บทที่ 425 ตัวตนที่แท้จริง
เพียงเพราะบริษัทของพ่อเกี่ยวข้องกับคดีคอร์รัปชัน พวกเขากลัวว่าจะถูกโยงไปเกี่ยวข้อง
เหอะ! นี่แหละตระกูลผู้ดี ตระกูลร่ำรวย!
พวกเขามีชีวิตที่สง่า แต่ในกระดูกของพวกเขานั้นกลับสกปรก เห็นแก่ตัวมากกว่าใครๆ
เซี่ยฉวนหลับตาเงยหน้าขึ้นน้อยๆ สายลมยามค่ำคืนพัดผ่านแก้ม ราวกับว่าเธอยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่ไหลออกมาจากอกของเธอในคืนนั้นได้
ความเจ็บปวดที่เสียดแทงหัวใจ รวมกับถูกสลักลงในไขกระดูกนั้นไม่อาจลบล้างไปได้
ในขณะนี้เองมีเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังขึ้นข้างหลัง
ขนตาของเธอสั่นไหวจากนั้นเธอก็ลืมตาขึ้น สายตาเธอชัดเจน
เสียงโกรธของผู้ชายดังขึ้น “เซี่ยฉวน!”
เซี่ยฉวนโค้งริมฝีปากแล้วหันหน้าก็เห็นใบหน้าที่กำลังโกรธของเย่ไป๋ตามคาด
ยังไม่ทันตอบสนองใดๆ สายลมที่รุนแรงก็ใกล้เข้ามา
ในวินาทีต่อมาชายหนุ่มขยับเข้ามาหาเธอเพียงชั่วพริบตา เขาจับคอเสื้อของเธอแล้วกดเธอเข้ากับราวบันไดคอนกรีตดัง “ปัง”
เธอขมวดคิ้วร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างกายส่วนบนของเธอเกือบทั้งหมดแทบจะตกลงไปนอกราวบันได
เส้นผมบนศีรษะของเธอลอยไปในท้องฟ้าตามสายลม ปูนซีเมนต์เย็นๆนาบเอวเธอราวกับว่าเธอกำลังจะตัดเอวเธอทั้งเป็น
แต่ทว่าเธอเพียงแค่ยกริมฝีปากขึ้นยิ้มแล้วพูดอย่างมีเสน่ห์ว่า “ทำไม? ไม่แสร้งทำตัวพิการไม่นั่งรถเข็นแล้วหรอ? ท่าทางเดินเร็วแบบนี้ถ้าหากคนอื่นมาเห็นเข้าเกรงว่าจะตกใจอ้าปากค้างแน่”
เย่ไป๋เห็นใบหน้าที่ยิ้มบางๆของเธอก็โกรธ
จับคอเสื้อเธอแล้วกัดฟันพูดว่า “เธอทำอะไรดีๆลงไปบ้างล่ะ?”
เซี่ยฉวนเบิกตากว้างทำท่าทางดูไร้เดียงสา “ฉันทำอะไรล่ะ?”
“ยังมีหน้ามาแสร้งโง่อีก! พูดมา! ว่าทำไมต้องฆ่าลู่จิ่งเซิน?”
คำพูดของเขาทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าเซี่ยฉวนค่อยๆเย็นชาลงทีละนิดๆ
จากนั้นก็หันหน้าไปทางอื่นเล็กน้อยแล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันเต็มใจ ทำไม? มันขัดขวางความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลจิ้นกับตระกูลลู่งั้นหรอ?”
พูดจบก็หันหน้ามายิ้มอย่างมีเสน่ห์ให้ราวกับคิดอะไรออก “เย่ไป๋ ไม่ได้เจอกันมาหนึ่งปี เราควรจะสุภาพต่อกันหน่อยมั้ย? ยังไงเราก็เคยร่วมหมอนนอนเตียงด้วยกัน…”
ก่อนที่เธอจะพูดจบประโยค ตัวเธอก็สั่นสะท้าน หมัดหนึ่งกระแทกเข้ากับราวบันไดคอนกรีตข้างๆเธอ
ทันใดนั้นมือของชายหนุ่มก็กลายเป็นสีแดงเปื้อนเลือด เขากัดฟันแล้วพูดว่า “เซี่ยฉวน! เธอรู้ไหมว่าจิ่งหนิงกำลังท้อง เธอสามารถเกลียดครอบครัวของเราได้ แต่การที่เธอทำแบบนี้ มันควรค่ากับทำใส่เพื่อนแสนดีที่เชื่อใจเธอตลอดงั้นหรอ?”
