วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 467 จากแขกเป็นเจ้าของบ้าน

บทที่ 467 จากแขกเป็นเจ้าของบ้าน

เธอยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน แล้วพูดว่า เมื่อวานนี้หนูไปเยี่ยมคุณนายมา ได้ยินว่าพี่สะใภ้ตั้งครรภ์ เลยแวะมาดูค่ะ เอ๋? แล้วพี่สะใภ้ล่ะคะ?”

เมื่อพูดถึงจิ่งหนิง สายตาของลู่จิ่งเซินก็ดูอ่อนโยนลง เขาพูดด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่นว่า

“เธออยู่ข้างบนเดี๋ยวก็ลงมา”

“อ๋อเหรอคะ ฉันขึ้นไปหาเธอได้ไหม?”

แววตาของลู่จิ่งเซินหยุดชะงักลงและมองไปยังใบหน้าที่ดูบริสุทธิ์ แต่ท้ายที่สุดเขาก็ปฏิเสธ

“ไม่ต้องหรอก เธอไม่ชอบให้มีคนนอกเข้าไป”

ประโยคนี้ทำให้บรรยากาศดูเงียบลงทันใด

คนนอก……

คำเพียงสองคำ แต่ทำให้คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นดู ทำตัวไม่ถูก

เขายังไม่ทันรู้สึกอะไร แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเซ่เซียงหลิงแข็งทื่อลงทันที ผ่านไปสักพักเธอจึงได้กลับมาเป็นปกติ

“ก็ได้ค่ะ อย่างนั้นฉันจะรอเธออยู่ที่นี่”

ลู่จิ่งเซินไม่ได้ตอบรับอะไรเธอ เขาหันกลับไปกำชับให้คนรับใช้จัดเตรียมอาหารกลางวันจากนั้นก็บอกให้เซ่เซียงหลิงทำตัวตามสบาย และก้าวออกไปด้านนอก

ประมาณ 10 นาทีต่อมา จิ่งหนิงเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมาจากด้านบน

“พี่สะใภ้คะ!” เซ่เซียงหลิงลุกขึ้นจากโซฟาแล้วยิ้มทักทายเธอ

บอกตามตรงว่า ลูกพี่ลูกน้องคนนี้จิ่งหนิงรู้สึกไม่ค่อยคุ้นเคยนัก

แต่อย่างไรก็นับว่าเป็นแขกมาเยือน เธอจึงได้พยักหน้ายิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ขอโทษนะคะ ต้องทำให้รอนาน”

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันมาโดยไม่ได้บอกไว้ล่วงหน้า พี่สะใภ้ ฉันไม่ได้มารบกวนเวลาพวกคุณใช่ไหม?”

จิ่งหนิงส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่เลยค่ะ การที่คุณเดินทางมาที่นี่พวกเราก็ดีใจแล้ว”

สีหน้าของเธอนิ่งเรียบ แล้วมองไปทางลู่จิ่งเซินที่เดินออกไปด้านนอก หลังจากได้รู้ว่าเขาเดินทางไปห้องฟิตเนส ในคฤหาสน์ เธอก็ตกตะลึง

ต่อจากนั้นจึงได้เข้าใจว่า ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถออกกำลังกายได้ และการที่เขาเดินไปเช่นนี้คาดว่าคงไม่ต้องการจะต้อนรับลูกพี่ลูกน้องคนนี้ จึงทำการหลบเลี่ยง ดังนั้นเธอจึงไม่ได้พูดอะไรมาก

เธอกำชับให้คนรับใช้จัดเตรียมอาหารไว้อีกหนึ่งที่ เซ่เซียงหลิงจะเข้าไปช่วย แต่จิ่งหนิงไม่ยินยอม

แม้จะไม่สนิทเท่าไหร่นักแต่ก็นับว่าเป็นแขก จะให้แขกลงมือทำกับข้าวเองได้ยังไง?

แต่คิดไม่ถึงว่าเซ่เซียงหลิงจะยิ้มแล้วพูดขึ้น “พี่สะใภ้คะ ไม่ต้องเกรงใจกับฉันหรอกค่ะ ฉันเรียนสาขาการพยาบาล รู้วิธีการทำอาหารบำรุงสตรีตั้งครรภ์อย่างดีทีเดียว แม้ว่าในคฤหาสน์จะมีคนรับใช้ แต่ก็ลองชิมอาหารฝีมือฉันดูได้นะคะ ถ้าคุณคิดว่าอร่อย ก็นับว่าเป็นการยอมรับในสาขาวิชาชีพฉันด้วย”

ในเมื่อเธอพูดถึงขนาดนี้แล้ว จิ่งหนิงจะปฏิเสธได้อย่างไร ไม่อย่างนั้นคงจะมองว่าเป็นการห่างเหิน

เธอจึงทำได้เพียงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ก็ได้ค่ะแต่อย่าทำให้เหนื่อยเกินไปนะคะ คุณเดินทางมาตั้งไกลแต่กลับมาให้คุณทำอาหาร ถ้ากลับไปที่บ้านคุณนายจะหาว่าฉันรังแกคุณได้”

จิ่งหนิงยิ้มขึ้น ใบหน้าอันงดงามของเธอสื่อถึงความเกรงใจ

“ไม่หรอกค่ะ ก่อนที่ฉันจะเดินทางมา ท่านยังกำชับฉันว่าให้ดูแลเรื่องอาหารการกินของคุณด้วยเนื่องจากนี่เป็นสายอาชีพของฉัน”

เธอนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะพูดเสริมขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “แม้ว่าคนรับใช้ที่พี่สะใภ้หามาจะเก่ง และมีความสามารถ แต่อย่างไรเสียก็เป็นคนนอกใช่ไหมคะ เรื่องของอาหารการกินในตอนนี้สำคัญมาก หากมีคนกันเองเข้ามาช่วยดูแลก็จะวางใจกว่า” แววตาของจิ่งหนิงกลอกไปมองเธอ

เซ่เซียงหลิงยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่สีหน้าของป้าหลิวกลับดูมืดมนลง

คนรับใช้ในคฤหาสน์นั้นตั้งแต่ในห้องรับแขกจนกระทั่งห้องครัวเธอเป็นคนดูแลทั้งสิ้น

ความสามารถ นิสัย อีกทั้งแม่นมที่เตรียมไว้ล่วงหน้า เธอล้วนคัดเลือกมาด้วยตัวเองจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นแน่

ตอนนี้เมื่อเซ่เซียงหลิงพูดออกมา ทำเหมือนกับว่าคนรับใช้ในคฤหาสน์นี้ไม่น่าเชื่อถือ

แต่เซ่เซียงหลิงทำตัวเป็นคนดีเข้ามาช่วยพวกเขาหาว่ามีใครไม่จงรักภักดีหรือไม่

แววตาของจิ่งหนิงมองไปทางป้าหลิว

แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาทำเพียงยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนด้วยนะคะ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะพี่สะใภ้”

คนรับใช้พาเซ่เซียงหลิงเดินทางไปยังห้องครัว จิ่งหนิงก้มหน้าลง ผ่านไปสักพักจึงเดินกลับไปในห้องนอน

เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาหญิงชรา

“คุณย่าคะทำอะไรอยู่?”

“กำลังดูการ์ตูนเป็นเพื่อนอานอาน มีอะไรหรือเปล่า?”

“ไม่มีอะไรค่ะโทรมาหาเฉยๆ”

“อ้อใช่แล้ว เซ่เซียงหลิงไปที่โน่นหรือเปล่า?”

จิ่งหนิง เผยอริมฝีปากขึ้นพูดอย่างเป็นธรรมชาติว่า “ใช่ค่ะ”

“เจ้าเด็กนั่นพอรู้ว่าเธอท้องก็บอกว่าจะต้องมาดูให้ได้ ฉันจึงบอกที่อยู่กับเธอไป ไม่ได้ไปรบกวนอะไรใช่ไหม?”

“เปล่าค่ะการที่เธอเดินทางมาฉันดีใจมาก”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว ฉันรู้ว่าเธอชอบความสงบ แต่เจ้าเด็กนั่นก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักมารยาท ฉันจึงให้เธอไปหาแล้วรีบกลับโรงเรียน น่าจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เธอนะ?”

จิ่งหนิงหรี่ตาลง

และนึกถึงคำพูดของเซ่เซียงหลิงเมื่อครู่จึงได้ยิ้มขึ้น

“ไม่เลยค่ะ ฉันต่างหากที่ทำให้น้องสาวต้องลำบาก”

“มีอะไรเหรอ?”

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ อาจเป็นเพราะว่าเธอไม่ไว้ใจคนรับใช้ของฉัน เธอก็เลยจัดการทำอาหารให้ฉันกินด้วยตัวเอง ฉันรู้สึกเกรงใจเธอจัง”

ฝ่ายตรงข้ามนิ่งเงียบไปชั่วครู่

ผ่านไปสักพักหญิงชราจึงได้พูดกลับมาด้วยน้ำเสียงอึดอัดใจว่า

“เจ้าเด็กนี่…… ฉันแค่เอ่ยปากชมนิดหน่อย คาดว่าคงจะร้อนวิชา หนิงหนิง อย่าคิดมากไป ถ้าไม่ชอบก็บอกเธอไปว่าครั้งหน้าไม่ต้องมาอีก”

“ไม่เป็นไรค่ะ น้องสาวตั้งใจขนาดนี้ ฉันรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นมาก”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว”

จิ่งหนิงสนทนากับหญิงชราอยู่อีกสองสามประโยคก่อนจะวางสายลง

เธอเก็บโทรศัพท์มือถือแล้วยิ้มออกมา

“ป้าหลิว”

ป้าหลิวที่ยืนอยู่ด้านนอกเมื่อได้ยินเสียงก็รีบเข้ามา

“คุณผู้หญิงคะ”

“ส่งคนไปช่วยคุณเซ่ อย่างไรเสียเธอก็เป็นแขกอย่าให้เธอเหนื่อยเกินไป”

“ ค่ะ”

หลังจากที่เธอกำชับเรียบร้อยแล้วก็ไม่ได้ลงไปด้านล่างอีก

ตอนนี้เธอกำลังตั้งครรภ์ ค่อนข้างเหนื่อยง่าย ดังนั้นเธอจึงไปยังห้องหนังสือ แล้วหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา เอนกายลงบนโซฟาแล้วเปิดอ่าน

จนกระทั่งกลางวัน

เมื่อมองดูเวลาแล้วเธอจึงวางหนังสือลง แล้วเดินไปทางห้องครัว

จนถึงตอนนี้ลู่จิ่งเซินก็ยังไม่กลับมา เธอนั่งอยู่คนเดียว โดยมีคนรับใช้จัดเตรียมถ้วยชามไว้ให้

ผ่านไปไม่นานเซ่เซียงหลิงก็ยกอาหารเข้ามาวางบนโต๊ะ ยิ้มแล้วพูดว่า

” พี่สะใภ้คะ ต้องขอโทษด้วย ฉันอาจจะซุ่มซ่ามไปหน่อย ถ้ามีอาหารจานไหนรสชาติไม่ถูกใจ ก็บอกได้เลยนะคะ

คำพูดของเธอราวกับว่าเธอเป็นเจ้าของที่นี่ และจิ่งหนิงกลับกลายเป็นแขกซะแบบนั้น

นิสัยเดิมของจิ่งหนิงก็ค่อนข้างปฏิบัติดีต่อเด็กผู้หญิง ต่อให้เซ่เซียงหลิงทำตัวเกินเหตุ แต่เธอก็ไม่ได้ทำอะไรผิดจนเกินไป

เมื่อเห็นหน้าผากของเธอคืนไปด้วยเม็ดเหงื่อ อีกทั้งคำพูดของเธอก็ต้องการเอาอกเอาใจ

จึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณพยายามทำขนาดนี้ เดิมทีฉันก็รู้สึกแย่อยู่แล้ว ยังจะกล้าไปชี้แนะอะไรอีกล่ะคะ คุณไปพักผ่อนเถอะค่ะที่เหลือให้คนรับใช้จากการก็พอแล้ว”

เซ่เซียงหลิงส่ายหน้าแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะยังมีซุปอีกหนึ่งอย่าง ใกล้จะเสร็จแล้วพี่สะใภ้รอสักครู่นะคะ”

เมื่อพูดจบเธอก็หันหลังกลับเข้าไปในห้องครัว

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset