วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 432 เขานิ่งเฉยมาก

บทที่ 432 เขานิ่งเฉยมาก

ไม่นาน จิ่งหนิงก็ถูกวางไว้บนดาดฟ้าเรือ แค่เห็นโจวเหวินจงยื่นมือไปจับเธอไว้ ปากปืนชี้ไปยังยอดศีรษะของเธออย่างวับไว

บนเรือลำเล็ก ลู่จิ่งเซินมองฉากๆ นี้ด้วยความนิ่งสงบ

ในหูฟังเป็นเสียงรายงานสั้นๆ ของซูมู่ “ท่านประธาน ทีมที่หนึ่งเตรียมตัวเสร็จแล้วครับ ทีมที่สองก็เตรียมเสร็จ และทีมที่สามเตรียมเสร็จแล้ว สามารถปฏิบัติได้แล้วครับ”

นัยน์ตาของลู่จิ่งเซินเลือดเย็นจนไม่มีอุณหภูมิที่อบอุ่นเลย ริมฝีปากบางขยับเล็กน้อย “ระวัง อย่าทำให้เธอได้รับบาดเจ็บเด็ดขาด”

“ครับ! “

จิ่งหนิงที่อยู่บนเรือประมงก็แทบจะไม่รู้ทุกอย่างนี้ จู่ๆ ก็ถูกปืนชี้หัวไว้ อารมณ์ของโจวเหวินจงไม่มั่นคงเลยจริงๆ เธอรู้สึกตกใจจนกรีดร้อง “โจวเหวินจง! แกบ้าไปแล้วหรอ? “

“ฉันบ้าไปแล้ว! เหอะ! นี่มันสมควรตาย! กลับกล้าโกหกฉัน! ซุ่มจู่โจมหรอ? วันนี้ฉันจะดู ใครกันแน่ที่เก่งกว่า! “

จิ่งหนิงทำสีหน้าที่ขาวซีด คอถูกเขาที่อยู่ข้างหลังล็อคไว้ แทบจะหายใจไม่ออก “แกอย่าขยับ มีซุ่มจู่โจมที่ไหนเล่า? ไม่มีหนิ! ที่นี่นอกจากมีพวกเราสามคน ก็ไม่มีใครอื่นใด……..”

“แกหุบปาก! ” จู่ๆ โจวเหวินจงก็รู้สึกใจร้อนจนตะโกนใส่เธอ ดวงตาแดงก่ำ ปืนก็จ่อหัวของเธอแน่นขึ้น

“ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป แกห้ามพูดอะไรอีก! ไม่งั้นฉันจะเอาปืนยิงแก ได้ยินไหม? “

จิ่งหนิงกัดฟันแน่น กลัวว่าเขาจะโมโหเลือดพล่าน จึงไม่กล้าพูดมาก

“ลู่จิ่งเซิน! สั่งให้คนของแกถอยไปเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นฉันจะฆ่าเธอ! “

โจวเหวินจงตะโกนเสียงดังไปยังทิศทางของลู่จิ่งเซิน

ตอนนี้ บนเรือทั้งสองลำมีระยะห่างกันไม่ถึงสามสิบเมตร ผืนน้ำกว้างใหญ่ สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน

เสียงของลู่จิ่งเซินตะโกนจากที่ไกลๆ กลับคาดคิดไม่ถึงว่าจะไม่มีการโต้แย้งและปฏิเสธเลย

“ฉันจะเอาอะไรมารับประกันได้ยังไงว่าแกได้เงินแล้วจะปล่อยคน? “

“ฉันจะฆ่าเธอตอนนี้เดี๋ยวนี้ไง! “

โจวเหวินจงทำน้ำเสียงที่เคร่งขรึม

ลู่จิ่งเซินนิ่งสงบไปสักพัก

จากนั้น ก็เห็นเขาพูดอะไรขึ้นด้วยเสียงต่ำ ไม่นาน เรือประมงที่อยู่ใกล้ๆ ก็มีเสียงเคลื่อนไหวไม่น้อย ในน้ำก็มีเสียงเคลื่อนไหว แล้วตรงที่ไกลๆ ก็มีคนเดินออกจากที่นี่ไม่น้อย

คนบางกลุ่มก็มีท่าทีที่ว่องไว เพราะได้รับการฝึกฝนอย่างดี

โจวเหวินจงสีหน้าขาวซีดทันที

ลูกตามไปทั่วทั้งสี่ทิศ หลังจากสังเกตมองว่ารอบข้างไม่มีความผิดปกติ ถึงจะพูดด้วยเสียงเข้ม “มานี่! “

ลู่จิ่งเซินจึงพายเรือลำเล็กไปทางนี้ต่อ ไม่นาน ก็ขึ้นเรือประมงที่พวกเขาอยู่

เขาสวมใส่ชุดกันฝนสีดำ ด้านในเป็นเสื้อเชิ้ตและกางเกงสูท แลดูมีเสน่ห์และดูสูงสง่าเลือดเย็น หางตาและคิ้วที่เฉียบคมเหมือนแสงอันเย็นยะเยือกที่เปล่งประกายออกจากด้ามของดาบ

แค่สีหน้านั้นกลับขาวซีดอย่างมาก

เหมือนเป็นกระดาษแผ่นหนึ่ง ไม่มีเลือดบนใบหน้าเลยแม้แต่เพียงนิด

จิ่งหนิงมองแล้วรู้สึกเหมือนถูกบีบหัวใจ

ฝั่งตรงข้าม ลู่จิ่งเซินมองไปด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ใดๆ

“โจวเหวินจง! ปล่อยเธอ เงินที่แกจะเอา ฉันจะให้แกไม่น้อยแม้แต่สตางค์เดียว”

เขาพูดด้วยความนิ่งเฉย ท่าทางแบบนั้น ไม่เหมือนมาขอไถ่ตัวคน กลับเป็นการเจรจาอย่างหนึ่ง หรือว่าเป็นให้ทานจอมปลอม

สุดท้ายโจวเหวินจงก็แค่ไอ้พวกนักเลงที่ต่ำทรามเท่านั้น ชาตินี้นอกจากจะได้ภรรยาเป็นเศรษฐี แล้วตกถังข้าวสาร เรื่องใหญ่ที่สุดที่เคยทำก็อาจจะเป็นการแพ้เงินพันล้านนั่นแล้ว

ปกติกลัวว่าลู่จิ่งเซินจะกลัวว่าจะตาย เวลานี้ ภายในใจเหมือนว้าวุ่นอย่างมาก

“ตั้งสติเอาไว้ ให้เขาถอดเสื้อกันหนาว! ” คนในหูฟังสั่งการ

โจวเหวินจงกลืนน้ำลาย แล้วหายใจหอบหืดเล็กน้อย ถ้าเทียบกับการต้องเผชิญกับลู่จิ่งเซินที่ทำสีหน้าที่นิ่งเฉย ก็สามารถเทียบกว่าใครแกร่งใครด้อยกว่าแล้ว

“แกถอดเสื้อกันหนาวเถอะ! “

ลู่จิ่งเซินทำสีหน้าที่ไม่สื่ออารมณ์ใดๆ กลับถอดเสื้อกันหนาวตามคำสั่งจริงๆ แล้วโยนเสื้อกันหนาวโยนไปที่ดาดฟ้าเรือ ยังคงทำเหมือนไม่สนใจใดๆ

“ให้เขาหมุนตัว! ” เสียงในหูฟังออกคำสั่งอีกครั้ง

ดังนั้นโจวเหวินจงก็พูดขึ้นอีกครั้ง “หมุนตัวดู! “

ลู่จิ่งเซินหมุนตัว

“เอาคอมให้เขา ให้เขาโอนเงิน! “

โจวเหวินจงชี้ไปยังโน๊ตบุ๊คที่อยู่ไม่ไกล “โอนเงิน! “

ลู่จิ่งเซินเดินไป

ท่าทีของเขาดูธรรมชาติเกินไปแล้ว ธรรมชาติจนไม่รู้สึกตื่นเต้นสักนิด

แม้แต่จิ่งหนิงก็ถูกท่าทีแบบนั้นของเขาติดต่อ ความหวาดกลัวและกระวนกระวายภายในใจค่อยๆ หายไปไม่น้อย

แค่เห็นลู่จิ่งเซินเอาคอมมา แล้ววางไว้บนโต๊ะไม้เก่าๆ จากนั้นก็เริ่มโอนเงิน

“บัญชี? ” เขาถามด้วยเสียงนิ่งเฉย

มีเหงื่อเม็ดใหญ่ร่วงลงมาจากหน้าผากของโจวเหวินจง “ในเอกสารบนโต๊ะ”

ลู่จิ่งเซินจึงเปิดเอกสารออก แล้วคัดลอกเลขบัญชี จากนั้นป้อนข้อมูลเข้าไปแล้วเริ่มโอนเงิน

ผ่านไปสักพัก เขาก็ยื่นโน๊ตบุ๊คไปให้ แล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “เสร็จแล้ว แกลองดู”

ท่าทีของเขาดูให้ความร่วมมืออย่างมาก การแลกเปลี่ยนกันราบรื่นอย่างมาก แม้กระทั่งราบรื่นจนค่อนข้างผิดปกติ

โจวเหวินจงพาจิ่งหนิงขยับฝีเท้า แล้วหันไปมองที่คอม

จากนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“แกยื่นโน๊ตบุ๊คมาหน่อย เห็นไม่ชัดเจน! “

