วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 460 ถูกข่มขู่

บทที่ 460 ถูกข่มขู่

ตอนที่จี้หลินหยวนกลับประเทศบอกกับพวกเขาแค่ว่าต้องไปจัดการธุระ แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัว

ด้วยเหตุนี้เขาจึงตอบว่า : “ผมจัดการธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่พอดีธุระทางนี้ยังจัดการไม่เสร็จ เลยต้องกลับมา”

เขาหยุดนิ่งสักพัก และหันหน้ามองลู่จิ่งเซิน

“เป็นยังไงบ้าง ได้ข่าวจากทางนั้นหรือยัง?”

ลู่จิ่งเซินเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง และพูดว่า : “วันนี้ตอนบ่ายสาม”

จี้หลินหยวนขมวดคิ้ว “วันนี้ตอนบ่ายสามหรอ?”

เขาครุ่นคิดสักพัก และพูดว่า : “ถึงเวลาเดียวผมไปเป็นเพื่อนพวกคุณ”

เมื่อจิ่งหนิงได้ยินแบบนี้ก็คิดอยากปฏิเสธ ถึงแม้หัวเหยาบอกล่วงหน้าแล้ว แต่เธอก็ไม่ค่อยอยากรบกวนจี้หลินหยวน

แต่ยังไม่ทันพูดปฏิเสธ ก็ได้ยินลู่จิ่งเซินพยักหน้าตอบรับ “โอเค”

เธอหันหน้ามองลู่จิ่งเซิน ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามรับปากแล้ว ดังนั้นจึงทำได้เพียงเก็บคำพูดปฏิเสธกลับคืน

เพราะนัดเดินทางไปตอนบ่ายสาม ด้วยเหตุนี้จี้หลินหยวนจึงไม่ได้อยู่ที่นี้นาน

หลังจากนัดเขากลับมาค่อยเดินทางเสร็จก็รีบไปทำธุระทันที

หลังจากจี้หลินหยวนจากไป จิ่งหนิงก็ซักถามด้วยความสงสัยว่า : “ทำไมต้องให้เขาไปเป็นเพื่อนพวกเราด้วย?”

ลู่จิ่งเซินจับมือของเธอไว้ และพูดว่า : “ที่นี่เป็นอาณาเขตของตระกูลจิ้น จี้หลินหยวนเป็นผู้สืบทอดในอนาคตของตระกูลจิ้น ดังนั้นในอีกไม่ช้าทุกอย่างต้องตกเป็นของเขา

พื้นที่ยุทธเสือมังกรนั้น ถึงแม้พวกเราไปไม่มีปัญหา แต่คุณตั้งท้องอยู่ ดังนั้นหากเกิดอะไรขึ้นสามารถหลีกเลี่ยงได้

จิ่งหนิงครุ่นคิดสักพัก เมื่อรู้ว่าเขาคำนึงถึงตัวเองเป็นหลัก เธอจึงไม่พูดอะไร แต่ยอมรับโดยดี

เวลาบ่ายสามโมง จี้หลินหยวนมาตามนัดหมาย ทั้งห้าคนเดินทางไปด้วยกัน

เมื่อมาถึงยุทธเสือมังกร เพราะได้รับการช่วยเหลือจากจางฉวน พวกเขาจึงสามารถพบกับใบหน้าแผลเป็นที่เป็นที่เลื่องลืออย่างรวดเร็ว

บางทีอาจเป็นเพราะจางฉวนบอกกับเขาว่าจิ่งหนิงอยากพบ ด้วยเหตุนี้เมื่อฝ่ายตรงข้ามเห็นพวกเขาก็ไม่มีท่าทางแปลกใจ แต่นั่งบนเก้าอี้จ้องมองพวกเขาอย่างนิ่งเฉย

“อ่า แขกที่ไม่ค่อยเจอนี่เอง ไม่เพียงแค่คุณชายใหญ่ของตระกูลจิ้นเท่านั้นที่มา แม้แต่ผู้อำนวยการลู่ก็มาด้วย วันนี้ยุทธเสือมังกรสามารถต้อนรับแขกผู้มีเกียรติมากขนาดนี้นับว่าเป็นเกียรติอย่างมาก”

เห็นได้ชัดเจน ก่อนที่พวกเขาจะมา เตาปาสืบเบื้องหลังฐานะของพวกเขาล่วงหน้าแล้ว

ที่นี้เป็นประเทศF ฝ่ายตรงข้ามเป็นคนของตระกูลจื่อจินด้วย ด้วยเหตุนี้เมื่อเห็นการกระทำแบบนี้ พวกเขาจึงไม่รู้สึกแปลกใจเลย

ทั้งห้าคนเดินมานั่งบนโซฟา จี้หลินหยวนเป็นคนตรงไปตรงมา จึงไม่พูดจาไร้สาระกับเขา

เลยซักถามขึ้นว่า : “ในเมื่อคุณรู้จักพวกเราก็คงรู้ว่าธุระที่พวกเรามาจัดการไม่ใช่คุณที่จะสามารถจัดการได้ เรียกคนที่อยู่เบื้องหลังของพวกคุณออกมาพบกับพวกเรา”

เตาปาหรี่ตาเล็กน้อย คล้ายกับกำลังยิ้มแย้ม

“คุณทำให้ผมลำบากใจนะครับ การพนันครั้งนี้ผมเป็นคนเปิด ไม่มีคนที่คอยหนุนหลังหรอก หากคุณชายจิ้นต้องการหาคนหนุนหลัง เกรงว่าคงมาผิดที่แล้วละครับ?”

“นายช่วยพูดไร้สาระกับฉันน้อยลงหน่อย!”

เมื่อเห็นจี้หลินหยวนอารมณ์ขึ้น ลู่จิ่งเซินก็ห้ามปรามทันที

บนใบหน้าของเขาไม่มีอารมณ์ซับซ้อนเลย เพียงแต่จ้องมองเตาปาอย่างนิ่งเงียบ

“พวกเราต้องการพบกับคนของตระกูลจื่อจิน”

เตาปาเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่”

“อ่า ดูเหมือนว่าคุณคงต้องการให้พวกเราลงมือจึงจะเข้าใจใช่ไหม?”

น้ำเสียงของจี้หลินหยวนเย็นชามาก ถึงแม้เตาปาคุ้นชินแล้ว แต่เมื่อถูกยั่วโมโหแบบนี้สองสามครั้งเขาก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน

ดังนั้นเขาก็อารมณ์ขึ้นเหมือนกัน เลยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “ถึงแม้ในประเทศFตระกูลจิ้นมีอิทธิพลกว้างขวาง แต่ก็ไม่ได้ใหญ่คับฟ้า คุณชายจิ้นต้องการลงมือพวกผม เกรงว่าคงไม่ง่ายดายขนาดนั้นหรอกมั้ง?”

สิ้นสุดน้ำเสียง ก็มีร่างเงาคนหนึ่งเดินผ่านเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว วินาทีต่อมามือทั้งสองข้างถูกคนจับมัดไว้ข้างหลัง จนได้ยินเสียง”แครก”ดังขึ้น

โม่หนานเผยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น

“ตอนนี้ยังคิดว่าไม่ง่ายดายอีกไหม?”

เตาปาคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะพูดจริงทำจริง ดังนั้นเลยเปลี่ยนสีหน้าทันที

เขาทั้งรู้สึกโมโห และหวาดกลัว

“พวกแกต้องการทำอะไร? ฉันขอเตือนพวกนายว่าที่นี้เป็นยุทธเสือมังกร ต่อให้ตอนนี้พวกนายทำร้ายฉันก็ไม่สามารถออกไปจากที่นี้ได้หรอก”

ลู่จิ่งเซินกวาดตามองเขาด้วยสายตาเย็นชา

บนใบหน้าของเขาไม่แสดงอารมณ์เลย แต่เตาปากลับสัมผัสถึงความเย็นชาและแหลมคมจากสายตาของเขา

“ในเมื่อวันนี้พวกเรากล้ามา แน่นอนว่ามีแผนรับมือ ดังนั้นไม่ต้องสงสัยความกล้าของพวกเราหรอก เพียงแต่เพื่อชีวิตของแก ตระกูลจื่อจินจะยอมเป็นศัตรูกับสองตระกูลจิ้น ลู่หรือเปล่า นี่เป็นสิ่งที่แกควรไตร่ตรองมากกว่า”

ชั่วพริบตาใบหน้าของเตาปาก็ขาวซีดลง

เขามองออกว่า ถ้าหากเขาดื้อรั้น ลู่จิ่งเซินคงเล่นงานเขายับเหยินแน่

เขานิ่งเงียบสักพัก แล้วหันหน้ามองทุกคนที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นก็พูดขึ้นว่า : “พวกคุณต้องการตามหาเขาทำไมหรอ?”

