บทที่ 419 เจ้าชายแห่งความรัก
เย่ไป๋เป็นคนส่งมา บนนั้นมีข้อความประโยคหนึ่ง
มุมปากของลู่จิ่งเซินยักขึ้นอย่างเย็นชา แววตาเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง
จิ่งหนิงเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่นตลอดเวลา เดี๋ยวก็ฝันว่าซูหยุนยัดดอกบัวให้เธอ แล้วยิ้มให้เธออย่างมีนัย
เดี๋ยวก็ฝันเห็นชายใส่เสื้อดำคนหนึ่งกำลังวิ่งไล่ตามเธอ เธอวิ่งๆอย่างสุดฤทธิ์ ปรากฏว่าถูกชายผู้นั้นผลักล้มลงกับพื้น
ชายผู้นั้นหยิบมีดออกมา แล้วยิ้มใส่เธออย่างโหดร้าย “คุณรู้เยอะมากเกินไป ไปตายเสียเถอะ!”
จิ่งหนิงตกใจจนตื่นขึ้นมา
ลืมตา มองเห็นเพดานที่สวยงามอยู่ด้านบนตรงหัว จากนั้นค่อยมองมาตรงห้องนอนที่หรูหรา
ในห้องเปิดแค่ไฟสีส้มเล็กๆตัวเดียว ลู่จิ่งเซินพิงอยู่บนหัวเตียง บนมือถือโน๊ตบุ๊คไว้กำลังทำอะไรบางอย่าง เห็นเธอลืมตาขึ้น จึงถามด้วยเสียงเบาๆ: “ตื่นแล้วเหรอ?”
จิ่งหนิงรู้สึกโล่งใจ ลุกขึ้นมา ปาดเหงื่อบนหน้าผาก
ลู่จิ่งเซินกระพริบตานิดๆ
เขาวางโน๊ตบุ๊ค ลงจากเตียง เดินไปรินน้ำแก้วหนึ่งและยกมาให้เธอ
จิ่งหนิงรับมาดื่ม น้ำอุ่นๆลงไปในลำคอ เข้าไปในกระเพาะ ไล่ความกลัวในใจออกไปได้บ้าง
“วันนี้ฉันเกือบจะถูกคนทำร้ายแล้ว” เธอพูดขึ้นมากะทันหัน
ในแววตาของลู่จิ่งเซินมีแสงอันมือมนต์ส่องผ่าน “เกิดอะไรขึ้น?”
จิ่งหนิงเม้มปาก ดื่มน้ำอีกครั้ง ให้ชุ่มคอหน่อย ถึงตอบกลับไปว่า: “ตอนที่ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่ทันระวังไปได้ยินคำพูดระหว่างโจวเหวินจงกับคุณหนูใหญ่ตระกูลจิ้น โจวเหวินจงเหมือนว่าจะไปเล่นการพนันจนเสียเงินหนึ่งพันล้าน กำลังปรึกษากันว่าจะแก้ปัญหายังไง”
ในใจของจิ่งหนิงรู้ดี เรื่องของคืนนี้ ต้องเกี่ยวข้องกับพวกเขา
ไม่อย่างนั้น ทำไมเธอเพิ่งจะได้ยินคำพูดคุยของพวกเขา จากนั้นก็เกิดเรื่อง
คนที่ชื่อซูหยุนไม่ใช่คนดีอะไร เธอเวียนหัวก็เพราะดอกบัวนั่น ส่วนดอกบัวซูหยุนเป็นคนยื่นให้เธอ พวกเขาต้องมีความเกี่ยวข้องกันแน่ๆ
ตนเองมีฐานะยังไงเธอรู้ตัวดี ต่อสู้กับคนอื่นก็ยังพอได้ แต่ถ้าต่อสู้กับคนในตระกูลจิ้นที่มีฐานะเป็นตระกูลที่มีอำนาจอยู่ในประเทศFด้วยแล้วล่ะก็ ถ้าเธอไม่บอกลู่จิ่งเซิน บางทีตนเองจะต้องตายวันไหนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“คงจะเป็นเพราะสังเกตเห็นว่าฉันได้ยินพวกเขาพูดคุยกัน ดังนั้นพวกเขาอยากจะฆ่าปิดปาก”
เธอหยุดชะงัก แล้วก็พูดอีกว่า: “ซูหยุนไม่ใช่คนดีอะไรเลย เธอเอาดอกบัวมาให้ฉันหนึ่งดอก ฉันดมกลิ่นหอมของดอกไม้แล้วถึงเวียนหัว ก่อนหน้านั้นฉันดื่มเหล้าไปไม่เยอะเลย”
ลู่จิ่งเซินไม่พูดจา แต่แววตาจ้องเธออย่างลึกซึ้ง
จิ่งหนิงสังเกตเห็นแววตาของเขา รู้สึกเศร้าใจ
“คุณไม่เชื่อใจฉัน?” เธอทำหน้าเศร้าเล็กน้อย
ลู่จิ่งเซินยิ้มๆ แล้วลูบๆหัวที่นุ่มๆของเธอ
“ในขณะที่คุณเจออันตรายที่เลวร้ายที่สุด คุณเชื่อใจผมขนาดนั้น ทำไมผมจะไม่เชื่อใจคุณ?”
