บทที่ 435 มาขอโทษถึงที่
หลังจากตรวจสอบเสร็จ ก็ไม่ได้มีความร้ายแรงอะไร รอยช้ำบนร่างที่โดนชนกับที่ถูกเชือกมัด ทายาสองวันก็หายแล้ว สำหรับเรื่องรกในครรภ์ ยิ่งปลอดภัยดี
ทว่าต้องป้องกันเหตุที่คาดคิดไม่ถึง เอมี่ยังจะจ่ายยาบำรุงครรภ์ให้อยู่บ้าง ช่วงนี้ให้เธออยู่ในโรงพยาบาลถึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ห้ามไปไหนทั้งนั้น จะได้ป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ
หลังจากทำทุกอย่างจนเสร็จ ซูมู่ก็เข้าไปเชิญเอมี่ออกไปดื่มชา
เอมี่รู้ว่าสองสามีภรรยาคู่นี้ต้องมีอะไรจะคุย ดังนั้นก็ไม่ให้อยากเป็นก้างขวางคอ จึงออกไปด้านนอกด้วยความรื่นเริง
ลู่จิ่งเซินจึงพยุงจิ่งหนิงไปบนเตียง แล้วอุ้มผ้าให้เธอ พร้อมพูดด้วยเสียงเรียบ “หลายวันมานี้ต้องบำรุงครรภ์ไปดีๆ ก่อน ห้ามไปที่ไหนทั้งนั้น”
จิ่งหนิงพยักหน้า แล้วดึงมือของเขาไว้ ให้เขานั่งลง
“คุณก็พักผ่อนหน่อยเถอะ ยังมีบาดแผลของคุณ ก็ให้เอมี่จัดการทำแผลหน่อยเถอะ”
ลู่จิ่งเซินพยักหน้า
“คุณก็พักผ่อน ผมรอแปบหนึ่งค่อยให้เขาจัดการ”
จิ่งหนิงเห็นเขาตอบกลับ จึงรู้สึกสบายใจ
ลู่จิ่งเซินโค้งตัวลง แล้วประทับจูบลงหน้าผากของเธอหนึ่งที “นอนเถอะ! “
พูดจบ จึงกระชับมุมผ้าห่มให้เธอ หลังจากที่มองเธอหลับไปด้วยตา ถึงจะจากไป
วันที่สอง
ตอนที่จิ่งหนิงตื่นขึ้นมา ฟ้าข้างหน้าก็สว่างมากแล้ว เธอหรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นก็บิดขี้เกียจลุกขึ้น
ลู่จิ่งเซินหลับตั้งแต่เช้าแล้ว เธอขึ้นเตียงแล้วเดินไปข้างหน้าต่าง พอเห็นแสงอาทิตย์ด้านนอกแจ่มใสมาก สนามหญ้าด้านล่างก็ถูกคนงานกำลังสั่งให้ตัดหญ้า บรรยากาศดูสงบสุขมาก
หลังจากจิ่งหนิงล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ก็เดินไปที่ห้องรับแขก
ลู่จิ่งเซินกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกแล้วเอาโน๊ตบุ๊คออกมาดูเอกสารอะไรบางอย่าง เธอเดินไป แล้วตบไหล่ของเขาจากด้านหลัง
ลู่จิ่งเซินสัมผัสได้ถึงได้ปิดคอม จากนั้นก็หันไปมองเธอ “ตื่นแล้วหรอ! “
“อืม” จิ่งหนิงไม่ได้สังเกตเห็นถึงท่าทางของเขา จึงเปิดเสื้อของเขาแล้วมองบาดเจ็บที่ห่อไว้
“บาดแผลเป็นยังไงบ้างแล้ว? คุณนั่งแบบนี้จะกระทบไหม? “
ลู่จิ่งเซินยิ้มบางๆ
เขาดึงมือของเธอ แล้วให้เธอนั่งลงบนตักของตัวเอง แล้วพูดขึ้น “คุณเห็นสามีของคุณอ่อนแอขนาดนี้เลยหรอ? แม้แต่นั่งยังกลัวว่าจะกระทบ”
จิ่งหนิงทำหน้าแดง ทว่าคิดว่าเขาคงไม่เอาฐานะของตำแหน่งของตัวเองมาล้อเล่น จึงได้เปลี่ยนประเด็นคุย
เธอลูบท้องของตัวเอง แล้วพูด “ฉันหิวแล้ว อยากกินอาหารเช้าแล้ว”
ลู่จิ่งเซินพยักหน้า แล้วดึงเธอเดินไปที่ห้องอาหาร
