เหมือนชาที่เราดื่มกันปกติธรรมดาจริงๆ”
คุณหญิงย่าได้ยินเช่นนั้นแล้วรู้สึกพอใจจนยิ้มแย้มออกมา ในขณะนั้นพอดี มือคนรับใช้ที่มาเติมน้ำชาให้เธอเกิดมือสั่นกะทันหัน น้ำชาทั้งเหยือกเกิดสาดใส่บนตัวจิ่งหนิง
“ไอยา! คุณทำยังไงเนี่ย? ไม่ลืมตาหรือไง?”
ซูหยุนตะโกนร้องขึ้นมาทันที รีบถามจิ่งหนิงว่า: “ซ้อเล็ก พี่เป็นยังไงบ้างคะ? โดนลวกตรงไหนหรือเปล่า?”
ถึงแม้น้ำชาจะร้อนมาก แต่เป็นเพราะจิ่งหนิงสายตาและมือไวจึงหลบออกไปเล็กน้อย ดังนั้นก็ยังดีหน่อย บนตัวโดนน้ำชาไม่มากนัก แค่กระโปรงเปียกตั้งเยอะ ไม่เจ็บมาก
“ไม่เป็นไรค่ะ”
จิ่งหนิงเพิ่งจะพูดจบ คนรับใช้คนนั้นก็ร้องไห้ขึ้นมาทันที “ขอโทษด้วยค่ะคุณหญิงลู่ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษค่ะ”
“พูดคำว่าขอโทษจะมีประโยชน์อะไร? น้ำร้อนลวกโดนซ้อเล็กแล้วคุณรับผิดชอบไหวเหรอ?” ซูหยุนสายตาดุร้าย
คนรับใช้ยิ่งรู้สึกกลัวมาก ยืนก้มหน้าอยู่ตรงนั้น ตกใจกลัวจนสองตาแดงก่ำ สั่นไปทั้งตัว
จิ่งหนิงทนดูไม่ได้ จึงเอ่ยปากห้าม: “ฉันไม่เป็นไรค่ะ แค่เสื้อผ้าเปียกนิดหน่อยเท่านั้น ไม่เจ็บตรงไหนเลย เธอก็ทำผิดโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ อย่าโทษเธอเลยนะคะ”
เห็นเธอพูดเช่นนี้ ซูหยุนจึงค่อยๆใจเย็นลง
คุณหญิงย่าก็ขมวดคิ้วเหมือนกัน และพูดกับคนรับใช้คนนั้น: “ครั้งหน้าต้องระวังให้มากกว่านี้ รู้ไหม?”
คนรับใช้พยักหน้า “ค่ะ คุณหญิง ครั้งหน้าดิฉันไม่กล้าทำผิดพลาดอีกแล้วค่ะ”
“ให้หยุนหยุนพาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ รูปร่างของพวกคุณก็ไม่ต่างกันเยอะ เสื้อผ้าของเธอคุณน่าจะใส่ได้”
คุณหญิงย่าสั่งให้ซูหยุนพาเธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
จิ่งหนิงมองดูกระโปรงของตนเอง ตรงที่เปียกเป็นส่วนล่างจากเองลงไป ใส่ไว้อย่างนี้ดูไม่ค่อยดีจริงๆ ดังนั้นจึงพยักหน้า
ซูหยุนเห็นแล้ว รีบลุกขึ้นยืน ยิ้มและพูด: “เมื่อวานฉันซื้อตัวใหม่ๆมาหลายตัวพอดีเลยค่ะ ซ้อเล็ก เดี๋ยวฉันพาไปตอนนี้เลย”