“เห็นไม่ชัดเจนหรอ? ” ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้ว จากนั้นก็หักจอคอมให้หันไปตรงมุมๆ นั้นด้วยความใส่ใจ “แบบนี้มองเห็นยัง? “

โจวเหวินจงพยักหน้า

ยืนของเขายังคงจ่อหัวของจิ่งหนิงอยู่ ดังนั้นก็ไม่มีอะไรน่ากังวล จึงขยับไปใกล้แล้วมองเพียงปราดเดียว

และในตอนนี้

ข้อมือของลู่จิ่งเซินขยับ ยังไม่รอให้โจวเหวินจงเห็นตัวเลขบนจอคอมอย่างชัดเจน จึงมีความรู้สึกแสบร้อนปะปนกับความเจ็บแปลบที่หลังมือ

เขาร้องเจ็บเสียงเดียว มือที่จับปืนไว้จึงเมื่อยและชาขึ้นมาทันที ปืนก็ร่วงหล่นลงมา

ภายในชั่วพริบตา ลู่จิ่งเซินก็รับปืนเอาไว้ จากนั้นก็จับแขนข้างหนึ่งของเขารวดเดียว พร้อมกับพลิกข้อมือ จึงมีเสียงกระดูกหักดังขึ้นทันที

โจวเหวินจงกรีดร้อง แขนข้างนั้นเหมือนดั่งผ้าฝ้ายผืนเน่าเสียร่วงหล่นลงมา

จิ่งหนิงถูกลู่จิ่งเซินโอบไว้ในอ้อมกอด

“ลู่จิ่งเซิน! ฉันจะฆ่าแก! “

โจวเหวินจงขาดความเป็นมนุษยชน ทั้งใบหน้าบูดเบี้ยวไปมา พูดจบก็จะไปเก็บปืนที่อยู่บนพื้น

จากนั้นมีขาข้างหนึ่งเร็วกว่าเขา มือของเขายังไม่ได้ยื่นไป ปืนกระบอกนั้นก็ถูกถีบไปไกล จากนั้นมือของเขาถูกเหยียบอยู่ใต้ขา

ลู่จิ่งเซินทำนัยน์ตาเลือดเย็น เหมือนเป็นยมบาลในนรก มุมปากกระตุกโค้งอันเลือดเย็นออกมา แล้วใช้แรงใต้เท้าเหยียบมือของเขาไว้อย่างรุนแรง

โจวเหวินจงกรีดร้องด้วยเสียงเข้มจนดังสนั่นไปทั่วฟ้าที่มืดมิด

“แกเป็นคนแรกที่กล้าข่มเหงฉัน! “

ลู๋จิ่งเซินพูดไป ใต้เท้าก็ใช้แรงมากขึ้น แทบจะได้ยินเสียงกระตุกนิ้วมือแต่ละนิ้วหัก

จิ่งหนิงตกใจจนไม่กล้าไปดู แค่หันหน้ามุดเข้าไปหลบอยู่ในอ้อมกอดของเขา

“ลู่จิ่งเซิน! แกฆ่าฉันเถอะ! แกฆ่าฉันเถอะ! “

โจวเหวินจงอดทนกับความทรมานไม่ไหวอีกต่อไป จึงได้ร้องไห้เสียงดังขึ้น

“เหอะ! ตาย? นั่นมันง่ายเกินไปสำหรับแก ต้องให้กับตายทั้งเป็นแล้วใช้ชีวิตในคุกตลอดชีวิต ถึงจะเป็นบ้านที่แกอยู่ตอนสุดท้าย! “

ลู่จิ่งเซินพูดไป ข้อเท้าก็พลิก แล้วถีบเขาออกไป

ร่างของโจวเหวินจงเหมือนกระสอบทราบเสียที่ถูกถีบไปไกล แล้วไปชนกับผนังห้องโดยสาร

ไม่นาน ก็เสียงไซเรนดังขึ้น ซูมู่วิ่งมาด้วยสีหน้าที่เคล้าด้วยความดีใจ แล้วพูด “ท่านประธานครับ ตำรวจมาแล้วครับ! “

ลู่จิ่งเซินพูดว่าอืม เหมือนกำลังกวาดสายตาจับจ้องไปยังหนูที่ตายไปแล้วหนึ่งตัวที่อยู่ตรงมุม โจวเหวินจงกำลังจับท้องไว้ ไม่มีแรงที่จะเอาคืนต่อไป จึงพูดด้วยเสียงเย็นชา “มอบหมายให้ตายแล้ว”

พูดจบ ก็ช่วยจิ่งหนิงแกะเชือก จากนั้นก็พยุงเธอเตรียมตัวจากไป

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset