บทที่46 ทำการเดิมพัน
จากที่พิจารณาทั้งภายในและนอกประเทศ ดูเหมือนว่าจะยังไม่เคยมีใครประสบความสำเร็จกับแรลลี่ระยะทางสี่กิโลเมตรนี้!
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอีก ลู่หยั่นจือ กลับดูสงบนิ่งและเยือกเย็น
เขามองหน้าจิ่งหนิง “แล้วยังไงล่ะ? ถ้าคุณพูดกับผมเรื่องนี้เพียงเพื่อจะให้ผมยอมแพ้ในการแข่งขันครั้งนี้ งั้นผมจะบอกคุณว่า ไม่มีทาง!”
จิ่งหนิงยิ้ม “คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้มีความคิดจะให้คุณยอมแพ้ เพียงแต่อยากจะอยากจะบอกคุณจากมุมมองที่เป็นกลางมากว่า ถ้าดูจากศักยภาพของเฮยหม่า ในตอนนี้ ไม่มีทางชนะได้เลยก็เท่านั้น”
“เธอ!”
คนที่มีอารมณ์ไม่ดีอดทนไม่ได้อีกต่อไปเขาระเบิดอารมณ์และทำท่าจะพุ่งไปข้างหน้า
แต่ก็ถูกลู่หยั่นจือ ห้ามเอาไว้
เขามองไปที่จิ่งหนิงด้วยสายตาสงบ “แล้วตามความคิดเธอล่ะ?”
จิ่งหนิงยิ้มเล็กน้อย “ฉันช่วยให้คุณคว้าถ้วยรางวัลได้นะ”
“อะไรนะ?”
ทุกคนต่างแสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
จิ่งหนิงพูดต่อ: “ขอเพียงคุณรับปากฉันเรื่องหนึ่ง ฉันรับประกัน เฮยหม่า จะต้องคว้าแชมป์ครั้งนี้ได้แน่”
ลู่หยั่นจือ หัวเราะเยาะออกมา “ผมเข้าใจความหมายคุณแล้ว แต่ขอโทษด้วยนะ ผมไม่สนใจข้อเสนอของคุณ และยิ่งไม่เชื่อสิ่งที่คุณพูดมาเลย ผมยอมรับว่า จี้หลินยวน เป็นคู่แข่งที่คู่ควรมาก แต่ก็ไม่มากพอที่จะทำให้คนอย่างผมลู่หยั่นจือ ต้องก้าวถอยหลังได้”
จิ่งหนิงคิดจะพูดต่อแต่กลับถูกเขาขัดจังหวะ
“พอแล้วล่ะ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วคุณออกไปเถอะ ผมจะเตรียมตัวแข่งแล้ว”
จิ่งหนิงขมวดคิ้ว
เมื่อเห็นสีหน้าที่แน่วแน่ของเขาจึงทำได้ดีที่สุดเพียงถอยออกมาก่อน
การแข่งใกล้จะเริ่มเต็มที
รถแข่งจากทั้งสี่ทีมเข้ามาในสนามเสียงนกหวีดดังขึ้นและการแข่งขันก็เริ่มขึ้น
รถทุกคันพุ่งออกไปเหมือนลูกศรจากคันธนูพร้อมกัน
สมาชิกทีมรถเฮยหม่า ต่างจับจ้องไปที่รถแข่งของทีมตนเองไม่วางตา ในสนามแข่งกำลังดุเดือด
ในตอนนั้นเอง ทันในนั้นก็มีและตบไหล่ของเขา
คนคนนั้นหันไปและเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาก็ขมวดคิ้วทันที
“ทำไมถึงเป็นคุณ? คุณยังไม่ไปอีกเหรอ?”