ตอนนั้น เย่ไป๋พาเธอมาหาตนเอง เขาก็รู้สึกว่าไม่ปกติแล้ว
ท่าทางของเธอเช่นนั้น ถึงแม้จะเหมือนอาการเมาเหล้า แต่ว่าสีหน้าของเย่ไป๋ไม่ปกติ
จนถึงตอนที่ขึ้นรถแล้ว เห็นข้อความที่เย่ซือมู่ส่งมานั้น เขาถึงได้มั่นใจ ในนั้นต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน
ข้อความที่เย่ซือมู่ส่งมาคือ: “หลังกำแพงมีอีแอบ ฆ่าคนเพื่อปิดปาก”
จิ่งหนิงเห็นเขาไม่ใช่ไม่เชื่อตนเอง ถึงรู้สึกโล่งใจ หวาดกลัวจนตบๆที่หน้าอก “เมื่อกี้ฉันตกใจหมดเลย โชคดีที่เจอเย่ไป๋ ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องตายจริงๆ”
ในแววตาของลู่จิ่งเซินกระพริบๆอย่างเยือกเย็น
“อ๋อ จริงสิ พวกเขายังพูดถึงจี้หลินยวนว่า ถ้าไม่ใช่เพราะจี้หลินยวนไล่เขาออก เขาก็ไม่กลายเป็นแบบนี้ ฉันรู้สึกว่าฉันต้องเตือนหัวเหยาสักหน่อยแล้ว ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ชอบจี้หลินยวนไอ้เลวนั่น แต่ตอนนี้เขาก็เป็นพ่อของลูกหัวเหยา อย่าให้มีเรื่องดีที่สุด”
เธอพูดจบ ก็หยิบมือถือออกมาพิมพ์ข้อความให้หัวเหยา
ลู่จิ่งเซินเห็นเธอท่าทางตั้งใจมาก พูดขึ้นมากะทันหัน: “คุณรู้ไหมว่าซูหยุนเป็นใคร?”
จิ่งหนิงคิดก็ไม่คิดตอบทันทีว่า: “ไม่ใช่หลานสาวของคุณหญิงย่าหรอกหรือ?”
พูดจบ ก็มองหน้าจี้จิ่งเซินอย่างไม่น่าเชื่อ
“คุณหญิงย่ามีแค่ลูกสาวคนเดียว คือคุณจิ้นหง หลานสาวของเธอ ก็ต้องเป็นลูกสาวแท้ๆของจิ้นหง ดังนั้นพวกเขาร่วมมือกันทำร้ายคุณเพื่อปิดปิดความลับของตนเอง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”
จิ่งหนิงเม้มปาก
“ทำไมฉันรู้สึกว่า ฉันก็คือตัวการที่คอยแต่สร้างปัญหา? ไปถึงไหนก็ได้ยินความลับของเค้า”
ลู่จิ่งเซินหัวเราะ ลูบๆหัวของเธอและตอบกลับไปว่า: “พอแล้ว อย่าคิดมาก เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง คุณพักผ่อนอีกสักครู่ ผมออกไปโทรศัพท์”
จิ่งหนิงพยักหน้า
จ้องมองลู่จิ่งเซินเดินออกไประเบียงด้านนอก ในใจของเธอก็ยังรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย
เมื่อกี้ส่งข้อความให้หัวเหยา แต่เธอก็ไม่ตอบ กำลังคิดอยู่ว่าจะโทรหาเธอ ทันใดนั้นก็ได้รับข้อความของเฟิงยี่
“ซ้อเล็ก ถามคุณอะไรอย่างหนึ่งนะครับ ปกติแล้วผู้หญิงอยากได้อะไรเป็นของขวัญ?”
