บทที่ 430 คดีลักพาตัว
จี้หลินยวนเห็นดังนั้นก็พูดอะไรไม่ได้
“งั้นนายก็ระวังตัวหน่อย โอกาสมาถึงก็รีบทำ ส่วนไอ้บ้าที่จนตรอกก็ไม่ต้องเสียน้ำลายต่อปากต่อคำเยอะ ถ้าไม่ได้จริงๆก็ฆ่าทิ้งไปเลย พวกเราจะปกป้องนายลับๆ”
ลู่จิ่งเซินพยักหน้า
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
จิ่งหนิงถูกเสียงฝีเท้าปลุกให้ตื่น
เธอยังรู้สึกวิงเวียนหัว ตาหนักอึ้งเสียจนลืมแทบไม่ขึ้น มันไม่ง่ายเลยกว่าที่จะสามารถลืมตาได้ เธอรู้สึกเพียงว่ารอบกายมืดไปหมด ใกล้มีแสงส่องลอดเข้ามา เธอเห็นเงาลางๆของคนคนหนึ่งกำลังขยับอยู่
นี่มันที่ไหน?
เธอพยายามนึกอย่างเลือนราง ในความทรงจำเธอเพิ่งเดินออกจากโรงพยาบาล เดิมทีเธออยากจะไปซื้ออาหารจีนที่ลู่จิ่งเซินชอบ จากนั้นพอขึ้นรถก็…
จิ่งหนิงขมวดคิ้ว คิดอย่างเลือนราง จากนั้นเธอมาได้ยังไง?
ในความทรงจำฉากต่างๆขยับออกมา เธอตัวสั่นทันที
แย่แล้ว!
จิ่งหนิงได้สติขึ้นมาทันที เธอแทบจะกระโดดขึ้นมาจากพื้นจากจิตสำนึก
พอเห็นรอบตัวมืดไปหมด ข้างหน้ามีประตูที่ปิดไม่สนิทบานหนึ่ง
ทำให้มีแสงส่องเข้ามา มือทั้งสองของเธอถูกมัดไว้ข้างหลัง เท้าก็ถูกมัด ด้านล่างตัวเป็นพื้นที่ทำจากไม้ที่แผ่ไอความเค็มออกมา เธอได้ยินเสียงลมที่ข้างหูราวกับอยู่บนเรือ
บนเรือ?
คำตอบนี้ทำให้เธอตกใจ ข้อมือเธอเจ็บจากการถูกมัดจนแน่น เธอขมวดคิ้ว ออกแรงถอดมันออกหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ แต่มันกลับยิ่งที่ทำให้ข้อมือยิ่งเจ็บกว่าเดิม
ใจของเธอหนักแน่นขึ้น เธอเม้มปากแล้วพยายามเคลื่อนตัวไปทางประตูอย่างยากลำบาก อาศัยลำแสงนั้นแอบมองคนที่อยู่ข้างนอก
แผ่นหลังนั้น…ช่างคุ้นเคยเสียจริง!
เธอพยายามนึกย้อนในความทรงจำ ไม่นานก็นึกออก บังเอิญที่คนคนนั้นหมุนตัวหันมา ตอกย้ำสิ่งที่เธอเดาไว้ เป็นโจวเหวินจงจริงไปด้วย
“โจวเหวินจง!” เธอตะโกนเสียงดัง “คุณลักพาตัวฉันมาที่นี่ทำไม?”
ตอนนั้นโจวเหวินจงกำลังร้อนใจในการรออีกฝ่ายตอบกลับ
พอได้ยินเสียงแล้วหันหน้าไปก็เห็นเธอปีนมาถึงประตู ก็รีบก้าวเท้ายาวมาหาด้วยแววตาดุร้าย จากนั้นก็ถีบไหล่เธอ
จุดศูนย์ถ่วงของจิ่งหนิงไม่คงที่จึงทำให้ล้มถอยหลังไป
โจวเหวินจงก็ตามไปหาแล้วเปิดไฟห้องเก็บของของเรือ เขาหิ้วเธอไปข้างๆพลางตะโกนว่า “อยู่ดีๆซะ! ไม่งั้นฉันจะเอาชีวิตเธอตอนนี้!”
การเคลื่อนไหวของเขาไปแตะใส่แผลที่ขาเธอ ทำให้เธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด คิ้วสวยขมวดแน่น
“โจวเหวินจง คุณคิดจะทำอะไร? ฉันขอเตือนไว้ก่อนนะว่าการกระทำของคุณตอนนี้มันผิดกฎหมายสามารถถูกจำคุกได้เลย มันผิดกฎหมายนะ!”
จิ่งหนิงพูดอย่างใจเย็นมีเหตุผล
มุมปากของโจวเหวินจงเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา เขานั่งยองๆหน้าเธอแล้วหยิบกริชที่สะท้อนแสงออกมา
“ติดคุก? ผิดกฎหมาย? เธอคิดว่าตอนนี้ฉันยังกลัวเรื่องพวกนี้อีกหรอ?”
เขาเหมือนจะบอกเธอ แต่ก็เหมือนจะพูดคนเดียว “ตระกูลจิ้นตามฆ่าฉัน ถ้าหากไม่จับตัวเธอ เธอคิดว่าวันต่อๆไปในอนาคตจะดีไปกว่าการติดคุกงั้นหรอ?”
จิ่งหนิงหรี่ตา “ฉันไม่ใช่คนตระกูลจิ้นสักหน่อย แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน?”
“คิดว่าไงล่ะ?” ทันใดนั้นสายตาโจวเหวินจงก็เย็นชาขึ้นมาและฉายแววความเกลียดชัง
“ถ้าหากคุณไม่บอกความลับให้ลู่จิ่งเซิน ลู่จิ่งเซินคงไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกจี้หลินยวน ฉันจะตกอยู่ในสภาพเช่นวันนี้งั้นหรอ?
จิ่งหนิง ครั้งที่แล้วที่ไม่ได้เอาเธอตายก็เพราะเธอดวงแข็ง ถ้าหากเธอหุบปากอยู่อย่างนี้ บางทีฉันอาจจะปล่อยเธอไป แต่ถ้าเธอไม่รู้สถานการณ์ฉันก็จะช่วยให้เธอสมหวัง อย่างมากก็แค่สูญเสียด้วยกันทั้งสองฝ่าย!”
จิ่งหนิงตัวสั่น เธอร่นถอยหลัง
“คุณคิดจะทำอะไร? ฆ่าฉันหรอ?” เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย
“ไม่ๆๆ!” โจวเหวินจงส่ายหน้า “ถ้าตอนนี้ฆ่าเธอไปก็เหนื่อยเปล่าสิ? วางใจได้ ชีวิตของเธอยังมีราคาพันล้านแหนะ ก่อนที่จะได้เงินฉันจะยังไม่ฆ่าเธอหรอก”
พันล้าน?
จิ่งหนิงอึ้งไป ตอนนั้นเองโทรศัพท์ของโจวเหวินจงก็ดังขึ้น เขาควักออกมาดูจากนั้นก็ออกไปคุยข้างนอก
ประตูถูกปิดลง จิ่งหนิงแอบฟังเสียงจากข้างนอก
“ถึงรึยัง?”
“…”
“ฉันขอเตือนแกไว้ก่อนนะว่าแกมีเวลาทั้งหมด 2 ชั่วโมง ถ้าหากหลังจากนี้ 2 ชั่วโมงยังมาไม่ถึงหรือเล่นลูกไม้อะไร งั้นก็รอเก็บศพผู้หญิงของแกไว้ได้เลย!”
สายเหมือนจะพูดเท่านี้แล้วถูกตัดไป ไม่นานประตูก็ถูกเขาเตะเปิดออก โจวเหวินจงเดินเข้ามา
จิ่งหนิงเห็นใบหน้ามองหน้าเคร่งของเขาแล้วพูดเสียงสั่น “โจวเหวินจง! คุณบ้าไปแล้วหรอ? นี่มันคือคดีลักพาตัวเลยนะ!”
โจวเหวินจงหัวเราะเยาะ เขานั่งลงดึงผมของเธอแล้วกัดฟันพูดว่า “เธอคิดว่าฉันไม่รู้หรอว่านี่เป็นคดีลักพาตัว? แม่มึงตาย คิดหรอว่าถ้ามีทางสำรองฉันจะเลือกเดินทางนี้?
เงินหนึ่งพันล้าน! ต่อให้ฉันได้ไปชีวิตที่เหลือก็ต้องหนีจากการไล่ล่าของตระกูลจิ้นกับตระกูลลู่ทั้งสองตระกูล มีหนึ่งพันล้านแล้วจะมีประโยชน์อะไร?”
เขาเหมือนกำลังโกรธจึงเอาหัวเธอทุบกำแพงเพื่อระบายความโกรธแค้นในใจ
จิ่งหนิงส่งเสียงด้วยความเจ็บปวดแล้วกัดฟันพูดว่า “แล้วคุณจะทำแบบนี้ทำไม?”
“เพราะพวกมันจะเอาฉันเข้าคุก! เข้าคุก เธอเข้าใจมั้ย?”
ไม่รู้ว่าโจวเหวินจงเป็นอะไร จู่ๆก็ระเบิดออกมาแล้วมองจิ่งหนิงอย่างดุร้าย
“ที่นั่นมันโรคจิต! ถ้าฉันเข้าไปแล้วจะออกมาอย่างปลอดภัยงั้นหรอ? ฉันก็ไม่มีทางเลือก! พวกเขาบีบบังคับฉัน บีบบังคับให้ฉันทำแบบนี้!”
“ไม่ใช่! ทั้งหมดนี้เป็นเพราะคุณรนหาที่เอง!”
จิ่งหนิงข่มความกลัวในใจแล้วตะโกนพูด “ใช้เงินกองกลาง อย่างมากก็แค่ติดคุกไม่กี่ปี แต่ถ้าฉันเป็นอะไรไป งั้นก็เป็นคดีฆาตกรรม มีโทษประหารเลยนะ”
“ทำไมคุณไม่คิดบ้างล่ะ ลำพังแค่ฉันคุณคิดว่าคุ้มค่ากับเงินพันล้านหรอ? ถ้าตอนนี้คุณปล่อยฉัน ฉันยังสามารถไปขอความเห็นใจให้คุณได้ เพียงแค่คุณเอาเงินไปคืน ไม่แน่ว่าอาจไม่ต้องเข้าคุกก็ได้ ยังไงซะคุณก็เป็นลุงเขยของจี้หลินยวน แล้วยังเป็นพ่อแท้ๆของซูหยุนอีกไม่ใช่หรือ? ยังไงก็ต้องเห็นแก่หน้าผู้หลักผู้ใหญ่อย่างซูหยุนหรือคุณป้าจิ้นหง พวกเขาคงไม่เอาเรื่องคุณจนเกินไปหรอก”
โจวเหวินจงดูเหมือนจะลังเล
แววตาของเขาเป็นประกายราวกับกำลังพิจารณาคำพูดเธอ
จิ่งหนิงจึงรีบอาศัยจังหวะนี้ “โจวเหวินจง พวกเราทั้งสองก็ไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อกัน ถ้าหากไม่ใช่เพราะครั้งที่แล้วคุณทำร้ายฉัน ฉันก็คงไม่เอาเรื่องของคุณไปบอกลู่จิ่งเซิน ถ้าตอนนี้คุณปล่อยฉัน ฉันรับรองได้ว่าจะช่วยคุณขอร้องลู่จิ่งเซินแน่ๆ”
“อีกอย่างคุณป้าจิ้นหงคงไม่ยอมเห็นคุณเข้าคุกหรอกใช่มั้ยล่ะ? มีพวกเขาช่วยกันขอร้อง คุณจะยังกลัวอะไร? ทุกคนล้วนเป็นญาติกันต้องไว้หน้ากันก็พูดกันง่าย ถ้าหากตอนนี้คุณยังดึงดันจะลักพาตัวฉัน ถ้าตอนนั้นเรื่องถึงตำรวจ คุณก็จะไม่มีทางที่จะถอยกลับแล้วนะ!”
ขณะที่เธอพูด ตอนนั้นเองโทรศัพท์ของโจวเหวินจงก็ดังขึ้น
เขามองจิ่งหนิงอย่างดุดัน ครั้งนี้เขาไม่ได้ออกไปคุย แต่คุยต่อหน้าเธอ
จิ่งหนิงไม่รู้ว่าปลายสายคือใคร คุยกับเขาว่ายังไงบ้าง เห็นแค่ว่าสีหน้าเขามืดลงเรื่อยๆ