บทที่ 427 หาเรื่องใส่ตัว
จิ่งหนิงรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก
เธอมองเธอ ทั้งๆที่ควรจะรู้สึกมีความสุขในการแก้แค้น แต่ตอนนี้กลับรู้สึกแบบนั้นไม่ลง
“แล้วยังเธออีก…จิ่งหนิง!”
ทันใดนั้นเธอก็ชี้นิ้วไปที่จมูกของจิ่งหนิงแล้วพูดอย่างดุร้าย “เธอคิดว่าฉันแยแสเธองั้นหรอ? เธอมันก็แค่หมากตัวหนึ่งที่ทำให้ฉันเข้าใกล้คนตระกูลลู่ได้เท่านั้นแหละ
ยัยผู้หญิงโง่! แต่เธอก็อย่าคิดว่าตัวเองสูงส่งเกินไปล่ะ ผู้หญิงอย่างเธอถ้าออกจากตระกูลลู่ไป มันก็แค่คนธรรมดาเท่านั้น!
พ่อฉันจากไปแล้ว ฉันก็ยังถูกพวกคุณขังอีก! พวกคุณไม่ยอมให้มีข่าวอะไรที่จะทำลายชื่อเสียงพวกคุณอยู่แล้วนี่ คุณมีความสุขกับถูกผู้คนเคารพชื่นชมจากคนมากมาย แล้ว…แล้วฉันล่ะ?! ฉันไม่มีอะไรเลยสักอย่าง!”
ทันใดนั้นเธอก็ปิดหน้าแล้วร้องไห้
จิ่งหนิงมองเธอที่จู่ๆเปลี่ยนจากบ้าคลั่งเป็นร้องไห้อย่างไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักคอยห่วงใยอยู่เคียงข้างเธอในตอนนั้น
ก่อนหน้านี้เธอไม่รู้ความเกลียดชังระหว่างเซี่ยฉวนกับตระกูลลู่
เพราะหลังจากเหตุการณ์นี้และการตรวจสองของซูมู่ทำให้เธอค่อยๆเข้าใจขึ้นบ้าง
ครั้งนี้ที่เธอกับลู่จิ่งเซินมาประเทศFด้วยกันก็เพราะมาขอความช่วยเหลือจากเซี่ยฉวน เหมือนเนื้อเข้าปากเสืออย่างไม่ต้องสงสัย
บางครั้งเธอก็ไม่กล้าคิดเลยว่าถ้าคืนนั้นมีดของเธอแม่นยำกว่านี้อีกนิดเดียว…
เธอไม่กล้าคิดเรื่องนี้เลยจริงๆ
จิ่งหนิงเงียบไปชั่วขณะ มือของเธอถูกลู่จิ่งเซินกุมไว้ สักพักก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า “เซี่ยฉวน ถ้าตอนนั้นลู่จิ่งเซินไม่อยากให้เรื่องรั่วไหลออกมา ทำไมต้องทำแค่เพียงขังเธอไว้แล้วเก็บอันตรายไว้ใกล้ตัวด้วย?
เธอก็รู้วิธีการของเขาดี เขาสามารถทำให้เธอตายอย่างเงียบๆไปเลยก็ได้ ทำไมต้องปล่อยให้เซี่ยฉวนที่แค้นเขาฝังลึกไว้ขู่เขาในโลกล่ะ”
เซี่ยฉวนไม่พูด
ซูมู่เห็นดังนั้นจึงก้าวไปข้างหน้าช่วยพยุงเธอที่เป็นอัมพาตอยู่บนพื้นขึ้น เซี่ยฉวนไม่ขัดขืนปล่อยให้เขาก็ช่วยตัวเธอขึ้นมา
“เธออยากรู้ไหมว่าทำไมพ่อเธอถึงตาย?” จิ่งหนิงมองเธอพูดอย่างไม่แยแส
เซี่ยฉวนไม่ตอบสนอง
ความจริงเรื่องที่เธอควรรู้เธอก็รู้จากปากเย่ไป๋มาเกือบทุกอย่าง
เพียงแค่ไม่เต็มใจจะเชื่อก็เท่านั้น
แต่จิ่งหนิงกลับไม่มีแผนที่จะปล่อยเธอไป น้ำเสียงของเธอเบาและอ่อนโยน แต่เธอมีพลังกระทบใจคน
“พ่อเธอหาเรื่องใส่ตัว การตายของเขาเป็นแค่เพียงการชดใช้การกระทำของเขาเองเท่านั้น”
เซี่ยฉวนตัวสั่น!
เธอเงยหน้าขึ้นมองจิ่งหนิงด้วยแววตาดุร้าย
“ฉันไม่เชื่อ พวกเธอมันก็เหมือนกับเย่ไป๋! พวกเธอมันเป็นคนหลอกลวง ฉันไม่เชื่อคำพูดที่พวกเธอพูด! พ่อฉันไม่จำเป็นต้องตาย เขา——!”
“เขายักยอกเงินรับสินบน ฆ่าตัวตายด้วยความกลัวผิด”
จู่ๆเสียงของมั่งคงของผู้ชายก็ดังขึ้นทำลายภาพลวงตาของเธอ
ลู่จิ่งเซินไม่เคยเรียนรู้วิธีรักษาหน้าผู้อื่นมาก่อนในชีวิต เขาหยิ่งผยองจนไม่สามารถทนการเถียงข้างๆคูๆได้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเซี่ยฉวน
น้ำเสียงของเขาเยือกเย็นอย่างยิ่ง แต่ทว่าความน่าเกรงขามของตำแหน่งที่สูงมาหลายปีทำให้ผู้คนต้องเชื่อว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง
จิ่งหนิงมองเซี่ยฉวน คิ้วบางของเธอขมวดอย่างไม่เข้าใจ
หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเธอไม่ได้ไร้เดียงสาและน่ารักอีกต่อไป เธอมีแต่ความแค้นและการใช้ประโยชน์จากพวกเขา
ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ดีว่าความรู้สึกของการเสียพ่อไปมันแย่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายจะใช้ประโยชน์จากตนด้วยเล่ห์กลได้
เซี่ยฉวนตกตะลึงอยู่อย่างนั้น สักพักเธอจึงทรุดตัวลงนั่ง
เสียงนั้นแผ่วเบาราวกับลอยมาจากที่ไกลแสนไกล
“ที่แท้…สิ่งที่เย่ไป๋พูดเป็นความจริง?”
ดูเหมือนเธอจะถามเองตอบเองแล้วก็ส่ายหัว “ไม่ ฉันไม่เชื่อ!”
ความจริงเธอเชื่อสิ่งที่เย่ไป๋พูดมากกว่าครึ่งแล้ว แต่เธอไม่กล้าที่จะยอมรับ
เธอกลัวว่าคนที่เธอจงเกลียดจงชังทั้งหมดจะเป็นคนที่ไม่เคยทำเรื่องจงเกลียดจงชังกับเธอมาก่อน แผนการที่เธอคิดไว้ล่วงหน้าจะกลางเป็นเพียงแค่เรื่องตลก
ทำให้เธอกับเย่ไป๋ไม่สามารถคบกันได้อีก ไม่สามารถดีกับจิ่งหนิงเหมือนเดิมได้อีกต่อไป
เธอถูกครอบงำโดยสิ่งที่เรียกว่าความเกลียดชัง มันอยู่ในความมืดเหมือนหุ่นเชิด แต่แท้จริงแล้วทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องมโนของเธอเอง
เธอและพวกเขาไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีกแล้ว
บางทีตั้งแต่ที่เธอตัดสินใจที่จะล้างแค้นให้กับพ่อ เธอและพวกเขาก็ไม่สามารถย้อนกลับไปได้แล้วจริงๆ
จิ่งหนิงมองท่าทางหมดหวังของเธอโดยไม่พูดอะไร
เธอสบตากับลู่จิ่งเซิน จากนั้นก็ส่งสัญญาณให้ซูมู่พาเธอออกไป
ซูมู่ย่อมทำตามนั้น
หลายวันต่อมาเซี่ยฉวนถูกย้ายไปอยู่ที่บ้านพักของลู่จิ่งเซินในประเทศF
ลู่จิ่งเซินส่งคนสองสามคนไปเฝ้า นึกว่าเธอจะขัดขืน แต่ไม่คิดเลยดูเหมือนเธอจะยอมรับชะตากรรมและขี้เกียจเกินกว่าจะออกไป
เธอขังตัวเองอยู่ในห้องตลอดทั้งวัน ไม่ค่อยกินอะไร
หลังจากที่เธอทำร้ายลู่จิ่งเซิน ในใจจิ่งหนิงก็รู้สึกมองหน้าเธอไม่สนิท
คิดว่าคงดีถ้าปล่อยให้เธออยู่คนเดียวสักพักจึงไม่ได้สนใจ
ช่วงนี้เธออาศัยอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อที่จะสะดวกในการดูแลตรวจความปลอดภัยของทารกในครรภ์และจะได้ดูแลลู่จิ่งเซินไปด้วย
วันนี้ขณะที่ลู่จิ่งเซินเพิ่งหลับไป เธอไม่รู้ว่าเพราะตัวเองท้องหรือดูแลลู่จิ่งเซิน จนเหนื่อย เธอรู้สึกวิงเวียนอยากกลับไปพักผ่อน
ไม่คิดว่าพอเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
พอดูแจ้งเตือนสายก็เห็นว่าคือหัวเหยา
ในเมื่อตระกูลจิ้นรู้ข่าวว่าที่ลู่จิ่งเซินถูกลอบสังหารจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จี้หลินยวนจะไม่รู้
จิ่งหนิงกับหัวเหยาเป็นเพื่อนรักกัน พอจี้หลินยวนรู้ข่าวจึงไม่สามารถไม่บอกหัวเหยาได้เป็นธรรมดา
ดังนั้นหลังจากที่จิ่งหนิงรับสาย เธอก็ได้ยินเสียงหัวเหยาถามอาการเธออย่างกระวนกระวาย
เธออดยิ้มไม่ได้ หัวใจของเธออบอุ่นขึ้นจึงพูดว่า “ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว สถานการณ์ตอนนี้ก็ค่อนข้างคงที่ ไม่มีอะไรร้ายแรง เธอไม่ต้องห่วง”
หัวเหยาส่งเสียงเฮอะเบาๆ
“ฉันจะเป็นห่วงเขาทำไม? คนที่ฉันเป็นห่วงคือเธอ เธอเป็นยังไงบ้าง?”
“ฉัน?” จิ่งหนิงหยุดพูด รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากแล้วพูดเบา “เหยาเหยา ฉันมีข่าวดีจะบอก”
“อะไร?”
“ฉันท้อง”
ฝั่งตรงข้ามนิ่งเงียบไปหลายวินาที
ทันใดนั้นก็กรีดร้องอย่างตื่นเต้น
“อ๊ายยยยยยย…ถ้างั้นฉันขอเป็นแม่ทูนหัวได้มั้ย?”
จิ่งหนิงยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ ดังนั้นอย่าลืมเตรียมอั่งเปาไว้ด้วย ถ้ามันน้อยไปฉันจะไม่ให้เป็น”
เมื่อก่อนจิ่งหนิงคิดมาตลอดว่าอานอานยังเด็ก แล้วทั้งสองก็ยุ่งมากจึงจำเป็นต้องรีบมีลูก
แต่หลังจากลู่จิ่งเซินได้รับบาดเจ็บ เธอก็ตระหนักได้ว่าบางครั้งก็มีช่วงเวลาที่เหมาะสมไม่เหมาะสมมากมาย
ทันทีที่ต้องการนั่นคือเวลาที่ดีที่สุด
ดังนั้นเธอจึงก้มหน้าลงลูบท้องตัวเอง ความสุขท่วมล้นในใจมากขึ้นเรื่อยๆ
“เหยาเหยา รอฉันทำธุระเสร็จแล้วฉันจะไปคุยกับเธออย่างละเอียด”
“อืม เธอก็ต้องใส่ใจเรื่องความปลอดภัยนะ”
“อื้ม”
จิ่งหนิงกำลังจะวางสาย แต่คิดไม่ถึงว่าหัวเหยาจะกล่าวเสริม “จริงสิ เมื่อวานจี้หลินยวนกลับแล้ว วันนี้น่าจะถึงประเทศFแล้ว ถ้าหากเธอมีอะไรติดขัดก็บอกพวกคุณนายย่าจิ้นได้นะ บอกจี๋หลินยวนได้โดยตรง”