บทที่ 465 ตรงไปตรงมา
ในฐานะบุตรหลาน กวนจี้หมิงและคนอื่นๆได้ทำตามที่เขากำหนดเอาไว้
แม้ว่าพวกเขาจะจัดการอย่างเรียบง่ายแต่ก็วุ่นวายอยู่พักใหญ่เหมือนกัน
จิ่งหนิงไม่ได้เข้าร่วมขั้นตอนในการมอบร่างกายนายท่านกวนให้แก่โรงพยาบาล เธอรู้สึกว่านี่เป็นการลงโทษคนที่ยังมีชีวิตอยู่
ตอนกลางคืนเมื่อกลับถึงบ้านเธอไม่ได้กินข้าวเย็น ได้แต่ขังตัวเองไว้ในห้อง
เธอนั่งอยู่บนดาดฟ้าขนาดใหญ่ เหลือเวลาอีกแค่สองเดือนก็จะถึงตรุษจีนแล้ว บรรยากาศค่ำคืนของเมืองหลวง ท้องฟ้าค่อนข้างปลอดโปร่ง ตอนกลางคืนสามารถมองเห็นดวงดาวเต็มท้องฟ้าประกายไปทั่ว
ไม่รู้ว่าลู่จิ่งเซินเดินมาหยุดอยู่ข้างหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอเองก็ไม่ได้หันหลังไปแต่รู้ว่าเป็นเขา
“พวกเราทุกคนรู้ดีว่า เมื่อตายไปแล้วก็จะกลายเป็นดวงดาวบนท้องฟ้า และคอยปกป้องคนที่พวกเขาต้องการปกป้อง คุณว่าจริงไหม?”
เธอถามขึ้น
เขาไม่ได้ตอบอะไรออกมา เนิ่นนานทีเดียวก่อนจะตอบว่า “อืม”
จิ่งหนิงไม่ได้หันหลังกลับไปมองเขา
ท่ามกลางความเงียบสงบ ลู่จิ่งเซินเงยศีรษะขึ้นเล็กน้อยและมองออกไปยังค่ำคืนเงียบสงบ หากมองจากมุมมองของเธอนั้นไม่สามารถมองเห็นแววตาของเขาได้ แต่เดาได้ว่าเขานั้นก็ช่างโดดเดี่ยวและรู้สึก เคว้งคว้าง
หัวใจของเธอช่างเจ็บปวด
เธอค่อยๆลุกขึ้นมาและเดินหน้าขึ้นไป โอบมือทั้งสองข้างของเธอไปที่ร่างกายของเขา
ลู่จิ่งเซินตัวแข็งทื่อทันที
ผ่านไปสักพักเขาจึงเอ่ยถามขึ้นว่า “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
จิ่งหนิงพูดออกมาว่า “ขอโทษค่ะ”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากัน
จิ่งหนิงซุกหน้าเข้าไปในอ้อมอกของเขา น้ำเสียงของเธอช่างแผ่วเบา “ฉันคิดมาโดยตลอดว่าความรักของพวกเรา เป็นคู่ที่ต้องเสียสละ คุณนั้นค่อนข้างที่จะเด็ดขาดและมั่นใจในตัวเองสูง เป็นคนที่ถูกวางชะตาชีวิตเอาไว้แล้วว่าต้องเป็นผู้นำของคนอื่น ส่วนฉัน ทำได้แต่ก้าวขาตามจังหวะของคุณ ได้เพียงคนที่คอยรับฟัง
แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าฉันคิดผิดไป ที่ผ่านมานี้คุณต้องเผชิญหน้ากับหลายๆเรื่องมากกว่าฉันและเสียสละตนเองมากกว่าฉัน เพียงแค่ฉันไม่ได้มองเห็นมัน จึงเข้าใจว่าสิ่งเหล่านั้นไม่เคยมีอยู่จริงและฉันก็เห็นแก่ตัวเกินไป”
เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตากลมโตคู่นั้นกะพริบมีน้ำตาอยู่ด้านใน มองไปแล้วช่างอ่อนโยน
“ลู่จิ่งเซินคะ ขอบคุณที่ทำทุกอย่างให้กับฉันและต้องขอบคุณที่คุณรับผลทุกอย่างเอาไว้ ต่อจากนี้ฉันจะพยายามให้ถึงที่สุด ไม่ให้คุณต้องเหนื่อยไปมากกว่านี้เพราะฉัน ฉันจะพยายามทำให้ตัวเอง คู่ควรกับคุณมากที่สุด และยืนอยู่ข้างคุณอย่างมีเกียรติ”
ลู่จิ่งเซินก้มลงมองเธอด้วยสายตาอบอุ่น
เขาไม่ได้ถามว่าทำไมจู่ๆเธอถึงพูดเรื่องเหล่านี้ เขาเพียงแค่เผยออ้าปากขึ้นแล้วพูดว่า ”ครับ” พร้อมกับส่งยิ้มออกมา
มือของจิ่งหนิงที่กุมมือของเขาไว้รู้สึกจะรุนแรงขึ้นเล็กน้อย
ผ่านไปเนิ่นนานทีเดียว ท้ายที่สุดเธอก็เขย่งเท้าขึ้นมาแล้วจูบตรงบริเวณแก้มของเขา
“ลู่จิ่งเซินคะ ฉันรักคุณ”
บรรยากาศรอบข้างเงียบสงบลง หูของเธอได้ยินเสียงถอนหายใจจากผู้ชายคนหนึ่ง แต่ท้ายที่สุด ก็หลอมละลายจางไปท่ามกลางความเงียบสงบแห่งค่ำคืน
เช้าตรู่ในวันต่อมา
ที่สุสานไม่มีใครสักคนเดียว น้ำค้างในยามเช้าเกาะที่หินป้ายหน้าหลุมศพ ทำให้มองดูหนาวเย็นมากขึ้น ในอากาศมีไอเย็นลอยออกมา ราวกับกำลังพยายามลอยเข้าไปในรูจมูกผ่านเข้าไปด้านในจิตใจ
ในมือของจิ่งหนิงมีดอกไม้อยู่ช่อหนึ่งเธอยืนอยู่หน้าหลุมศพ
เธอสวมใส่ชุดขนสัตว์สีดำยาว ทัดดอกไม้ดอกเล็กๆ โค้งตัวและนำดอกไม้วางไว้บนพื้น
ด้านหลังของเธอห่างออกไปไม่กี่ก้าว พบว่าลู่จิ่งเซินยืนอยู่เงียบๆ เขามองดูเธอยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆเป็นเวลาเนิ่นนาน ในที่สุดก็หันหลังเดินกลับมายังเขา เธอคว้าแขนของเขา เงยหน้ายิ้มแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะค่ะ”
ลู่จิ่งเซินพยักหน้า ถอดเสื้อคลุมออกแล้วคลุมให้เธอ จากนั้นจับมือที่หนาวเย็นของเธอ
ในใจของจิ่งหนิงรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันใด และปล่อยให้เขาจูงมือเธอไปเงียบๆ จากสุสานไปถึงถนน ห่างกันค่อนข้างไกล ทั้งสองเดินไปท่ามกลางความสงบ บนถนนมีเพียงพวกเขาทั้งสองคน บรรยากาศรอบข้างไร้ซึ่งเสียงใดๆ
ผ่านไปสักพักจิ่งหนิงถึงได้พูดขึ้นว่า “อีก2-3วันฉันอยากจะกลับไปเมืองจิ้นสักหน่อย”
ลู่จิ่งเซินบีบมือเธอเล็กน้อย
จิ่งหนิงเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจ
เธอเห็นเขาขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วถามว่า “ไปที่นั่นทำไมครับ?”
จิ่งหนิงพูดเบาๆว่า “ไม่มีอะไรค่ะก็แค่รู้สึกว่าสับสนวุ่นวาย อยากจะกลับไปพักใจสักหน่อย”
สายตาของลู่จิ่งเซินลึกล้ำลงไป
ไม่รู้ว่าจิ่งหนิงคิดมากไปเองหรือเปล่า เธอรู้สึกว่าสายตานั้น ราวกับมีบางอย่างกำลังเคลื่อนไหว ซึ่งมันซับซ้อนลึกซึ้ง
ผ่านไปสักพักเขาจึงขยับริมฝีปากพูดขึ้นว่า “ครับผมจะไปกับคุณ”
จิ่งหนิงส่ายหัวเบาๆ
“ฉันอยากกลับไปคนเดียว”
ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วเข้าหากัน
จิ่งหนิงสัมผัสได้ว่าเขาไม่ค่อยพอใจจึงรีบอธิบายว่า “ฉันแค่อยากกลับไปสงบสติอารมณ์และทำใจสักหน่อย เนื่องจากช่วงนี้มีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ฉันรู้สึกวุ่นวายใจ อีกอย่างหนึ่งร่างกายของคุณยังบาดเจ็บอยู่ ไม่เหมาะสมแก่การเดินทางไปไหน……”
ลู่จิ่งเซินมองเข้าไปในดวงตาของเธอ ผ่านไปเนิ่นนานจึงได้ถอนหายใจออกมา
จากนั้น โอบเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะพูดด้วยเสียงแหบพร่าว่า “หนิงหนิง ผมปล่อยให้คุณไปคนเดียวไม่ได้ ถ้าคุณไป ผมจะรู้สึกไม่สบายใจคุณเข้าใจไหม?”
ศีรษะของจิ่งหนิงที่อยู่ในอ้อมอกของเขาเธอรู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจเต้น และอุณหภูมิลมหายใจจากร่างกายของเขา จึงทำให้เธอใจอ่อน
ผ่านไปสักพักในที่สุดเธอก็ถอยหลังมาก้าวหนึ่ง
“ค่ะ งั้นพวกเราไปด้วยกัน”
ลู่จิ่งเซินซึ่งได้ก้มศีรษะจูบลงบนหน้าผากของเธอ แล้วจูงมือเธอจากไปด้วยความพอใจ
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ลู่จิ่งเซินเข้าไปในห้องหนังสืออันดับแรก
เมื่อเขากลับออกมาอีกครั้งหนึ่งก็พบว่าจิ่งหนิงกำลังเก็บของอยู่ในห้องนอน
ตอนที่ลู่จิ่งเซินเดินเข้าไป เห็นเธอกำลังพับเสื้อตัวหนึ่งใส่เข้าไปในกระเป๋าเดินทาง เขายืนพิงอยู่ที่ขอบประตูยังไม่ได้เข้าไป มองเธอจากตรงนั้นอย่างเงียบๆ
จิ่งหนิงมองเห็นเขาจึงเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้
แสงแดดจากทางหน้าต่างส่องเข้ามากระทบกับใบหน้าอันสวยงาม ขาวผ่องราวกับหยกของหญิงสาว รอยยิ้มนั้นช่างสดใสเสียจนแสบตา
ลู่จิ่งเซินใจสั่นเล็กน้อย เขาเดินเข้าไปอุ้มเธอขึ้นมา แล้วนั่งลงบนเตียงโดยวางเธอไว้บนต้นขา
จิ่งหนิงตกตะลึงเล็กน้อย เธอโอบเข้าไปที่คอของเขาอย่างไม่รู้ตัวแล้ว เอ่ยถามว่า “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
ลู่จิ่งเซินหรี่ตาลง เขาไม่ได้พูดอะไร แต่กลับใช้นิ้วมืออันเรียวยาวๆสัมผัสไปที่ใบหน้าของเธอ ปลายนิ้วมือของเขานั้นช่างอบอุ่น ทำให้คนที่ถูกสัมผัสต้องใจละลาย เขาสัมผัสเธอตั้งแต่คิ้วตา จมูก และปาก
ท้ายที่สุดฝ่ามือนั้นก็ขยับไปจับด้านหลังศีรษะของเธอเบาๆ
วินาทีต่อมา
ริมฝีปากของเขาก็ประกบไปที่ริมฝีปากของเธอ
จิ่งหนิงตกตะลึงเล็กน้อยกับการที่ถูกเขาจูบโดยไม่รู้ตัวเช่นนี้ ทำให้เธอรู้สึกมึนงง
แต่ลู่จิ่งเซินกลับไม่สนใจ มือข้างหนึ่งจับอยู่ที่หลังศีรษะของเธอ อีกข้างหนึ่งกลับไม่อยู่นิ่งขึ้นมา
ฝ่ามือของเขาราวกับมีพลังงานไฟฟ้าที่กำลังจะช็อตข้าไปด้านใน เสียงลมหายใจของจิ่งหนิงแรงขึ้นเรื่อยๆและเร็วขึ้น ในเวลาต่อมาก็ถูกเขาวางลงบนเตียง และวินาทีต่อมาร่างกายของเขาก็กดทับอยู่บนเธอ
จูบที่ร้อนแรงและกะทันหัน ราวกับปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน เธอหายใจเหนื่อยหอบ และพูดออกมาเบาๆว่า “ลู่จิ่งเซิน”
น้ำเสียงนั้นอ่อนโยน ราวกับลูกสัตว์ตัวน้อย
ลู่จิ่งเซินถูกเสียงเรียกของเธอ ทำให้ร่างกายแข็งเกร็ง ลมหายใจของเขาก็ยุ่งเหยิง เขาตอบรับด้วยเสียงต่ำทุ้มอยู่ในลำคอ