บทที่ 461 เพียงแค่เข้าใจผิด
เมื่อกล่าวประโยคนี้ออกไป ทุกคนก็ทำท่าทางตกตะลึงและอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน
เนื่องจากการที่ลู่จิ่งเซินและจูเก่อหลิวเฟิงรู้จักกันมาตั้งแต่แรก หรืออาจพูดได้ว่าเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน
การที่พวกเขาเดินทางมาประเทศFในครั้งนี้ เดิมทีสามารถขอความช่วยเหลือจากพวกเขาได้ เพียงแต่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตา K ความสัมพันธ์ค่อนข้างจะซับซ้อน และเรื่องของผลประโยชน์ค่อนข้างวุ่นวาย
ดังนั้นการที่ไม่ได้แจ้งให้ทราบ ประการแรกกลัวว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะรู้สึกอึดอัดใจ ประการที่สองก็กลัวว่าเรื่องนี้ จะเกี่ยวข้องกับตระกูลจื่อจิน หากบอกกับจูเก่อหลิวเฟิงล่วงหน้า ไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยอะไร อาจจะทำให้พวกเขาแตกตื่นได้ ถึงไม่ได้บอกกับเขาล่วงหน้า
แต่ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามพูดแบบนี้ ทำให้ลู่จิ่งเซินปฏิเสธไม่ได้
ดังนั้นจึงทำได้แต่ปฏิเสธอย่างอ้อมค้อมว่า “ขอโทษทีนะครับ พวกเรายังมีเรื่องต้องจัดการ แค่บังเอิญผ่านมาเฉยๆ เราไม่รบกวนแล้วครับ”
จูเก่อหลิวเฟิงหัวเราะหึๆ
“เรื่องของพวกคุณนั้นผมรับรู้แล้ว คนคนนั้นพวกคุณไม่จำเป็นต้องไปเสียเวลาหาหรอก ผมก็คือคนที่อยู่เบื้องหลังที่พวกคุณพูดถึง ผมเป็นเจ้าของยุทธเสือมังกรตัวจริงเสียงจริง”
ทุกคนล้วนตกตะลึง
หลังจากนั้นประมาณสิบนาที พวกเขาทุกคนก็เดินทางกลับมายังห้องที่จากออกไปเมื่อสักครู่แล้วนั่งลงใหม่อีกครั้ง
ในครั้งนี้ เตาปาเห็นพวกเขานอกเหนือจากความประหลาดใจแล้วเขายังระมัดระวังอย่างยิ่งขึ้น
“คุณท่าน……” เขาพูดกับจูเก่อหลิวเฟิงด้วยน้ำเสียงต่ำทุ้ม แต่ดูเหมือนจูเก่อหลิวเฟิงจะไม่อยากพูดอะไร เขาเพียงแค่โบกมือแล้วให้ออกจากห้องนั้นไป
เขาหันหลังมาแล้วมองดูคนที่อยู่ตรงหน้านี้
ใบหน้าที่ดูสง่างามนั้น ปรากฏรอยยิ้มที่อ่อนโยนขึ้น
“ความตั้งใจในการเดินทางมาของพวกคุณในครั้งนี้ผมพอจะเข้าใจได้ แต่ผมขอบอกตามความจริงว่า ตัวผมเองเคยคิดว่าจะจัดการเขา แต่ท้ายที่สุดแล้วคนคนนั้นไม่ได้ถูกพวกเราฆ่า”
จิ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น
“ไม่ใช่พวกคุณ?”
“ครับ”
เขาเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักข้างๆออกมาแล้วหยิบเอกสารฉบับหนึ่งวางไว้ไว้ด้านหน้าพวกเขา
“คุณดูเอกสารนี้ นี่จึงจะเป็นรูปภาพดอกชงโคของจริง และฉบับนี้ ก็คือฉบับที่เพื่อนของพวกคุณมี แม้ว่าภาพสองภาพนี้จะคล้ายคลึงกันมาก แต่กลีบดอกไม้มีทิศทางที่ตรงกันข้าม”
เมื่อทุกคนตั้งใจดูและพบว่าเป็นจริงดังนั้น
ลวดลายด้านในนั้นคล้ายกันก็จริงแต่เมื่อพิจารณามองอย่างละเอียดก็จะพบว่า มีกลีบดอกไม้กลีบหนึ่งหันไปทางซ้ายและอีกกลีบหนึ่งหันไปทางขวา
จิ่งหนิงขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นกว่าเดิม
“เมื่อสักครู่คุณบอกว่า คุณเคยคิดจะลงมือจัดการเขา ฉันขอถามหน่อยได้ไหมคะว่าเพราะอะไร?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ จูเก่อหลิวเฟิงก็ลังเลอยู่ชั่วครู่
เนื่องจากว่าเรื่องแบบนี้ควรจะเป็นความลับภายในองค์กร จะพูดออกมาให้คนภายนอกรู้ง่ายๆไม่ได้
เพียงแต่เมื่อเขามองดูจิ่งหนิงก็ได้ทำท่าทางลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงพูดออกมาว่า “สาเหตุมาจากกรณี การยิงกันตายครั้งหนึ่ง ในตอนนั้นมีสมาชิกคนสำคัญมากของพวกเราถูกลอบฆ่า หลักฐานทุกอย่างเชื่อมโยงไปยังเพื่อนของคุณคนนั้น
หลังจากการตรวจสอบพวกเราพบว่า มีเพียงเขาคนเดียวที่ได้ทำการทะเลาะเบาะแว้งกันอย่างดุเดือด ในระหว่างแข่งรถก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน อีกอย่างยังมีผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้แค้น และเพื่อให้คนอื่นๆวางใจ ผมจึงตั้งใจจะฆ่าเขา
แต่ว่าหลังจากนั้นเมื่อทำการตรวจสอบอีกที กลับพบว่านี่เป็นเพียงความเข้าใจผิดกัน ขณะที่ผม กำลังจะออกคำสั่งให้พวกเขายกเลิกภารกิจในครั้งนี้ พวกเราก็พบว่าตาK เพื่อนของคุณคนนั้นเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุแล้ว
พูดตามความจริงแล้ว เรื่องนี้ไม่ว่าจะมองจากมุมมองไหนมันก็ช่างบังเอิญเกินไป ผมสงสัยว่าฝ่ายตรงข้ามจะมี สายลับ และรู้ว่าพวกเราต้องการจะจัดการเขา จึงได้จัดฉากนี้ขึ้นมาและโยนความผิดให้กับพวกเรา”
น้ำเสียงและท่าทีของเขาจริงจังมาก เพียงพอที่จะทำให้จิ่งหนิงมองไม่ออกถึงความโกหกใดๆ
เธอทำได้เพียงหันหลังไปมองลู่จิ่งเซิน
ลู่จิ่งเซินพูดออกมาเบาๆ “ในเมื่อพวกคุณสามารถตรวจสอบเรื่องนี้ออกมาได้ คิดดูแล้วคุณก็คงจะรู้ว่าเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้คนของคุณเคยคิดจะจัดการผม……”
เขายังไม่ทันพูดจบ จูเก่อหลิวเฟิงก็พูดขัดจังหวะขึ้น
“เรื่องนี้ผมรู้ครับ และผมต้องขออภัยคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย เรื่องนี้นั้นที่จริงแล้วเป็นเพียงความเข้าใจผิด”
สีหน้าของจิ่งหนิงเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นในทันที
“เข้าใจผิดเหรอคะ? การที่พวกเขาเจตนาฆ่าแบบนั้น ? ตอนนี้คุณกลับบอกว่าเป็นความเข้าใจผิดกัน ไร้ความรับผิดชอบเกินไปหรือเปล่า!”
จูเก่อหลิวเฟิงมองดูเธอที่กำลังโมโห เขาก็ไม่ได้รีบร้อนรอจนกระทั่งเธอพูดจบจึงอธิบายว่า “มันเป็นความเข้าใจผิดกันจริงๆครับ หากผมรู้ว่าคนในคืนนั้นคือพวกคุณ ผมคงไม่ออกคำสั่งให้พวกเขาทำแบบนั้น”
จิ่งหนิงตกตะลึงและขมวดคิ้วเข้าหากัน “คืนนั้นเหรอคะ?”
“ใช่ครับ” จูเก่อหลิวเฟิงพยักหน้า “ตอนแรกผมไม่รู้ว่าพวกคุณเดินทางมาประเทศ F เนื่องจากว่าคุณตั้งใจจะปิดบังตัวตน และผมเองก็ไม่ได้สนใจ เพียงแค่ในคืนนั้นผมได้ยินรายงานจากลูกน้องว่า มีกลุ่มอิทธิพลปริศนาเดินทางมาที่นี่
อีกทั้งกำลังสืบเรื่องของตระกูลจื่อจิน
ผมกังวลว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นคนเหล่านั้น จึงได้สั่งลูกน้องลงไปให้ตรวจสอบ หากไม่ได้ตรวจสอบก็ยังพอ แต่หากว่าได้ทำการตรวจสอบแล้วก็จะต้องลงมือเป็นดีที่สุด ประการแรกเพื่อตัดความคิดของฝ่ายตรงข้ามไป ประการที่สอง ถือได้ว่าเป็นการเคาะภูเขาเขย่าเสือ
คิดไม่ถึงว่าท้ายที่สุดแล้วจะคือพวกคุณ ที่จริงหลังจากที่เรื่องเกิดขึ้นผมเองก็เสียใจที่ได้กระทำลงไปแบบนั้น แต่เนื่องจากคำสั่งนี้ผมเป็นคนสั่งออกไปเองไม่ว่าจะด้วยเหตุผลประการใดก็ตามดังนั้นผมจึงไม่อาจปัดความรับผิดชอบได้
เรื่องนี้หากคุณจะโกรธก็โกรธผม ส่วนตัวผมเองจะไม่โกรธแค้นใดๆ คุณต้องการตัดสินอย่างไรผมก็ไม่มีข้อคิดเห็น ที่จะคัดค้าน”
จิ่งหนิงคิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
แม้ว่าจูเก่อหลิวเฟิงจะอธิบายชี้แจงอย่างชัดเจน แต่การที่ลู่จิ่งเซินถูกทำร้ายเป็นเรื่องจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ จึงทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจมาก
ทันใดนั้นเองเตาปาก็เดินเข้ามาจากด้านนอก
เขามองดูจิ่งหนิงแล้วพูดด้วยสีหน้านิ่งเรียบว่า “คำสั่งนี้ผมเป็นคนสั่งเอง หัวหน้าเพียงแค่กำชับผมเท่านั้น และเป็นความผิดผมเองที่ไม่ได้แจ้งไปทางเซี่ยฉวนให้ยกเลิกภารกิจ ดังนั้นถ้าคุณจะโทษควรโทษผม ไม่ว่าจะเป็นการลงโทษวิธีใดผมยอมรับผิดทั้งหมด”
จิ่งหนิงหัวเราะด้วยความเยือกเย็น “คุณน่ะเหรอ? คุณคิดว่าคุณสามารถรับผิดชอบได้อย่างนั้นเหรอ?”
เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะระเบิด ลู่จิ่งเซินจึงได้ยกมือไปกุมมือของเธอเอาไว้
เขามองไปทางจูเก่อหลิวเฟิงแล้วพูดออกมาเบาๆว่า “คุณจูเก่อ เรื่องนี้ผมสามารถปล่อยผ่านไปก่อนได้ แต่พวกคุณจะต้องบอกผมว่าตอนนี้ในมือของคุณมีข้อมูลอะไรอยู่บ้าง?”
จูเก่อหลิวเฟิงชะงักลงเล็กน้อย เขาเลิกคิ้วมองไปแล้วหัวเราะ
“ช่างเหมาะสมกับที่เป็นคุณลู่จิ่งเซินจริงๆ ผมคิดว่าเรื่องนี้จะสามารถปิดบังคนอื่นได้เสียอีก คาดไม่ถึงว่าจะถูกคุณมองออกจนได้”
ลู่จิ่งเซินขยับริมฝีปากแล้วพูดว่า “ในเมื่อพวกคุณรู้ว่ามีคนกำลังตั้งใจจะทำร้ายตระกูลจื่อจิน อีกทั้งยังตั้งใจที่จะสร้างตัวเป็นศัตรูกับกลุ่มมังกรและตระกูจูเก่อ แน่นอนว่าคุณจะไม่ปล่อยไว้ และให้เหตุการณ์ดำเนินไปเรื่อยๆ ต่อให้คุณไม่ทำอะไร อย่างน้อยก็ต้องตรวจสอบว่าคนที่ลงมือทำนั้นเป็นใคร”
จูเก่อหลิวเฟิงพยักหน้าแล้วตอบว่า “คุณพูดไม่ผิดเลยครับ เรื่องนี้ผมตรวจสอบแล้ว ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร แต่ผมแน่ใจว่าไม่ใช่เรื่องดี
หลายปีมานี้พวกเราและกลุ่มมังกรแม้จะอยู่ในขอบเขตเดียวกัน แต่พวกเราก็ไม่เคยก้าวก่ายซึ่งกันและกัน ต่างคนต่างอยู่อย่างสงบสุขไม่เคยเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นมาก่อน”