จิ่งหนิงยิ้มแล้วชี้ไปที่หน้าจอที่อยู่เหนือสนามกีฬาแล้วพูดขึ้น: “ดู ลูกพี่ของพวกคุณถูกแซงไปที่อันดับสามแล้ว ต่อให้พยายามจนผ่านรอบนี้ไป รอบหน้าต่อให้พยายามจนสุด อย่างดีที่สุดก็ได้ที่สองแค่นั้น เรื่องจะคว้าแชมป์เป็นไปไม่ได้เลย”
คนคนนั้นโมโหสุดขีดเมื่อโดนเธอพูดแบบนี้เข้า แต่สิ่งที่จิ่งหนิงพูดนั้นก็เป็นความจริงทั้งนั้น เขาไม่สามารถจะโต้แย้งได้เลยสักคำ
ต้องยอมรับว่า ถึงแม้ว่าลู่หยั่นจือ เมื่อสี่ปีก่อนนั้นแข็งแกร่งแต่วงการนี้มีหน้าใหม่อยู่เสมอ และการแข่งรถเป็นกีฬาที่ทดสอบความสามารถในการตอบสนองและการประสานงานทางกายภาพ
เขา…แก่แล้ว
บนหน้าจอกำลังแสดงผลของแต่ละช่วงเส้นทางในลานแข่ง เห็นเพียงรถของลู่หยั่นจือ ยังคงรักษาตำแหน่งที่สามไว้ ถึงแม้ว่าเขาจะคว้าอันดับสองมาได้ แต่ก็ยังห่างไกลจากจี้หลินยวน ที่อยู่ในอันหนึ่ง
กลุ่มลูกทีค่อย ๆ หมดกำลังใจ
เตรียมตัวมาสี่ปีเต็ม ๆ ก็เพื่อลบล้างความอัปยศอดสู
ในช่วงเวลาสี่ปีนี้ พวกเขาได้รับคำพูดดูถูกเย้ยหยันมากมายและต้องอดทนเก็บเอาไว้และไม่เคยมีใครได้ปริปากพูดใด ๆ
เพื่อที่จะได้รับชัยชนะในเวทีอย่างสมศักดิ์ศรีและทวงคืนเกียรติยศของตัวเองในวันนี้!
เพื่อที่จะได้ให้คนที่ดูถูกพวกเขาเหล่านั้นต้องยอมรับทั้งกายใจ บอกกับพวกเขาว่าชัยชนะเป็นของเฮยหม่า! เป็นมาตลอด! และจะเป็นตลอดไป!
แต่สถานการณ์ในตอนนี้…
หรือว่าครั้งนี้จะเป็นไปไม่ได้แล้ว?
สมาชิกในทีมเริ่มจากการตื่นเต้นในช่วงแรกค่อยๆ กังวลและไม่สบายใจ
จนกระทั่งการแข่งขันครึ่งแรกจบไปและผลการแข่งขันออกมา
จี้หลินยวน รั้งอันดับหนึ่งด้วยเวลา1นาที48วินาที อันดับสอง1นาที54วินาทีและลู่หยั่นจือ รั้งอันดับสามที่เวลา1นาที55วินาที
แค่มองก็รู้ได้ถึงความสามารถที่แตกต่างที่ชัดเจน
ผู้ตัดสินประกาศสามทีมได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ แล้วจึงพักครึ่งชั่วโมง และรอบชิงชนะเลิศจะเริ่มขึ้นหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง
ถึงแม้ว่าผลงานจะประสบความสำเร็จ แต่ทั้งทีมรถเฮยหม่า กลับหดหู่และช่วยพยุงลู่หยั่นจือ เข้าไปในห้องพัก
เมื่อเข้าห้องพักแล้วทุกคนต่างสังเกตสีหน้าของลู่หยั่นจือ
หนึ่งในลูกทีมถามขึ้นอย่างระมัดระวัง: “พี่ลู่ โอกาสที่พวกเราจะได้ครองแชมป์ครั้งนี้มีมากน้อยแค่ไหน?”
ลู่หยั่นจือ มองตาเขา
สีหน้าของเขาหมองลงชั่วขณะแล้วพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึม: “ขอโทษด้วย ครั้งนี้คงจะทำให้พวกนายต้องผิดหวังแล้ว”
เมื่อครู่เขาพยายามอย่างสุดความสามารถแต่ก็ทำตำแหน่งได้เพียงที่สาม
ถึงแม้ว่าจะไม่อยากยอมรับแต่ก็ต้องยอมรับว่าตนเองนั้นแก่แล้วจริง ๆ
ถึงแม้ว่าฝีมือของเขานั้นจะยังแพรวพราวแต่ความเร็วในการตอบสนองของอวัยวะของเขานั้นมันไม่ได้ดังใจ ไม่มีทางจะตามนักแข่งเด็กหนุ่มวัยยี่สิบต้น ๆ ซึ่งเป็นช่วงวัยที่ดีที่สุดในการแข่งรถแล้ว
เมื่อลูกทีมได้ยินที่เขาพูดแบบนี้ เกิดความไม่เป็นสุขอยู่ในขณะ
“พี่ลู่ พี่อย่าพูดแบบนั้นสิ พวกเราเชื่อในตัวพี่นะ พี่จะต้องทำได้!”
“ใช่ ต่อให้ไม่ได้แชมป์ก็ไม่เป็นไร พี่จะเป็นพี่ใหญ่ของพวกเราตลอดไป!”
ลู่หยั่นจือ ยิ้ม
ถึงแม้จะรู้ว่าพี่น้องกลุ่มนี้ของตัวเองจะพูดคำพูดเหล่านี้ออกมาด้วยความจริงใจ แต่ลึก ๆ ในใจก็ยังอดเสียใจไม่ได้
เขาอายุตั้งสี่สิบสองแล้ว หากว่าแพ้อีกในปีนี้ พื้นฐานแล้วคงจะกลับมาลงแข่งไม่ได้อีกแล้ว และเป็นสักขีพยานในการกลับมาครองแชมป์ของเฮยหม่า
และในตอนนี้เองก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ผู้กำกับลู่ เป็นยังไงบ้าง? เมื่อได้สัมผัสด้วยตัวเองแล้ว เห็นรึยังว่าคำพูดที่ฉันเมื่อครู่นี้ไม่ได้โกหก?”
ลู่หยั่นจือ มองจิ่งหนิงที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวแล้วกุมขมับด้วยความปวดหัว
ยัยเด็กคนนี้ ทำไมถึงกลับมาอีกแล้ว?
“จิ่งหนิง เธอจะเอายังไงกันแน่?”
จิ่งหนิงพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ: “อย่างที่ฉันบอก ฉันอยากช่วยให้คุณได้แชมป์”
เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอและขมวดคิ้ว “การแข่งรถไม่ใช่เกมเด็กเล่น สำหรับคนไม่มีประสบการณ์อย่าพูดแต่เรื่องแพ้ชนะในการลงแข่งเลย มีโอกาสมากที่จะได้รับบาดเจ็บ เธอยังจะร่วมอีกเหรอ?”
จิ่งหนิงยิ้มและโน้มตัวเล็กน้อย
เธอสบตากับลู่หยั่นจือ แล้วพูดขึ้นอย่างชัดเจนทุกถ้อยคำ: “ฉันยืนยัน ถ้าหากคุณไม่เชื่อฉัน พวกเรามาพนันกันก็ได้ ถ้าฉันแพ้ คุณจะทำยังไงก็ได้ แต่ถ้าฉันชนะคุณจะต้องยกตำแหน่งของเย่หลันลั่ว ใน《ตำนานรักข้ามพิภพ》 ให้ฉัน คุณว่าไง?”
ดวงตาของลู่หยั่นจือ สั่นไหวเล็กน้อย
“เธอมาที่นี่《ตำนานรักข้ามพิภพ》 เพื่องั้นเหรอ?”
“แน่นอน”
บรรยากาศโดยรอบนิ่งสงบลง
ครู่หนึ่งลู่หยั่นจือ ก็กัดฟันอย่างแรง
“ได้ ผมรับปากคุณ”
“พี่ลู่!”
“พี่ลู่ ไม่ได้นะ!”
คนข้าง ๆ ต้องการจะต่อรองแต่กลับถูกเขายกมือขึ้นปรามไว้
“แต่ว่าผมมีข้อแม้หนึ่งข้อ นั่นก็คือถ้าคุณชนะ จากนี้ไปคุณจะต้องเข้าร่วมทีมรถเฮยหม่า อย่างน้อยคุณห้ามลาออกจากทีมภายในห้าปี!”
ต้องบอกว่าลู่หยั่นจือ นั้นคิดเพื่อทีมอย่างลึกซึ้งจริง ๆ
หลายปีมานี้ เห็นเฟยอิง กับเทียนเล่ และทีมอื่น ๆ นั้นเติบโตขึ้นอย่างมาก คนที่มีความสามารถมากมาย แล้วยิ่งกับจี้หลินยวน ที่เป็นเหมือนม้ามืดมีความสามารถโดดเด่น สามารถคว้าแชมป์ได้ถึงสี่ปีซ้อน ด้วยความสามารถที่แข็งแกร่งไม่สามารถต่อกรได้โดยง่าย
แต่เมื่อย้อนกลับมาดูทีมรถเฮยหม่า พวกเขากำลังอยู่ในช่วงขาลงเรื่อย ๆ ตั้งแต่สี่ปีก่อน
จากที่เคยเป็นทีมรถแข่งฝีมือดีระดับประเทศ ตอนนี้แม้แต่การแข่งขันเพื่อรักษาตำแหน่งยังทำไม่ได้
ซึ่งสามารถจินตนาการถึงความกังวลและความเจ็บปวดนี้