บทที่ 420 ดึกๆเลี้ยงหมา
เป็นจริงอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด เฟิงยี่ตอบกลับมาอย่างรวดเร็วด้วยรูปหน้าที่อาเจียนเป็นเลือด ยาวๆเป็นแถว
เฟิงยี่: “พวกคุณ……พวกคุณทำเกินไปแล้วนะ!”
จิ่งหนิงพูดไม่ออก แต่เห็นเฟิงยี่โมโหเช่นนี้ ก็รู้สึกดีใจเหมือนกัน
ลู่จิ่งเซินเห็นเธอหัวเราะไม่หยุด ก็อดยิ้มไม่ได้ ตอบกลับไปอีกว่า: “เลี้ยงหมา นอน”
เฟิงยี่: “……”
คุณโหดจริง!
ลู่จิ่งเซินเอามือถือวางไว้อีกข้าง จากนั้นกอดจูบเธอทีหนึ่ง “พอแล้ว นอนเถอะครับ!”
ทั้งคืนนอนหลับสนิท
วันที่สอง จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินเริ่มลงมือตรวจสอบเรื่องของตระกูลตระกูลจื่อจิน
ลู่จิ่งเซินรู้จักจูเก่อหลิวเฟิง แต่สิ่งที่ทั้งสองคนจะตรวจสอบ เพราะเป็นผลเสียต่อตระกูลจูเก่อ ดังนั้นจึงไม่ไปหาพวกเขาก่อนอย่างแน่นอน
โชคดีที่มีความช่วยเหลือจากตระกูลจิ้น ลู่จิ่งเซินก็มีช่องทางของตนเอง ดังนั้นถ้าจะสืบขึ้นมาจริงๆก็ไม่ยาก แค่ต้องใช้เวลาหน่อย
อีกอย่างจิ่งเซินก็มีคนรู้จักเก่าๆในประเทศF ถ้าอยากจะสืบเรื่องอะไรของตระกูลจูเก่อ หาพวกเขายิ่งเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
คิดเช่นนี้แล้ว จิ่งหนิงก็เลยต้องโทรหาเพื่อนเก่า
เพื่อนรักของเธอคนหนึ่งชื่อเซี่ยฉวน เป็นเพื่อนที่เธอเชื่อใจที่สุด ในตอนที่เธออยู่กลุ่มมังกร
กลุ่มมังกรในวันนี้ ภายในมีการเปลี่ยนแปลงมาก เธอไม่คุ้นเคยอีกแล้ว หลังจากที่ตาKตายไป คนเดียวที่เธอสามารถไปหาได้คือเซี่ยฉวน
แค่ครู่เดียวโทรศัพท์ก็โทรติดแล้ว
ทางโน้นมีเสียงผู้หญิงดังขึ้น “ท่านไหนคะ?”
“ฉวนฉวน ฉันเอง”
ผ่านไปสักพัก เธอถามกลับด้วยเสียงที่ไม่อยากจะเชื่อ: “Seven?”
“อืม” จิ่งหนิงยิ้ม “ไม่เจอกันนาน แกสบายดีไหม?”
ทางฝั่งโน้นเหมือนกำลังทำใจ “ฉันสบายดี แกหายไปตั้งหลายปี ทำไมถึงนึกถึงจะโทรหาฉัน? ตอนนี้แกอยู่ไหน?”
จิ่งหนิงถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน: “ฉันสบายดี ช่วงนี้กลับมาที่ประเทศFแล้ว โทรหาแกก็เพราะอยากขอความช่วยเหลือจากแกเรื่องหนึ่ง ตอนนี้แกสะดวกออกมาเจอฉันไหม?”
ทางโน้นเงียบไปสองสามวินาที
“ตอนนี้ฉันกำลังทำธุระอยู่ข้างนอก ไม่เป็นไร แกพูดก่อน รอให้ฉันทำธุระเสร็จแล้ว ฉันค่อยกลับไปเจอแกก็เหมือนกัน”
จิ่งหนิงคิดไปคิดมา รู้สึกว่าแบบนี้ก็ได้
ดังนั้นจึงบอกสาเหตุที่ตนเองมาครั้งนี้
ฝั่งโน้นได้ยินเธอพูดจบแล้ว เหมือนจะรู้สึกตกใจ
“คุณจะตรวจสอบตระกูลจื่อจิน?”
“อืม เรื่องนี้ฉันรบกวนแกเก็บเป็นความลับให้ฉันด้วยนะ อย่าบอกใครเด็ดขาด”
เซี่ยฉวนเงียบไปสองสามวินาที
“ได้ ฉันรู้แล้ว แกรอข่าวจากฉันนะ”
จิ่งหนิงตอบกลับคำหนึ่ง ทั้งสองคนก็พูดต่ออีกสองสามคำ ค่อยวางสายลง
หลังจากที่จิ่งหนิงขอร้องเรื่องสำคัญแล้ว จึงวางใจ เพราะตอนนี้ได้แต่รอข่าวคราว ดังนั้นจึงชวนลู่จิ่งเซินออกไปเดินเล่นอีก
และในเวลานี้ อีกฝั่งหนึ่ง
โรงแรมที่หรูและดีที่สุดของประเทศF ในสวนดอกไม้บนดาดฟ้าชั้น48
ในสวนดอกไม้ตอนนี้มีแสงไฟส่องกระพริบๆ คู่ชายหนุ่มหญิงสาวที่นับไม่ถ้วน แสงไฟห้าสีกระพริบๆและส่องประกายไปทั่วในยามค่ำคืน เหมือนคีบหนีบอย่างนั้น อยู่เต็มทั่วทุกแห่งหนในที่มืดมิด
มีผู้หญิงคนหนึ่งถือแก้วเหล้านั่งอยู่บนโซฟา มองดูหน้าจอมือถือที่มืดลง แววตาลึกซึ้งเล็กน้อย
แต่ว่าตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เวลาที่เธอจะต้องคิดมาก จากนั้นเธอก็เก็บมือถือขึ้นอย่างรวดเร็ว เงยหน้าขึ้นมามองดูรอบๆ
เธอใส่ชุดกระโปรงสีดำ บนไหล่พาดผ้าพันคอขนสุนัขจิ้งจอกสีขาว หน้าตาสวยงาม ท่าทางขี้เกียจ นั่งอยู่ตรงนั้นเหมือน เป็นวิวธรรมชาติ สวยงามจนทำให้คนอยากจะมาเด็ด
มีชายหนุ่มหลายคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในที่ไม่ไกลนัก อยากจะเข้าไปจีบ แต่ก็กลัวความเย่อหยิ่งยโสของเธอปฏิเสธ ไม่ค่อยกล้าเข้าไปใกล้ตัว
หนุ่มๆทั้งหลายผลักกันไปผลักกันมาตั้งนาน ถึงมีหนุ่มคนหนึ่งถูกผลักออกมา
เขาเดินเข้าไปใกล้อย่างยิ้มแย้มและถาม: “คนสวย มาคนเดียวเหรอครับ?”
ผู้หญิงเหลือบตาขึ้นไปมอง แววตานั้นเต็มไปด้วยหลากหลายอารมณ์ เหมือนงูพิษบนโลกใบนี้ที่มีเป็นร้อยเป็นพันอย่าง แค่มองพริบตาเดียวก็ทำให้คนหลงใหลเข้าไปทีเดียว
วัยรุ่นคนนั้นเหมือนหยุดหายใจไปทันที ถึงจะเป็นคาสโนว่าตัวพ่อก็เถอะ วินาทีนี้ถึงกับต้องหน้าแดงเชียวล่ะ แต่รู้สึกว่าตนเองถูกแววตาของเธอมองทะลุอย่างนั้น
ยังไม่ทันตั้งสติ หญิงสาวก็ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนหวานและพูดเบาๆ: “ว่าไง? คุณอยากจีบฉันเหรอ?”
หนุ่มคนนั้นตะลึง ดึงสติกลับมา ยิ้มอย่างเขินอาย: “คนสวยครับ พูดแบบนี้ได้ไงครับ? ผมแค่เห็นคุณนั่งเหงาอยู่คนเดียว น่าจะเบื่อมาก ดังนั้นจึงเข้ามาทักทายหน่อย”
พูดแล้ว ก็ชี้ไปทางเพื่อนทั้งหลายของตนเอง “เพื่อนๆของผมอยู่ทางโน้น ถ้าคุณไม่ถือสา ไปเล่นด้วยกันได้นะครับ”
หญิงสาวนั่งอยู่บนโซฟา ขยับเนื้อขยับตัว เปลี่ยนท่าทาง มองไปทางเพื่อนๆของเขาที่ไม่ไกลนัก เหมือนกำลังพิจารณา
คนๆนั้นก็รีบรับประกันว่า: “คุณวางใจได้ พวกเราไม่ใช่คนร้าย ทุกคนเจอกันไม่ใช่ความบังเอิญ ก็ถือว่าคบเป็นเพื่อนกันก็ได้”
หญิงสาวเหมือนหวั่นไหวกับคำพูดของเขาเล็กน้อย คิดอยู่สักพัก ก็พยักหน้า “ก็ดีค่ะ”
คำตอบของเธอทำให้ชายหนุ่มดีใจมาก รีบยื่นมือไปพยุงเธอลุกขึ้นมาจากโซฟา เหมือนปรนนิบัติเจ้าพ่ออย่างนั้น พยุงเธอเดินไปข้างหน้าอย่างกระตือรือร้น
ทุกคนเห็นชายหนุ่มคนนั้นเชิญตัวหญิงสาวคนนั้นมาแล้ว ต่างก็ยิ้มออกมาอย่างเขินอาย
หญิงสาวเดินไปถึงด้านหน้าโต๊ะ นั่งลงบนโซฟา ก็มีคนยื่นเหล้าอย่างดีเข้ามา เธอไม่ปฏิเสธ คำเดียวหมดแก้ว
คนพวกนั้นเห็นเธอดื่มเหล้าได้อย่างสะใจ รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งมีเล่ห์ใน พูดด้วยความยิ้มแย้ม: “ไม่ทราบว่าคนสวยชื่ออะไรครับ?”
หญิงสาวเหลือบตาไปจ้องหน้าเขา พูดด้วยความไม่พอใจ: “คนสวยคนสวยอะไรกัน? มีคนไหนที่เค้าพูดกันแบบนี้?”
ชายคนนั้นตะลึง ไม่เพียงไม่โกรธ กลับรู้สึกว่าแววตานั้นเต็มไปด้วยหลากหลายอารมณ์ แม้แต่กระดูกในตัวก็ยังชาไปครึ่งคน
เขารีบๆก้มตัวและตอบอย่างยิ้มแย้ม: “ครับๆๆ เป็นความผิดของผมเอง ถ้าอย่างนั้น คุณควรจะแนะนำตัวให้พวกเรารู้จัก ไม่อย่างนั้นพวกเราก็ไม่รู้ควรเรียกคุณยังไงดี!”
หญิงสาวเม้มปากยิ้มๆ สองตาหมุนไปมา ตอบ: “ฉันแซ่กู่”
“อ๋อกู่นะครับ?”
หญิงสาวพยักหน้า “ชื่อคำเดียวน่าย คุณเรียกฉันว่าน่ายน่ายก็ได้”
ชายคนนั้นยิ้มตอบ: “ชื่อของคุณพิเศษมากเลยครับ เพราะมาก มา น่ายน่าย ผมดื่มให้กับคุณกับนึง”
ในสายตาของหญิงสาวยิ่งยิ้มได้ลึกซึ้งมาก ยกแก้วขึ้นมา ชนแก้วกับเขาทีหนึ่ง
แล้วก็มีคนพูดขึ้นมา: “วันนี้ทุกคนได้รู้จักกันก็เพราะมีวาสนาต่อกัน พวกเราดื่มๆชนแก้ว”
หญิงสาวพยักหน้า ชนแก้วกับพวกเขา แล้วดื่มทีเดียวหมดแก้ว
ทุกคนเห็นเธอดื่มได้สุดยอดขนาดนี้ ดังนั้นจึงดื่มแก้วสองแก้วสามต่อๆกันเรื่อยๆ
หญิงสาวเหมือนไม่สังเกตถึงความคิดลึกๆของพวกเขา ไม่ปฏิเสธใครๆเลย ไม่นานนัก ก็ดื่มไปจนสิบเกือบแก้ว
พวกเขาคิดไม่ดีไม่ร้าย ดังนั้นเหล้าที่รินให้เธอมีแต่เหล้าบรั่นดีที่มีดีกรีแอลกอฮอล์สูง สิบกว่าแก้วผ่านไป ถึงแม้คนที่ดื่มเหล้าเก่งมาก ก็จะต้องเมาแน่นอน
และในขณะนี้ หญิงสาวผู้นี้ก็กำลังเมาอย่างเห็นได้ชัด สองตามึนมัว ในตานั้นเหมือนมีน้ำค้างปิดบังอยู่ชั้นหนึ่ง ปากที่แดงเหมือนเชอรี่อ้าอยู่เล็กน้อย เห็นแล้วก็จะทำให้ชายหนุ่มอดใจเต้นไม่ไหว
ชายหนุ่มคนหนึ่งถึงกับน้ำลายไหล รู้สึกว่าในลำคอกำลังพูดอะไรอยู่และกระพริบตาให้พวกเพื่อนๆ