บทที่ 423 เธอท้องแล้ว
แต่ทว่าไม่ว่าเธอจะเรียกอย่างไรชายหนุ่มที่นอนอยู่บนพื้นก็หลับตาลง
ความสิ้นหวังที่ท่วมท้นเข้ามาในจิตใจทันทีราวกับว่าโลกทั้งใบเปลี่ยนเป็นสีดำในชั่วขณะ
เธอตะโกนร้อง “ลู่จิ่งเซิน——”
จากนั้นก็รู้สึกคาวในลำคอ ความเจ็บปวดแผ่เข้ามาในท้อง ทุกอย่างข้างหน้าเป็นสีดำแล้วหมดสติไป
…
ตอนที่ตื่นขึ้นพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย
ทันทีที่เธอลืมตาก็เอามือควานไปข้างๆอัตโนมัติ แต่ก็พบความว่างเปล่า
ใจเธอบีบแน่น เธอรีบกระโดดลงจากเตียงแล้ววิ่งออกไปข้างนอก
พอวิ่งไปที่ประตูก็ถูกหมอห้ามไว้ “เฮ้! คุณจะไปไหน?”
จิ่งหนิงคว้าตัวเขาแล้วกรีดร้องถาม “ลู่จิ่งเซินล่ะ? เขาอยู่ที่ไหน?”
หมอถอนหายใจ “คุณหมายถึงผู้ชายที่ได้รับบาดเจ็บที่ถูกส่งมากับคุณใช่มั้ย?”
จิ่งหนิงพยักหน้าซ้ำๆด้วยความกังวล “เขาอยู่ไหน? บอกฉันมา!”
“อ๋อ เขากำลังผ่าตัดอยู่ เฮ้ คุณ…”
ยังไม่ทันพูดจบผู้หญิงตรงหน้าก็วิ่งออกไปราวกับสายลม
ชั้น 3 หน้าห้องผ่าตัด
ตอนที่จิ่งหนิงมาถึงไฟห้องผ่าตัดยังคงเปิดอยู่ บ่งบอกว่าคนข้างในยังไม่ออกมา การผ่าตัดยังไม่สิ้นสุด
คนตระกูลจิ้นยืนอยู่ตรงนั้น ด้านหลังพวกเขามีบอดี้การ์ดหน้าเคร่งขรึมสองสามคน
คุณนายย่าจิ้นและเย่ไป๋นั่งอยู่เก้าอี้ข้างๆ
สีหน้าจิ่งหนิงซีดเผือด
เธอเดินโซซัดโซเซเข้าไปไม่กล้าเข้าไปหาคุณนายย่า แต่เข้าไปจับแขนของเย่ไป๋แล้วถามว่า “เขาเป็นยังไงบ้าง? เป็นอะไรรึเปล่า?”
เย่ไป๋เห็นท่าทางตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูกของเธอก็ขมวดคิ้วแน่น สักพักหนึ่งถึงพูดด้วยออกมาความยากลำบาก “หมอบอกว่าสถานการณ์ตอนนี้อันตรายมาก โอกาสในการช่วยชีวิตต่ำกว่า 10%”
จิ่งหนิงได้ยินเช่นนั้นในหัวก็กรีดร้องราวกับว่าท้องฟ้าจะถล่มลงมา
เธอเดินโซซัดโซเซถอยหลังดูเหมือนกำลังจะล้มลง เย่ไป๋ช่วยประคองไว้อย่างรวดเร็ว
“พี่สะใภ้!”
คุณนายย่าจิ้นได้ยินเสียงเรียกพี่สะใภ้ก็ตกใจหันหน้าไปมอง
จิ่งหนิงส่ายหัวน้ำตาไหลลงมาราวกับสายฝนทันที
“มันเป็นความผิดฉันทั้งหมด ฉันไม่ดีเอง ทำไมฉันต้องเชื่อใจคนอื่น? ถ้าหากฉันไม่หลอกง่ายก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ คงไม่ถูกคนอาศัยความอ่อนแอเข้ามา คงจะไม่ได้รับบาดเจ็บ ฉันขอโทษ”
เย่ไป๋เห็นท่าทีเจ็บปวดของเธอก็อดรู้สึกอัดแน่นไม่ได้
เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “อย่าเพิ่งคิดมากไปเลย เรายังมีความหวังตั้ง 10% ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยชีวิตไม่ได้แน่ๆ”
คุณนายย่าจิ้นก็รีบพูดปลอบ “ใช่ อย่าเพิ่งคิดมาก จะได้ไม่ล้มหมอนนอนเสื่อไปอีกคนหากช่วยจิ่งเซินได้”
พวกเขาประคองจิ่งหนิงมานั่งลงบนเก้าอี้
เย่ไป๋ถาม “พี่สะใภ้ พี่อยู่ในที่เกิดเหตุแล้วรู้ไหมว่าใครคือฆาตกร”
นิ้วของจิ่งหนิงกำแขนเก้าอี้
สายตาเธอเย็นชา สักพักเธอก็พูดขึ้นเงียบๆว่า “รู้”
“ใคร?”
“เธอชื่อเซี่ยฉวน เธอเป็นเพื่อนที่เคยคิดว่าดีที่สุดในชีวิต แต่คิดไม่ถึงเลยว่า…เฮอะ!”
เธอหัวเราะเยาะตัวเองโดยไม่รู้ว่าเธอกำลังหัวเราะกับความไร้เดียงสาและความล้มเหลวในชีวิตของตนหรือเพราะเรื่องมันไร้สาระ
ดวงตาของเย่ไป๋เบิกกว้าง
เขาออกแรงจับแขนเธอแล้วตะโกนถาม “พี่ว่าอะไรนะ? เธอชื่ออะไร?”
จิ่งหนิงจ้องมองเขาอย่างเย็นชาแล้วหัวเราะเสียงแหลม “เซี่ยฉวน เธอนั่นแหละ เธอโทรหาฉัน หลอกฉันว่าเธอเมา ขอให้ฉันไปรับเธอ อันที่จริงเธอคิดไว้แล้วว่าจะอาศัยโอกาสที่พวกเราไม่ทันระวังเอามีดแทงเข้าไปที่หัวใจเขา เธอคือฆาตกร!”
เย่ไป๋ตัวสั่นอย่างรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
หลังเกิดเหตุเขายังส่งคนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แต่กล้องนั้นถูกทำลายจึงไม่พบอะไร
คนในกลุ่มไทยมุงบางคนอธิบายรูปร่างหน้าตาของคนคนนั้นโดยบอกเพียงว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก
แต่ไม่มีใครสามารถบอกได้อย่างแน่ชัดว่าเธอหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมากดังนั้นทุกคนจึงเห็นแค่แวบเดียว คนคนนั้นก็วิ่งหนีไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงคิดเสมอว่าจะเป็นนักฆ่าคนไหนที่ดักซุ่มอยู่นานเพื่อต้องการลอบฆ่าลู่จิ่งเซิน
ไม่คิดเลยว่าคนคนนี้จะเป็น…
เย่ไป๋ถอยหลังล้มลงอิงพนักรถเข็น หน้าซีด
วินาทีต่อมาเขาสั่งคนที่คอยตามตลอด เขารีบวิ่งออกไปเหมือนสายลม
จิ่งหนิงมองไปแผ่นหลังที่จากไปของเขาอย่างไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่คิดว่าคงอยากจะไปจับฆาตกรมาก!
เธอฝืนยิ้ม ไม่ได้คิดมาก เพียงแต่ที่มุมปาหมีรอยยิ้ม แต่ดวงตาเธอกลับแดงระเรื่อ
ทันใดนั้นหมอก็เดินลงมาชั้นล่าง พอเห็นเธอก็อุทานอย่างร้อนใจ “ไอ้หยา ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ ฉันตามหาคุณตั้งนานแล้ว คุณยังไม่ได้อัลตร้าซาวด์เลย! รีบมากับฉัน!”
สิ่งที่เธอพูดทำให้จิ่งหนิงตะลึง
ทำให้เย่ไป๋ที่กำลังผลักรถเข็นออกไปข้างนอกชะงักอยู่กับที่แล้วมองกลับไปที่หมอด้วยความตกใจ
จิ่งหนิงพูดอย่างไม่เข้าใจ “อัลตราซาวนด์ทำไม?”
หมอขมวดคิ้ว “คุณไม่รู้เหรอว่าคุณท้อง ก่อนหน้านี้มีสัญญาณของการแท้งคุกคามมา เดิมทีฉันอยากรอให้คุณฟื้นก่อนแล้วค่อยอัลตร้าซาวด์ แต่ผลกลับกลับกัน พอฟื้นมาก็วิ่ง ตอนนี้รีบมากับฉัน!”
จิ่งหนิงตกตะลึง ดวงตาของเย่ไป๋ก็เบิกกว้าง
เรื่องประหลาดใจน่ายินดีครั้งใหญ่มาพร้อมกับความเศร้าที่ทะลักเข้ามา เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
เธอใช้มือสัมผัสท้องช้าๆ ที่ตรงนี้คิดไม่ถึงว่าจะมีชีวิตเล็กๆอยู่
คือ…ลูกของเขา?
ลู่จิ่งเซินได้ยินไหม? พวกเรามีลูกกันอีกครั้งแล้ว
ดังนั้นนายต้องรอด ต้องมีชีวิตอยู่ต่อ
เธออดไม่ได้ที่จะร้องไห้อีกครั้ง
เธอยืนอยู่บนที่เดิมนั่งยองๆเอามือปิดหน้า รู้สึกราวกับหัวใจถูกอะไรบางอย่างเฉือนออกไปเจ็บจนหายใจไม่ออก
ดวงตาของเย่ไป๋แดง
เขาจ้องมองเธอ สักพักถึงก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดในใจของเขาคลายลง
จึงกล่าวว่า “พี่สะใภ้ พี่ตามหมอไปอัลตร้าซาวด์ก่อนเถอะ ที่เหลือปล่อยให้ฉันจัดการ มันจะไม่มีปัญหาแน่”
เขาพูดพลางกดโทรออก ไม่นานหมอหญิงก็เดินเข้ามา
“นี่คือเพื่อนของฉันชูเยว่เป็นสูตินรีแพทย์ ชูเยว่ ในท้องเธอมีเลือดเนื้อของพี่ชายฉัน เธอต้องช่วยฉันดูแลเธอให้ดีนะ”
ชูเยว่ที่สวมแว่นตาขอบดำท่าทางดูอ่อนโยนพยักหน้า
“ได้ ฉันเข้าใจไม่ต้องห่วง!”
เย่ไป๋พยักหน้าแล้วหันจากไป
หลังจากที่เขาจากไป ชูเยว่ก็ก้าวเข้ามาเกลี้ยกล่อมเธอ “คุณนายลู่คะตอนนี้เด็กในท้องสำคัญที่สุดนะคะ คุณคงไม่อยากให้นายลู่ฟื้นขึ้นมาแล้วได้ยินข่าวร้ายหรอกใช่มั้ย!”
จิ่งหนิงมึนงง เธอเงยหน้าขึ้นมองเธอแล้วพยักหน้าในที่สุด
“โอเค ฉันจะไปกับคุณ”
ในห้องอัลตร้าซาวด์
จิ่งหนิงนอนบนเตียงเย็นๆปล่อยให้เครื่องมือเย็นๆเลื่อนบนหน้าท้องของเธอ
ข้างๆแสดงอัตราการเต้นของหัวใจของทารกในครรภ์ หมอพูดว่า”ทารกในครรภ์ยังมีอาการไม่คงที่ มีสัญญาณของการแท้งคุกคาม แต่ยังโอเคอยู่ ช่วงนี้คุณต้องใส่ใจกับอารมณ์ของตัวเอง ไม่เครียดจนเกินไป ก็คงไม่มีปัญหาอะไร”