บทที่ 454 อย่ารังแกเธอ
หลังจากวางสาย จิ่งหนิงก็โทรหาคุณท่านกวน
แน่นอนว่าคุณท่านกวนก็เป็นห่วงมากเหมือนกัน หลังจากได้รับสายจากเธอ และทราบว่าเธอปลอดภัย จึงจะวางใจเล็กน้อย
จิ่งหนิงซักถามถึงอาการของเขาอย่างเป็นห่วง
ตอนนี้คุณท่านรู้สึกปลงมาก เพราะเรื่องเดียวที่รู้สึกเสียดายที่สุดในชีวิตได้สมปรารถนาแล้ว ดังนั้นเลยไม่มีอะไรติดค้างคาใจ
อีกอย่างจิ่งหนิงก็แต่งงานกับตระกูลลู่ด้วย ซึ่งลู่จิ่งเซินก็รักและเอ็นดูเธอมาก ด้วยเหตุนี้ถึงแม้สุขภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง แต่สภาพจิตใจร่าเริงกว่าเมื่อก่อนมาก
เมื่อจิ่งหนิงได้ยินเสียงหัวเราะอย่างเบิกบานในสายของเขาก็อดใจยิ้มมุมปากไม่ได้ขึ้น
“คุณตาค่ะ เช่นนั้นคุณต้องดูแลสุขภาพให้ดี และรอฉันกลับไปเยี่ยมคุณนะคะ”
“อืม ได้เลย เธอเองก็เหมือนกัน ดูแลตัวเองดีๆ หากเด็กตระกูลลู่คนนั้นรังแกเธอ เธอบอกกับตามมาได้เลย เดียวตาจะช่วยต่อยเขาให้กับเธอ”
จิ่งหนิงหัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมพยักหน้า “ค่ะ ฉันจะจำไว้ค่ะ”
เพิ่งวางสาย และหันหน้าก็เห็นซูมู่กับลู่จิ่งเซินเดินเข้ามา
บางทีอาจเป็นเพราะได้ยินเสียงหัวเราะของเธอ เขาจึงซักถามว่า : “มีเรื่องอะไรหรอ ทำไมดูมีความสุขขนาดนี้?”
จิ่งหนิงเม้มริมฝีปากเล็กน้อย และพูดว่า : “เมื่อกี้โทรคุยกับคุณตา เขาบอกว่าหากคุณรังแกฉัน เขาจะช่วยต่อยคุณให้กับฉัน”
ลู่จิ่งเซินนิ่งอึ้ง
จากนั้นซูมู่ก็รีบฉวยโอกาสนี้รีบพูดหยอกเล่นขึ้นว่า : “ผู้อำนวยการจะรังแกคุณได้ยังไง? เขารักและเอ็นดูคุณขนาดนั้น รับแกอะไรกันละ”
ลู่จิ่งเซินพูดด้วยน้ำเสียงเข้มเล็กน้อยว่า “ซูมู่”
ซูมู่ตัวแข็งทื่อทันที และรีบหุบปากไม่กล้าพูดหยอกเล่นจิ่งหนิงอีก
เมื่อจิ่งหนิงเห็นแบบนี้ก็หัวเราะเบาๆ “คุณสืบเป็นยังไงบ้างคะ? ไม่มีปัญหาใช่ไหม?”
ลู่จิ่งเซินพูดขึ้นว่า : “ไม่มีครับ ดีขึ้นมากแล้ว”
บาดแผลของเขาอยู่ตรงหน้าอก ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญ ในตอนนี้บาดแผลล่ามไปถึงอวัยวะภายในแล้ว ด้วยเหตุนี้ตอนนี้นอกจากเปลี่ยนยาทุกวัน ยังต้องไปนัดตรวจอาการภายในร่างกายด้วย
จิ่งหนิงได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าเล็กน้อย เมื่อเห็นเวลาก็สั่งให้ซูมู่จัดเตรียมอาหารเย็น
หลังจากกินข้าวเสร็จ ทั้งสองคนก็หลับพักผ่อน ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาบ่ายสามโมงแล้ว
จิ่งหนิงนึกถึงคำสั่งที่ฝากให้กับจางฉวนก่อนหน้านี้ขึ้น ไม่รู้ว่าทางนั้นดำเนินการไปถึงไหนแล้ว
นึกถึงเขาอยู่ จู่ๆเขาก็โทรมาหาอย่างน่าบังเอิญ
พรุ่งนี้ตอนบ่ายเตาปาจะมาถึงยุทธเสือมังกร ถ้าหากคุณต้องการพบเขา สามารถไปเวลานั้นได้เลย
จิ่งหนิงตอบรับทราบ หลังจากวางสายก็นำข่าวคราวนี้บอกกับลู่จิ่งเซิน
ลู่จิ่งเซินนิ่งเงียบสักพัก และพูดว่า : “เดียวพรุ่งนี้ผมไปกับคุณ”
จิ่งหนิงขมวดคิ้ว
“แค่บาดแผลของคุณ…..”