จิ่งหนิงแค่นเสียงหัวเราะเย็นชาขึ้น “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย แค่แกบอกพวกเราว่าเขาอยู่ไหนก็เพียงพอแล้ว”

เตาปาขมวดคิ้วขึ้น

ไม่นานก็กัดฟัน และพูดว่า : “ฉันไม่รู้”

“อ๊าก!”

โม่หนานยิ้มอย่างเย็นชาขึ้น พร้อมออกแรงบิดข้อมือของเขาอย่างแรง

เตาปาเผยสีหน้าขาวซีดขึ้นมาทันที เขาเจ็บปวดจนเหงื่อไหลออกมา

“ฉันไม่รู้จริงๆ คนอย่างพวกฉัน ถึงแม้ดูเหมือนมีอิทธิพล แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นแค่ลูกสมุนช่วยพวกเขาจัดการธุระเท่านั้น แทบไม่สามารถสอบถามเบาะแสของพวกเขาได้เลย ถ้าหากพวกนายยังไม่เชื่อ สามารถส่งคนมาเฝ้าที่นี่ก็ได้ ส่วนพวกนายจะพบพวกเขาไหม ฉันไม่สามารถบอกได้หรอก”

เมื่อทุกคนได้ยินแบบนี้ก็รู้ว่าครั้งนี้เขาพูดความจริง ดังนั้นเลยไม่ทำให้เขาลำบาก

“โอเค พวกเราจะยอมเชื่อนายสักครั้งก็ได้ หวังว่านายไม่ได้หลอกพวกเราหรอกนะ”

ขณะที่พูด ทุกคนก็ลุกขึ้นยืน

“วันนี้พวกเราไปก่อน แต่ยังมีอีกเรื่องที่อยากรบกวนนายสักหน่อย ถ้าหากคนของตระกูลจื่อจินมา นายช่วยบอกเขาหน่อยว่าคนเก่าของกวนจี้หวั่นมาหาเขา เขาจะเข้าใจเอง”

เตาปาขมวดคิ้ว เหมือนกับไม่ค่อยเข้าใจ

ส่วนจี้หลินหยวนที่ยืนอยู่ด้านข้างกลับมีสายตาเป็นประกาย

เตาปาเผยสีหน้าสงสัยว่า : “กวนจี้หวั่นคือใครหรอ?”

จิ่งหนิงเผยสีหน้าปกติ

“นายไม่ต้องรู้หรอก แค่บอกพวกเขาตามนี้ก็พอ”

หลังจากสั่งเสียเสร็จก็ไม่พูดอะไรมากอีก แต่หันหลังเดินจากไป

เตาปาเองก็ไม่ได้ห้ามปรามพวกเขา หลังจากเห็นพวกเขาจากไปก็โล่งใจอย่างเงียบๆ

ส่วนด้านนี้ จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซิน และคนอื่นๆเพิ่งออกมาจากยุทธเสือมังกรก็เห็นรถยนต์ยี่ห้อมายบัคสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ไม่ไกล

เพิ่งเปิดประตูรถยนต์ก็มีบอดี้การ์ดสี่คนเดินลงมา จากนั้นผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็เดินลงจากรถ โดยมีบอดี้การ์ดคอยคุ้มกัน

เมื่อทุกคนเห็นเขาต่างก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย

จูเก่อหลิวเฟิง?

จูเก่อหลิวเฟิงเองก็เห็นพวกเขาเหมือนกัน จากนั้นเขาก็เดินเข้ามาพร้อมกับอมยิ้ม

“ไม่เจอกันสักพักใหญ่ คิดไม่ถึงว่าจะสามารถพบกันต่างประเทศ นับว่ามีวาสนาต่อกัน วันนี้พวกคุณอย่าเพิ่งรีบไปหรอกครับ ในเมื่อมาแล้ว มานั่งคุยสักหน่อยดีไหมครับ?”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset