บทที่443 ให้เขาช่วย
เสียงของฉินเสี้ยน ดังอยู่ข้างหลัง “คุณชายกำลังทำธุระอยู่ คุณนายกรุณารอสักครู่!”
หัวเหยาหันไปและยิ้มให้เขา เธอวางเค้กลงบนโต๊ะจากนั้นก็นั่งลงบนโซฟา
“ดื่มอะไรดีครับ?”
“อะไรก็ได้”
“ชาดำดีไหมครับ?”
“ได้!”
ชุดน้ำชาโบราณวางอยู่บนโต๊ะ ฉินเสี้ยนชงชาอย่างชำนาญและการเคลื่อนไหวของเขาเป็นรูปแบบการชงชาได้มาตรฐานอย่างที่สุด
เธอมองอย่างครุ่นคิด
ไม่นานกลิ่นหอมของชาก็เตะที่ปลายจมูก ฉินเสี้ยนนำถ้วยชาและส่งให้เธอ เธอจิบเล็กน้อยรสชาติแรกขมเล็กน้อย แต่กลับมีกลิ่นหอมหวานซึ่งเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นมาก
“คิดไม่ถึงว่าคุณจะมีฝีมือแบบนี้!”
ฉินเสี้ยน ยิ้มเขิน ๆ และนั่งลงตรงข้ามเธอ
“คุณชายท่านชอบครับ! ดังนั้นช่วงก่อนมีเวลาว่างเลยไปเรียน น่าอายจังครับ!”
หัวเหยาหัวเราะเล็กน้อย “มีลูกน้องที่ภักดีอย่างคุณ ถือเป็นโชคของเขา!”
ฉินเสี้ยนส่ายหน้าและมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึก
“ตระกูลจิ้นมีบุญคุณกับผมมาก คุณชายเป็นทายาทตระกูลจิ้น อย่าพูดแต่แค่ชงชาเลย ต่อให้เป็นชีวิตผม ผมก็มอบให้ได้!”
ทันใดนั้นประตูก็เปิดออกและคนที่อยู่ข้างในก็กรูกันออกมา
ฉินเสี้ยนยืนขึ้น และมองไปที่จี้หลินยวนผ่านหน้าต่างกระจกจากนั้นก็แสดงท่าทางให้เธอเล็กน้อย
หัวเหยาลุกขึ้นถือขนมเค้กและเดินเข้าไปด้านในห้องทำงาน
“ทำไมถึงมากะทันหัน?”
จี้หลินยวนยังคงนั่งอยู่หลังโต๊ะโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นและทบทวนเอกสารอย่างตั้งใจ
หัวเหยาเดินไปวางเค้กบนโต๊ะแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม: “คิดถึงคุณก็เลยมาค่ะ ฉันมาถึงตั้งแต่เช้าแล้ว เป็นห่วงว่าคุณจะยังไม่ได้กินข้าว ก็เลยซื้อขนมมาฝากด้วยนะ!”
ในที่สุดเขาก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่เธอดวงตาของเขากวาดไปที่เค้กและเขาก็สะดุดเล็กน้อย
เขาลดเปลือกตาลงทันทีและการแสดงออกของเขาก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรไปมากนัก
“บอกมา มีเรื่องอะไรจะขอให้ผมช่วย!”
หัวเหยาใจสั่น
เธอแอบสบถในใจว่า ตาบ้านี่! ฉลาดน้อยกว่านี้จะตายไหม?
อันที่จริงครึ่งปีมานี้ ถึงแม้ทั้งสองคนจะดูรักกันดีเหมือนสมัยคบกันใหม่ ๆ และคนนอกต่างชื่นชม
แต่มีเพียงหัวเหยาที่รู้ดี ผู้ชายคนนี้ ไม่สามารถปล่อยวางเรื่องก่อนหน้านี้ได้ทั้งหมด
ดังนั้นจึงมีช่องว่างบางอย่างระหว่างพวกเขาสองคน
เธอเม้มริมฝีปากลากเก้าอี้หนังข้าง ๆ อย่างโกรธ ๆ แล้วนั่งลง
จี้หลินยวนจริงจังมากเมื่อทำสิ่งต่าง ๆ เมื่อเธอไม่พูด เขาเองก็ไม่พูดเช่นกัน
ในห้องทำงานมีเพียงความเงียบ และเสียงปลายปากกาพาดผ่านกระดาษทำให้เกิดเสียงกรอบแกรบเบา ๆ
จนกระทั่งเขาจะแก้ไขกองเอกสารเสร็จเรียบร้อย
“เสร็จแล้วเหรอคะ?” เธอถาม
จี้หลินยวนพยักหน้า
“งั้นก็กินอะไรหน่อยสิคะ!”