“ไม่เป็นปัญหา เพราะพวกเราไปเจรจา ไม่ได้ไปทะเลาะวิวาท”
จิ่งหนิงครุ่นคิดก็เป็นความจริง
ตอนนี้ลู่จิ่งเซินสามารถเดินได้แล้ว ขนาดงานวันเกิดของตระกูลจิ้นยังเข้าร่วมได้เลย แค่ไปยุทธเสือมังกรคงไม่เป็นปัญหา
เป็นอย่างที่เขาพูดไว้ พวกเขาแค่ไปเจรจาอย่างสันติ ไม่ได้ไปทะเลาะวิวาท
ดังนั้นเรื่องนี้จึงกำหนดแบบนี้
ตอนบ่าย จิ่งหนิงว่างไม่มีธุระ เลยพาลู่จิ่งเซินเดินเล่นข้างล่าง
ถึงแม้ตอนนี้อาการป่วยของลู่จิ่งเซินดีขึ้นมากแล้ว แต่เพราะไม่ใช่เป็นบาดแผลขนาดเล็ก คุณหมอจึงแนะนำให้เขาขยับตัวอย่างพอเหมาะ ไม่สามารถขยับตัวมากจนเกินไป
ด้วยเหตุนี้เขาจึงนั่งบนเก้าอี้รถเข็นออกไป โดยมีซูมู่ผลักอยู่ข้างหลังเขา
โม่หนานก็ไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นทั้งสี่คนเดินเล่นสนามหญ้าข้างล่างหนึ่งรอบ
จิ่งหนิงนึกถึงตัวเองตอนอยู่ประเทศFเมื่อก่อน สำนักงานใหญ่ของกลุ่มมังกรอยู่ห่างจากที่นี้ไม่ไกล เลยอดใจรู้สึกคิดถึงไม่ได้
เธอพูดเสนอขึ้นว่า : “ลู่จิ่งเซิน งั้นพวกเราออกไปขับรถเล่นกันหน่อยไหม?”
ลู่จิ่งเซินยักคิ้วให้กับเธอ ยิ้มและพูดว่า “แล้วจะไปไหนกันหรอ?”
“แถวนี้มีสถานที่หนึ่งที่ฉันคุ้นเคย พวกเราไปที่นั่นกันเถอะ”
เมื่อเห็นสายตาความต้องการของเธอ และก่อนหน้านี้ที่เขาได้รับบาดเจ็บ จนเธอต้องอยู่แต่ในโรงพยาบาลเป็นเพื่อนเขา
ดังนั้นลู่จิ่งเซินจึงพยักหน้าตอบรับเธอ
เมื่อจิ่งหนิงเห็นแบบนี้ก็ดีใจมาก และชวนโม่หนานกับซูมู่ออกไปด้วยกันกับพวกเขา
สถานที่ที่อยู่ห่างจากโรงพยาบาลไม่ไกลเป็นสนามขับรถเก่าแห่งหนึ่ง
พื้นที่สนามมีขนาดกว้างใหญ่มาก ข้างหลังมีพื้นที่โล่งกว้างด้วย และยังมีภูเขาที่ถูกคนใช้เปิดขับรถด้วย ถึงแม้เป็นพื้นที่เปล่าเปลี่ยว แต่ไม่มีคน
เธอยังจำได้ว่าตอนที่ตัวเองอยู่กับคนของกลุ่มนักซิงรถ ในตอนนั้นคนเยอะมาก คิดไม่ถึงผ่านไปเพียงไม่กี่ปีจะมีความเปลี่ยนแปลงเยอะมากขนาดนี้
นับตั้งแต่กลุ่มมังกรแตกแยก กลุ่มนักซิงรถก็ค่อยๆห่างหาย ในตอนนี้ไม่เหลือใครเลย ล้วนเป็นพื้นที่ว่างเปล่า
จิ่งหนิงพาลู่จิ่งเซินเดินบนถนนที่คุ้นเคย ขณะเดียวกันก็หรี่ตามองถนนบนภูเขา
“จิ่งเซิน คุณลองเดาสิว่าที่นี้คือที่ไหน?”