ขนตาของเซี่ยฉวนสั่นเล็กน้อย สักพักเธอก็ยิ้มอย่างเย็นชา
“เย่ไป๋ ปีนี้นายอายุเท่าไหร่?”
เย่ไป๋ตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นเธอก็พูดอย่างเย็นชา “นายอายุยี่สิบปีแล้ว เข้าร่วมกลุ่มมังกรได้ 8 ปีแล้ว นายคงไม่ได้ถึงตอนนี้ยังหลอกตัวเองและคนอื่นๆอยู่ใช่มั้ย คิดว่าเธอกับฉันเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆใช่มั้ย!
บอกตามตรงในตอนนั้นที่ฉันมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอก็เพราะเห็นความสัมพันธ์ของเธอกับลู่จิ่งเซินนั่น ฉันต้องการใช้เธอเพื่อให้ตัวเองได้เข้าใกล้ลู่จิ่งเซินแล้วฆ่าเขา แต่ตอนนั้นประการแรกคือฉันยังไม่เข้มแข็งพอ ประการที่สองใครจะคิดว่าเธอจู่ๆก็ความจำเสื่อมไม่ติดต่อกับลู่จิ่งเซินอีก
โชคดีที่หลายปีผ่านไปเธอได้พบเขาอีกครั้ง ตอนนั้นเองฉันถึงยืมมือเธอฆ่าเขา นายว่ามันเป็นพรหมลิขิตรึเปล่า?”
ริมฝีปากของเย่ไป๋สั่น ทันใดนั้นก็กัดฟันพูดว่า “เธอหมายความว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอคิดจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย? เพื่อแก้แค้น?”
เซี่ยฉวนม้วนริมฝีปากของเธอแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ก็ไม่ทั้งหมด ประการแรกแน่นอนว่าเพื่อแก้แค้น ประการที่สองมีคนจ่ายเงินในราคาสูงเพื่อให้เอาชีวิตของลู่จิ่งเซิน ฉันเพียงแค่รับเงินช่วยกำจัดคนแทนคนอื่นเท่านั้น”
พูดจบก็พูดต่อเหมือนเพิ่งคิดอะไรออก “โอ้ จริงสิ ตอนนี้นายยังไม่รู้จักตัวตนอื่นๆของลู่จิ่งเซินสินะ? งั้นฉันจะบอกนายให้ว่าจริงๆแล้วเขาเป็นหัวหน้าของกลุ่มมังกร ชื่อรหัสX เป็นไงล่ะ? คุ้นมากใช่มั้ย?”
X?
เย่ไป๋สั่นอย่างรุนแรงมองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ
ชื่อรหัสนี้เขาคุ้นหูมากกว่า!
คุ้นหูมากเกินไปแล้ว?
ประมาณเจ็ดปีที่แล้วคนชื่อรหัสXคนนี้ทำสิ่งที่เหลือเชื่อมากมายจนใช้มือสองข้างนับก็ไม่หมด!
แต่ตอนนี้เธอกลับบอกเขาว่าคนๆนั้นคือเขา…
เย่ไป๋มองผู้หญิงตรงหน้า เธอยิ้มด้วยความรัก มันสวยมาก แต่ในตอนนี้ในสายตาเขาเธอดูเหมือนงูแมงป่อง
ตอนนี้สายตาของเซี่ยฉวนกลับเป็นประกายขึ้นมา เธออาศัยจังหวะที่เขากำลังว้าวุ่น พลิกข้อมือของเขาแล้วผลักมือของเขาออก ทำให้สามารถหลุดออกไปเหมือนปลาไหล
ทักษะการเคลื่อนไหวนั้นลื่นไหลเหมือนสายน้ำที่ไหล ราวกับการฝึกฝนหลายพันครั้ง เพียงชั่วพริบตาก็สามารถถอยห่างออกไปได้หลายก้าว
เย่ไป๋รู้สึกว่ามือว่างเปล่าก็เงยหน้าขึ้นมองเธอ ใบหน้าเธอมีรอยยิ้มหวานอยู่ แต่ที่ดวงตากลับเย็นชามากไร้รอยยิ้ม
เขาขยับริมฝีปาก ในที่สุดก็พูดด้วยเสียงแหบ “ดังนั้นหลายปีมานี้ที่ฉันช่วยเธออย่างลับๆ ในสายตาเธอ คิดว่าฉันโง่มากใช่มั้ย? เป็นแค่หมากที่ใช้ประโยชน์?”
เซี่ยฉวนเย้ยหยัน “แล้วมันไม่ใช่รึไง? ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลจิ้นกับตระกูลลู่ของพวกนายร่วมมือกัน พ่อฉันก็คงไม่ตาย! เขาเป็นแพะรับบาปให้กับสองตระกูลของพวกแก แล้วพวกนายล่ะ?
พวกนายกักขังฉันไว้ ไม่ให้ฉันพูดความจริง เพื่อชื่อเสียงและผลประโยชน์ของตัวเอง
มันไม่ง่ายเลยที่กว่าฉันจะหนีออกมาได้ นายคิดว่าการให้ทานฉันแค่เพียงเล็กน้อยจะทำให้ฉันซาบซึ้งใจ ทำให้ฉันลืมความเกลียดชังทั้งหมดนี้ได้งั้นหรอ?”
เย่ไป๋มองใบหน้าที่บ้าคลั่งของเธอ เขาขยับริมฝีปากแต่จู่ๆก็รู้สึกหมดแรง
“เหอะ!”
เขาหัวเราะเยาะตัวเองแล้วมองสายตาของเธอ สายตาก็เปลี่ยนเป็นดูถูก
“เธอคิดจริงๆหรือว่าตอนนั้นพ่อของเธอเป็นแพะรับบาปให้กับตระกูลของเราสอง? ไม่ใช่ว่าตัวเขาเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่เอง?”
เซี่ยฉวนตัวสั่น
สีหน้าเปลี่ยนไปแล้วพูดอย่างร้อนใจ “เป็นไปไม่ได้!”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้? ตอนนั้นเขาใช้ชื่อตระกูลลู่เพื่อทุจริตรับสินบน ความผิดที่ทำยังน้อยอยู่หรอ? ทำผิดใหญ่หลวงขนาดนี้ไม่ตายก็จำคุกตลอดชีวิต
เขาไร้อนาคตเลือกที่จะกระโดดตึกแล้วมันก็กลายเป็นความผิดของตระกูลลู่งั้นหรอ? เพื่อที่เก็บกวาดเรื่องของเขา ปิดช่องโหว่ เธอรู้ไหมว่าลู่จิ่งเซินต้องจ่ายไปเท่าไหร่!”
สีหน้าของเซี่ยฉวนเปลี่ยนไปแล้วส่ายหน้า
“ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่เชื่อ!”
เย่ไป๋หัวเราะเยาะ
“จะเชื่อหรือไม่ก็เรื่องของเธอ มันคือความจริง ถ้าเธอดึงดันจะคิดแบบนั้นฉันก็ช่วยไม่ได้ เพียงแต่เสียดายที่เจ็ดปีมานี้ฉันเคยมองว่าเธอเป็นสาวน้อยไร้เดียงสา ฉันตาบอดเอง วันนี้โชคดีที่ลู่จิ่งเซินไม่เป็นไร ถ้าเขาเป็นอะไรขึ้นมา ฉันจะเอาชีวิตเธอให้ได้!”
พูดจบเขาก็หันหน้าจากไปไม่สนใจเธออีก
เซี่ยฉวนยืนอยู่บนดาดฟ้า ค่ำคืนที่โหดร้ายพัดผมยาวของเธอ ใบหน้าอาบด้วยน้ำตา
มองดูร่างสูงนั้นหายตรงสุดปลายของทางเดิน ในที่สุดเธอก็อดไม่ได้ที่จะคุกเข่าร้องไห้
“ขอโทษ ฉันขอโทษเสี่ยวไป๋…”