จิ่งหนิงตะลึง
เฟิงยี่ขอคำแนะนำกับเธอเรื่องมอบของขวัญ?
นี่ไม่ปกตินะเนี่ย!
เขาเป็นถึงเจ้าชายในเรื่องของความรัก เจ้าพ่อคาสโนว่าไม่ใช่เหรอ? เคยต้องการคำแนะนำเรื่องนี้กับใครที่ไหน?
จิ่งหนิงรู้สึกตกใจ คิดไปคิดมา ก็ตอบคำถามกลับไป
“ต้องแยกแต่ละคนนะ ทุกคนมีความชอบที่ไม่เหมือนกัน แต่ถ้าเป็นแหวนเพชรสร้อยข้อมือเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้า เป็นของที่เกือบผู้หญิงทุกคนชอบอยู่แล้ว”
เฟิงยี่ตอบกลับมาด้วยรูปที่ทำหน้าเศร้า
“แล้วถ้าพวกนี้เค้าไม่ชอบอะไรเลยล่ะ?”
จิ่งหนิงยักคิ้ว
นิ้วมืออันเรียวยาวของเธอจิ้มอยู่บนมือถืออย่างรวดเร็ว
“งั้นก็คงจะเป็นเพราะไม่ชอบนายคนนี้”
เฟิงยี่: “……”
ลู่จิ่งเซินโทรศัพท์เสร็จแล้ว ตอนที่เข้าห้อง ก็เห็นจิ่งหนิงกำลังนั่งกดมือถือ ไม่รู้กำลังคุยกับใครอยู่
“ใคร?” เขาเดินเข้าไป
“เฟิงยี่” จิ่งหนิงเงยหน้า ยกมือถือมาโชว์ให้ดู “เขาเหมือนกำลังมีความรัก กำลังจีบสาวคนไหนอยู่ ฉันทายว่าน่าจะเป็นลั่วเหยา”
ลู่จิ่งเซินยักคิ้ว และเข้าไปนั่งลงข้างๆเธอ มองดูคำพูดของทั้งสองคน และพูด: “เจ้าพ่อคาสโนว่าอย่างเขาเนี่ยนะ มีสาวๆติดเต็มไปหมด ยังต้องการแฟนสาวอีกเหรอ?”
จิ่งหนิงหัวเราะ “เขาบอกว่าช่วงนี้กินอาหารหมาเยอะเกินไป ทนไม่ไหว อยากหาคนที่จริงจังสักคน ฉันรู้สึกว่าเขารู้สึกดีกับถังลั่วเหยา ไม่เหมือนผู้หญิงอื่น ไม่แน่อาจจะเป็นคู่กันได้จริงๆ?”
“เหอะ!” ลู่จิ่งเซินหัวเราะเบาๆหนึ่งคำ มองนาฬิกา
กลางคืนสิบเอ็ดโมง
คิดไปคิดมา แย่งมือถือจากจิ่งหนิงมาอย่างกะทันหัน จากนั้นโอบเธอเข้ามากอดไว้และจูบเธอกะทันหัน
จิ่งหนิงรู้สึกแค่ว่าเหมือนมีแสงไฟกระพริบ จากนั้นก็เห็นบนมือถือมีรูปที่เธอทั้งสองคนจูบกัน
“ส่งรูปนี้ไปให้เขา” ลู่จิ่งเซินบอก
จิ่งหนิงรู้สึกว่าบนหน้าผากของตนเองมีเส้นผมสีดำตกลงมา
“นี่……ไม่ค่อยดีมั้งคะ!” เธออายนิดๆ “เฟิงยี่เห็นแล้วต้องเป็นบ้าแน่ๆ”
“ก็เพราะอยากให้เขาบ้านั่นแหล่ะ”
จิ่งหนิง: “……”
ลู่จิ่งเซินพูดแล้ว เห็นจิ่งหนิงไม่ขยับ ตนเองจึงหยิบมือถือมาส่งไปทันที