ลู่จิ่งเซินมองดูอุปกรณ์ก่อสร้างที่มีสีเทาเบื้องหน้า และมองดูลานวิ่งข้างหลัง จากนั้นก็พูดว่า : “สำนักงานใหญ่กลุ่มมังกร”
จิ่งหนิงทำท่ามือถูกต้อง
“ถูกต้องนะครับ”
ฐานะเมื่อก่อนของเธอ ลู่จิ่งเซินรู้แล้ว และในตอนนี้โม่หนานก็เป็นคนสนิทของเธอแล้วด้วย ดังนั้นเลยไม่ได้ปกปิด
ส่วนซูมู่เป็นผู้ช่วยคนสนิทของลู่จิ่งเซิน ด้วยเหตุนี้จึงทราบฐานะของเธอ
ดังนั้นเมื่อทุกคนได้ยินเธอพูดแบบนี้ต่างไม่รู้สึกแปลกใจเลย
จิ่งหนิงพาพวกเขาเข้าไปข้างใน เมื่อเดินเข้าไป ข้างในเป็นสนามขนาดใหญ่ เบื้องหน้ามีบ้านเก่าเรียงรายอยู่
อุปกรณ์ก่อสร้างอันเย็นเฉียบตั้งอยู่บนพื้น ซึ่งดูแล้วให้ความรู้สึกกดดันอย่างเย็นเฉียบ
จิ่งหนิงถอนหายใจเล็กน้อย : “ตอนที่ฉันมาอยู่ประเทศFไม่นาน ฉันโดดเดี่ยวไร้ญาติมิตร และมาเกิดอุบัติครั้งใหญ่จนสูญเสียความทรงจำอีก
ถ้าหากไม่ใช่เพราะกลุ่มมังกรรับฉันไว้ ฉันเกรงว่าตอนนั้นฉันคงอับจนหนทางแน่ และคงไม่มีวันมีวันนี้ได้”
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เธอก็เผยสายตาโศกเศร้าเล็กน้อยขึ้น
ลู่จิ่งเซินจ้องมองเธอ แล้วยื่นมือกุมมือเธออย่างเงียบๆ
“ตอนนี้คุณมีผม”
จิ่งหนิงดึงสติกลับมา
เธอหันหน้ามองเขา แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องกระทบบนตัวของผู้ชาย ซึ่งดูแล้วรู้สึกอบอุ่นใจอย่างแปลกประหลาด
เธอยิ้มแย้ม และพยักหน้าอย่างแรง
“อืม ใช่ ฉันยังมีคุณอยู่”
ไม่กี่คนเดินเข้าไปข้างในต่อ ถึงแม้โม่หนานกับซูมู่พอทราบถึงประวัติความเป็นมาของเธอ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มาที่นี่ จึงรู้สึกแปลกใหม่เล็กน้อย
ถึงแม้คนของกลุ่มมังกรย้ายไปหมดแล้ว แต่ที่นี่เคยปรับปรุงการก่อสร้างมาก่อน ดังนั้นจึงมีสิ่งของหลายอย่างที่ไม่ได้ย้าย
จิ่งหนิงแนะนำ––พื้นที่ต้อนรับแขก พื้นที่พักผ่อน พื้นที่ฝึกซ้อม และพื้นที่บันเทิงเป็นต้น……
กลุ่มมังกรมีขนาดใหญ่ แผนกรถซิงเป็นแค่ธุรกิจบังหน้า ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าร่วม
ด้วยเหตุนี้ ตอนที่กลุ่มมังกรเริ่มแตกแยก แผนกรถซิ่งจึงสามารถปลีกตัวออกมาจากการควบคุมอย่างง่ายดาย
ซูมู่มองดูร่องรอยฝึกซ้อมของเมื่อก่อนข้างใน และพูดขึ้นว่า : “ได้ยินมาว่าถึงแม้คุณชายสามของตระกูลกู้เป็นลูกนอกสมรส แต่เป็นคนมีความสามารถ เขามีการพัฒนาในต่างประเทศเป็นอย่างดี แต่คิดไม่ถึงว่าทำเรื่องแบบนี้ ดูคนที่ภายนอกไม่ได้เลยจริงๆ”
จิ่งหนิงยิ้มจางๆ
“คนอย่างเขานี่แหละสามารถดูจากภายนอกได้เลย หน้าตาที่เต็มไปด้วยความป่าเถื่อนแบบนั้น ใครต่างก็มองออกจริงไหม?”