ครั้งนี้เขากลับนิ่งไปครู่หนึ่งมองไปที่เธออย่างลึกลับราวกับว่าเขาต้องการเห็นดอกไม้บนใบหน้าของเธอ
“จู่ ๆ ก็ใจดีขึ้นมา จะต้องมีเรื่องไม่ดีแน่ ๆ”
ถึงแม้ว่าจะพูดออกไปแบบนั้น แต่เขาก็ยังบอกให้ฉินเสี้ยน ไปหยิบจานมา
เค้กมีขนาดไม่เล็ก เขาตัดเพียงชิ้นเดียวแล้วปล่อยให้ ฉินเสี้ยน นำส่วนที่เหลือออก
เมื่อเห็นชายหนุ่มที่อยู่หลังโต๊ะตัวนั้น กินเค้กด้วยท่าทางสง่างาม หัวเหยาคิด เขาคงจะยุ่งจนลืมกินข้าวบ่อย ๆ สินะ!
ตระกูลจิ้นที่ยิ่งใหญ่ อยู่ภายใต้ตัวเขาเพียงคนเดียว เขาจะเหนื่อยรึเปล่า?
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเจ็บปวดใจเล็กน้อย
ในไม่ช้าจี้หลินยวนก็กินเค้กชิ้นเล็กเสร็จ
เขาหยิบทิชชูเช็ดปากอย่างสง่างามดื่มชาร้อนที่ฉินเสี้ยนเพิ่งนำเข้ามาให้ เขาถาม: “ตอนนี้บอกมาได้แล้วรึยัง?”
หัวเหยาเหล่และยิ้มและหยิบข้อมูลบ้านเก่าตระกูลหนิงที่เธอเตรียมไว้ก่อนหน้านี้
“เนี่ย คุณดูสิ นี่คือบ้านหลังหนึ่งที่ฉันเห็นว่ากำลังจะออกประมูลเพื่อการกุศลเมื่อสองวันก่อน ฉันคิดว่าสถานที่ตั้งของบ้านหลังนี้ดีมาก ๆ ติดภูเขาและมองเห็นแม่น้ำ แม้ว่าราคาตลาดในปัจจุบันจะไม่ค่อยดีนักตามสถานการณ์ของราคาที่อยู่อาศัยที่พุ่งสูงขึ้นในเมืองหลวงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในเวลาไม่ถึงห้าปี แถมตระกูลจิ้นก็ต้องการลงทุนในประเทศมาตลอดไม่ใช่เหรอคะ? ถ้าหากสามารถประมูลมันมาได้ในงานการกุศล บางทีคุณอาจจะสร้างชื่อให้กับตระกูลจิ้นก็ได้ คุณคิดว่ายังไง?”
เธอมองไปที่เขาตาแป๋ว ดวงตาของเธอกระตือรือร้น
จี้หลินยวนพลิกเอกสารของเธอแล้วตอบกลับ: “ก็ไม่เท่าไหร่!”
หัวเหยามองนิ่ง
อยากจะตบศีรษะเขาสักที
จี้หลินยวนวางข้อมูลลงราวกับรู้ใจเธอแล้วจึงอธิบาย: “บ้านเก่าหลังนี้อยู่ในสถานที่ห่างไกลและใกล้กับฐานทัพทหาร ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางหรือการใช้ชีวิตก็ไม่สะดวก ถึงแม้ทิวทัศน์จะไม่เลว แต่ทัศนียภาพในเมืองเจียงก็มีที่สวย ๆ หลายที่ ตระกูลจิ้นเราทำธุรกิจอะไรคุณคงไม่มีทางไม่รู้ ให้ผมซื้ออาคารหลังนี้ที่อยู่หน้าค่ายทหาร คุณว่ามันเหมาะสมแล้วเหรอ?”
หัวเหยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ดูเหมือนจะไม่เหมาะสม!
แต่ใครบอกเขากันล่ะว่าจะให้เขาซื้อเพื่อตัวเขาเอง? ไม่เหมาะกับตระกูลจิ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่เหมาะกับเธอนี่!
จี้หลินยวนโค้งริมฝีปากของเขากอดอกของเขาและพิงพนักพิงของเก้าอี้ มองเธอด้วยรอยยิ้ม
“อยู่ดี ๆ ทำไมถึงอยากจะซื้อบ้าน? ไม่แน่หากเธอยอมบอกเหตุผลฉัน อาจจะเปลี่ยนความคิดหลังจากได้ฟังคำอธิบายจากเธอก็ได้”
หัวเหยายิ้มและกระตุกมุมปาก
“คุณคิดมากไปแล้ว ฉ้นก็เพียงแค่เห็นบ้านหลังนี้และคิดอยากจะแนะให้คุณลงทุนเพื่อธุรกิจ จะซื้อก็ซื้อ ไม่ซื้อก็ช่างมัน!”
พูดจบก็หยิบเอกสารขึ้นมาและม้วนเก็บใส่กระเป๋า หันหลังและตึงตังออกไป
เมื่อมองไปที่ด้านหลังของหญิงสาวที่จากไปด้วยความโกรธ จี้หลินยวนนั่งไขว่ห้างอยู่หลังโต๊ะและเหล่ตาไปครึ่งหนึ่ง
เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
สักครู่เขาก็กดโทรศัพท์
ฉินเสี้ยนเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“คุณชาย”
“ไปกับคุณนาย ดูว่าเธอพักที่ไหน แล้วจัดที่พักให้เธอด้วย เลิกงานแล้วฉันจะตามไป”
ฉินเสี้ยน ยิ้มและพูดอย่างรวดเร็ว: “ครับ ผมเข้าใจแล้ว”
จี้หลินยวนโบกมือไปมาแล้วเขาก็ออกไป
——
หัวเหยาเดินลงไปชั้นล่างอย่างหดหู่เล็กน้อยโยนกระเป๋าเข้าไปในรถและนั่งลง
อันที่จริงเธอก็ไม่ได้ตั้งความหวังไว้มากนักกับการมาหาจี้หลินยวน
แต่เมื่อครู่เพียงเอ่ยปากไม่เท่าไหร่ก็ถูกเขาปฏิเสธกลับมาอย่างแทบจะไม่ลังเล ทำให้เธอรู้ยากจะยอมรับได้อยู่ไม่น้อย!
แล้วควรจะทำยังไงดี?
อาคารหลังนี้ราคาสิบล้าน ถ้าเป็นเมื่อก่อนเงินจำนวนเท่านี้สำหรับเธอไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่สำหรับเธอในตอนนี้นั้นเป็นจำนวนไม่น้อยเลย
พรุ่งนี้จะมีงานประมูลแล้ว เวลาใกล้เข้ามาเธอจะหาเงินจำนวนมากขนาดนั้นภายในระยะเวลาสั้นๆ แค่นี้ได้ยังไง?
เธอหันไปมองเธอขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะมองไปที่โทรศัพท์ข้างที่นั่ง
หลังจากนั้นก็หยิบมันขึ้นมา หาหมายเลขโทรศัพท์ของพี่ชายหัวยู่และโทรออก
เพียงครู่เดียวก็โทรติด
“เหยาเหยา มีเรื่องอะไร?”
“เอ่อ…”
ตลอดชีวิตของเธอไม่เคยเอ่ยปากของยืมเงินใคร มันจึงเป็นการยากที่จะให้คำพูดหลุดออกจากปากไป
แต่เมื่อคิดถึงอาคารหลังนั้น ในที่สุดก็กัดฟันและพูดออกไป: “พี่ พี่สามารถเตรียมเงินสิบล้านให้ฉันก่อนวันพรุ่งนี้ได้รึเปล่า?”
หัวยู่รู้สึกประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด “เธอจะเอาเงินเยอะขนาดนั้นไปทำอะไร?”
“พี่ไม่ต้องยุ่งหรอก! ฉันมีธุระต้องใช้”
เมื่อคิดแล้วก็พูดเสริมขึ้นอีก: “ทางที่ดีขอเป็นเงินส่วนตัว ไม่ต้องให้พ่อรู้เรื่องนะ”