ลู่จิ่งเซินพักอยู่ในห้องผู้ป่วยที่เป็นรูปแบบเพรสซิเด้นท์ ด้วยเหตุนี้จึงมีห้องอาหารและห้องครัว สิ่งที่ควรมีก็มี
อาหารเช้าตั้งแต่เช้ามีคนมาทำให้ โม่หนานก็รีบกลับมาตอนเช้าวันนี้ หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จ เธอก็เข้าไปเจอกับจิ่งหนิง
มีโม่หนานอยู่ ลู่จิ่งเซินดูสบายใจมากอย่างเห็นได้ชัด
พอดีเวลานี้หมอพาเขาไปตรวจ จิ่งหนิงจึงทำให้เขารู้สึกสบายใจกว่าเดิม ตัวเองมีอะไรจะคุยกับโม่หนานพอดี
ทั้งสองกำลังนั่งคุยกันอยู่บนโซฟา กลับนึกไม่ถึงว่าเวลานี้ซูมู่จะวิ่งมาเร็วขนาดนี้ บอกว่าคุณผู้หญิงจิ้นพาจิ้นหงมาขอโทษให้เธอถึงที่
จิ่งหนิงนิ่งงัน แล้วแปลกประหลาดใจเล็กน้อย
ทว่าไหนๆ ฝ่ายตรงข้ามก็มาแล้ว ก็ไม่สามารถไม่เจอ
ดังนั้นเธอจึงตอบตกลงแล้ว
ผ่านไปไม่นาน ก็เห็นแม่เฒ่าพาคนของตระกูลจิ้นมากมายเข้ามาจากด้านนอก ไม่เพียยงแต่จิ้นหง จิ้นชิงซาน เย่ไป๋ ซูหยุนและคนอื่นๆ
จิ่งหนิงถูกศึกสงครามครั้งนี้ทำให้สะดุ้งตกใจ
เวลานี้ ลู่จิ่งเซินยังไม่ได้กลับมา ดังนั้นเธอก็แค่สามารถรับมือตัวเอง
“คุณนาย ลุงจิ้น พวกคุณมาแล้วหรอ เชิญนั่งก่อนค่ะ”
คุณนายเข้าประตูปุ๊บ และจับมือของเธอด้วยใบหน้าที่เป็นห่วง ก่อนอื่นจะสำรวจไปหนึ่งรอบ พอเห็นบนเรือนร่างของเธอไม่มีบาดแผลที่ชัดเจน ถึงจะพูดขึ้น “หนิงหนิง! เธอไม่เป็นไรใช่ไหม? รู้ว่าเธอเกิดเรื่อง ทำให้พวกเราเป็นห่วงมาก เธอเป็นยังไงบ้างแล้ว? ไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม? “
จิ่งหนิงรู้สึกไม่เคยชินกับความเป็นมิตรของคุณนายเล็กน้อย แค่ส่ายหัวด้วยความอึดอัดใจ “หนูไม่เป็นไร ไม่ได้บาดเจ็บอะไร”
“จริงหรอ? งั้นก็ดี ไม่ได้บาดเจ็บอะไร”
พูดจบ ก็ก่นด่าด้วยเสียงเข้ม “ไอ้โจวเหวินจงสมควรตายจริงๆ ตัวเองจะตายก็ไม่รู้จักไปตายไกลๆ หน่อย ทำไมต้องดึงคนในบ้านซวยตามไปด้วย! หากมีใครเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ฉันจะทำให้ตระกูลโจวต้องเจอดีแน่! “
คำพูดเอ่ยออกมาหนึ่งชุด ก็พูดจนทำให้จิ้นหงที่อยู่ข้างๆ หน้าเขียวซีดทันไป
“อาหง แกยังยืนนิ่งอยู่ทำไม? ยังไม่รีบไปขอโทษคนอื่นอีก? “
จิ่งหนิงมองจิ้นหงที่อยู่ข้างๆ
จริงๆ เรื่องนี้ จากมุมมองของเธอแล้ว ก็คงไม่ได้เกี่ยวข้องกับจิ้นหงมากมาย
ยังไงเธอก็เป็นคุณหนูตระกูลจิ้น และก็เป็นแม่ของซูหยุน ต่อให้แต่งงานให้โจวเหวินจงก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องที่เธอคือส่วนหนึ่งของตระกูลจิ้น
เพราะว่าโจวเหวินจงใช้เงินส่วนกลางไปพันล้านแล้วทำให้เธอพลอยลำบากไปด้วย มากสุดก็แค่ถูกบริษัทเอาชื่อออก
ทว่าเธอยังมีลูกสาวคนหนึ่ง ยังคงมีความหลัง ดังนั้นไม่สามารถทำเรื่องพวกนั้นออกมาได้
ดังนั้นเธอจึงเม้มปาก แล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “คุณนายจิ้น เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับป้าจิ้นหงเลย เธอไม่ต้องมาขอโทษหนูค่ะ! “
คุณนายได้ยิน ก็ไม่ได้บีบบังคับ ไหนๆ เธอก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับจิ้นหง ดึงเธอเข้ามาก็แค่ต้องการสร้างภาพเท่านั้น
ให้เกียรติจิ่งหนิงก็คือการให้เกียรติลู่จิ่งเซิน พอให้เกียรติลู่จิ่งเซินแล้ว ก็จะสามารถทำให้ความสัมพันธ์ที่ทั้งสองตระกูลรักษามาต่อสามัคคีกัน
จิ่งหนิงพยักหน้า
ข้างๆ จิ้นหงจับจ้องดวงตาของเธอกลับดูยิ่งอยู่ยิ่งโหดเหี้ยม สุดท้ายก็ยังอดทนไม่ได้ที่จะถาม “จิ่งหนิง พวกคุณบอกว่าโจวเหวินจงถูกเพื่อนพวกเดียวกันของเขาฆ่า งั้นฉันถามเธอแบบนี้ เพื่อนที่อยู่พวกเดียวกันของเขามีหน้าตายังไง ทำไมตอนนั้นถึงอยากจะฆ่าเขา! ใช่ไหม! “
จิ่งหนิงขมวดคิ้ว
“ฉันไม่เห็นเพื่อนพวกเดียวกัน บอกว่าคนที่ใช้ปืนยิงเขา ดังนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าเขามีหน้าตายังไง สำหรับเรื่องที่ทำไม? คิดว่าเห็นว่างานพ่ายแพ้ไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่อยากให้เปิดเผยความจริง จึงฆ่าปิดปากไป! “
“แกพูดมั่ว! “
น้ำเสียงของจิ้นหงดูตื่นเต้นขึ้นมา ซูหยุนคอยดึงเธออยู่ข้างๆ ทว่าเธอกลับไม่ได้สนใจเลย แค่ชี้จมูกของจิ่งหนิงแล้วพูดด้วยเสียงเข้ม “จริงๆ พวกแกที่ฆ่าเขา! ผลรายงานชันสูตรทางนิติเวชศาสตร์ออกมาแล้ว บอกว่าก่อนที่เขาตายถูกเหยียบจนนิ้วมือหัก แล้วยังเตะเส้นเอ็นและกระดูกหักไปสองเส้น! “
“พวกแกช่างโหดเหี้ยมจริงๆ! ใช่ เขาลักพาตัวแก เป็นความผิดของเขา ทว่าแกก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่? ทำไมต้องตีเขาแล้วยังจะฆ่าเขาอีก? แกรู้ไหมว่าเขาคือผู้ชายคนเดียวของตระกูลโจว แกฆ่าเขา คนพวกนั้นของตระกูลโจว วันข้างหน้าจะทำยังไง? “
จิ้นหงทำน้ำเสียงที่เคร่งขรึมแล้วกำลังดังสนั่นไปทั่วห้องโถงใหญ่ จิ่งหนิงขมวดคิ้ว แล้วพูดด้วยเสียงเรียบ “ฉันบอกแล้ว พวกเราไม่ได้ฆ่าเขา! คนที่ฆ่าเขาคือพวกของเขา! “
ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้เขาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ก็แค่กรรมตามสนอง
เธอกับตระกูลโจวไม่รู้จัก ไม่ได้มีความสัมพันธ์กันแม้แต่นิด อนาคตของตระกูลโจวกับเธอมีความสัมพันธ์อะไรกัน?
แต่ว่าเห็นแก่หน้าของคุณนาย เธอจึงไม่ได้พูดคำพูดเหล่านี้ออกมา
จิ้นหงกลับไม่คิดแบบนี้
เธอพูดด้วยความโมโห “แกโกหก! แกนึกว่าฉันไม่รู้ว่าเล่ห์เหลี่ยมของพวกแกหรอ? “