วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 474 บุคคลลึกลับ

บทที่ 474 บุคคลลึกลับ

ใบหน้าของจิ่งหนิงแดงระเรื่อ เธอลูบไรผมตรงข้างหู แล้วยิ้มอย่างเขินอาย

“คือว่า……ถึงแม้ฉันรู้สึกว่าการอยู่ด้วยกันทุกๆ ชาติ พรนี้ค่อนข้างไม่อาจเป็นจริง ทว่าเห็นแก่ความจริงใจของคุณ ฉันจึงตอบตกลงกับคุณก่อนก็ได้”

ลู่จิ่งเซินกระตุกมุมปาก ภายใต้ดวงตาค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมา และยิ่งอยู่ก็ยิ่งรื่นเริงกว่าเดิม

“อืม ขอบคุณคุณผู้หญิงลู่ที่เห็นชอบ”

เขาจับมือของเธอไว้ แล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด พลางใช้คางวางทับบนหัวของเธอ พร้อมทั้งก้มหน้าหอมหน้าผากของเธอหนึ่งที

“ผมรักคุณ หนิงหนิง”

จิ่งหนิงยื่นมือไปโอบเอวอันซูบผอมของเขา รอบข้างมีเสียงของเหล่านักท่องเที่ยวที่ตะโกนเรียกด้วยความครึกครื้นและดีใจ ใจของเธอกลับรู้สึกอบอุ่นและนิ่งสงบ เพราะความอบอุ่นของอ้อมกอดเขา

หลังจากปล่อยโคมลอยน้ำแม่เสร็จ และเดินเล่นถอยๆ นั้น ตอนที่กำลังจะกลับไปก็เที่ยงคืนแล้ว

เพราะว่าเวลาดึกเกินไป อานอานยังคงเป็นเด็ก จึงง่วงนอนได้ง่าย เพราะเหตุนี้หนึ่งชั่วโมงก่อนนายหญิงก็ได้ส่งข้อความไปให้พวกเขา บอกว่าไม่ต้องตามหาพวกเขา ดังนั้นพวกเขากลับก่อนแล้ว

ตอนที่พวกเขาปล่อยโคมลอย จึงถูกเบียดจนแยกย้ายกันเป็นสองพวก หลังจากที่ปล่อยโคมไฟลอยน้ำเสร็จ ก็กลับไปตามหาคนอีกครั้ง แน่นอนว่าต้องหาไม่เจออยู่แล้ว

จิ่งหนิงได้รับข้อความของเธอ และรู้ว่าพวกเขากลับบ้านแล้ว ดังนั้นถึงได้พาลู่จิ่งเซินเดินเล่นแถวใกล้ๆ อีก

ยังไงเป็นสถานที่ที่เขาอยู่ตั้งแต่เด็กคนโต เธอก็อยากจะรู้จักให้มาก

ลู่จิ่งเซินให้เธอยืนอยู่รออยู่ตรงนั้น เขาไปขับรถมา

จิ่งหนิงตอบตกลง ลานจอดรถอยู่ไม่ไกลจากริมแม่น้ำ ประมาณไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น เธอยืนอยู่ตรงนั้น แล้วยังเห็นถึงถนนที่ราดด้วยหินที่พวกเขาเดินผ่านเมื่อกี้นี้ จวบจนถึงข้างแม่น้ำ

แม่น้ำฝั่งโน่นยังมีคนมากมาย สำหรับพวกเขาแล้ว เที่ยงคืนยังไม่สาย นี่เป็นเวลาเริ่มต้นของการใช้ชีวิตตอนกลางคืน ดังนั้นผู้คนแออัดไม่เพียงแต่ไม่น้อยลง กลับยังคงเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม

จิ่งหนิงอยืนกอดอก แล้วรออยู่สักพัก

จู่ๆ ด้านหลังก็มีเสียงเคลื่อนไหวส่งมา

เธอยังนึกว่าลู่จิ่งเซินที่ขับรถมา และกำลังจะหันไป จู่ๆ ก็มีกระแสลมพัดมา

จู่ๆ เธอรู้สึกใจเต้น แล้วกำลังอยากจะหลบเลี่ยง ทว่าสุดท้ายก็สายไปแล้ว

มีคนมามีทักษะที่ว่องไว ก่อนที่เธอจะไหวตัว ก็ได้มาปิดปากของเธอไว้ แล้วลากตัวเธอไปหลังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ด้านข้าง

จิ่งหนิงใช้แรงขัดขืนอย่างมาก ทักษะป้องกันตัวที่เธอฝึก เธอใช้มันออกมาทุกอย่าง

ทว่ากลับไม่มีประโยชน์

คนที่มามีทักษะการตอบสนองและทักษะการไหวตัวที่เร็วกว่าคนทั่วไป

รวมไปถึงเธอที่ยังคงเป็นห่วงเด็กในท้อง เธอจึงยับยั้งชั่งใจ และไม่สามารถใช้แรงทั้งหมดที่มี หลังจากใช้ไปไม่กี่ท่วงท่า ก็ถูกคนๆ นั้นครอบงำ

จิ่งหนิงถูกปิดปากไว้ แล้วลากไปยังซอยมืดที่อยู่ข้างๆ

“อย่าขยับ ฉันไม่มีทางทำให้คุณบาดเจ็บ แค่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ!

คนที่มามีน้ำเสียงที่แหบพร่ามาก เหมือนทั้งเหนื่อยและกระหาย และค่อนข้างอ่อนแอ

จิ่งหนิงรู้สึกตึงเครียด ปลายจมูกของเธอจู่ๆ ก็ได้กลิ่นคาวเลือด

เธอจึงจับจ้องไปด้านหลังเพียงพริบตาเดียว “คุณได้รับบาดเจ็บหรอ? “

คนที่มากลับไม่พูดอะไร ทว่าก็ไม่ต้องการให้เขาตอบ ปลายจมูกที่ได้กลิ่นคาวเลือดที่ยิ่งอยู่ยิ่งแรง ก็ได้บอกเธอทุกอย่างแล้ว

ภายในใจของจิ่งหนิง จู่ๆ ก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่มีสาเหตุ

เธอพูดด้วยเสียงเบา “คุณปล่อยฉันก่อน แล้วให้ฉันดูก่อน”

คนที่มายังคงไม่พูดไม่จา แต่มือที่ปิดปากของเธอไว้กลับผ่อนแรงลงไปมาก ทำให้เธอสามารถพูดออกมาอย่างชัดเจน และยังสามารถหายใจได้บ้าง

“ทักษะของคุณเก่งมาก ฉันอยู่ต่อหน้าคุณกลับไม่ใช่คู่แข่งของคุณเลย ดังนั้นคุณวางใจเถอะ ฉันแค่อยากดูแผลของคุณ คุณลากฉันมาที่นี่ ฉันเชื่อว่าก็เพื่อสิ่งนี้”

มือข้างนั้นที่จับข้อมือของเธอไว้ชะงักไปสักพัก จากนั้นก็ปล่อยเธอออก

“ขอโทษด้วย รบกวนคุณแล้ว”

น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำ และยากที่คาดคิดถึง ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ โจรลักพาตัวหนึ่งคน กลับยังบอกกับคนที่ถูกลักพาตัวว่าขอโทษ

นี่มันทำให้จิ่งหนิงยิ่งรู้สึกมั่นใจในความคิดตนเองมากขึ้น

นี่ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ

เธอหันหลังเดินไป ในซอกซอยที่มืดแสงสลัว ที่นี่ห่างจากสถานที่ที่ครึกครื้นมาก ไม่เพียงแต่ไม่มีแสงไฟ แม้กระทั่งคนที่เดินผ่านยังน้อย

จิ่งหนิงมองหน้าตาของเขาไม่ค่อยชัด พึ่งพาแสงจันทร์ที่มืดสลัวบนท้องฟ้า จึงแค่มองเห็นเรือนร่างที่สูงใหญ่ของคนตรงหน้าเท่านั้น เขานั่งอยู่บนพื้นที่เปียกชื้น แล้วหายใจอย่างอ่อนแรง

เธอขมวดคิ้ว

จากทิศทางที่กลิ่นคาวเลือดส่งมา เธอยื่นมือไป

แล้วสัมผัสถึงความร้อนชื้น คนๆ นั้นแค่นเสียง เหมือนกำลังอดทนกับความเจ็บปวดอย่างมาก

เธอพูดด้วยเสียงเรียบ “แผลของคุณอาการสาหัสมาก ที่นี่ฉันมองไม่เห็น และไม่สะดวกในการรักษา ถ้าคุณเชื่อฉัน ก็ตามฉันไป ฉันจะพาคุณไปที่ๆ สามารถรักษาบาดแผล”

คนที่มาไม่พูดไม่จา จิ่งหนิงสัมผัสได้ว่าเขากำลังมองเธออยู่

คิดว่ากำลังสังเกตมองเธอหรอกมั้ง!

ผ่านสักพัก สุดท้ายเขาก็พูดขึ้น “ผมจะเชื่อคุณได้ยังไง? “

จิ่งหนิงกระตุกมุมปากอย่างเย็นชา “ตอนนี้คนที่ต้องการความช่วยเหลือคือคุณ เชื่อไม่เชื่อ ก็ขึ้นอยู่ที่คุณเลือก แต่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันพึงกระทำ”

ฝ่ายตรงข้ามนิ่งเงียบอีกครั้ง

และในตอนนี้ ข้างนอกก็มีเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบส่งมา

จิ่งหนิงรู้สึกหวาดหวั่นในใจ แล้วมองไปยังปากทางเข้าซอย ดั่งที่คาด เธอเห็นเรือนร่างที่คุ้นเคยโผล่ออกมา

ภายในใจรู้สึกดีใจ แล้วกำลังจะตะโกนออกมา

จู่ๆ ปากกลับถูกปิดอีกครั้ง แค่ทันออกเสียง “อือ” เพียงเสียงเดียวเท่านั้น ทั้งตัวถูกคนๆ นั้นพากลิ้งเข้าไปด้านใน

“อือ……ปล่อยมือ! “

“อย่าขยับ! ถ้าขยับอีก ฉันจะฆ่าเธอ! “

จู่ๆ มีดสั้นอันหนึ่งก็ทาบลงตรงเอว จิ่งหนิงยังไม่ได้ตอบสนอง ตรงหน้าก็มีกระแสลมผ่านมา จากนั้นก็ได้ยินเสียงแค่นด้วยความอัดอั้นใจ ตรงหน้าเห็นแต่ท้องฟ้าหมุนวนผืนดินพลิกกลับ ทั้งตัวของเธอถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นและคุ้นเคย

“ปัง! “

มีอะไรบางอย่างถูกขว้างลงบนพื้นอย่างแรง จิ่งหนิงรีบขัดขวางเขา

“ลู่จิ่งเซิน หยุดเถอะ! “

ลู่จิ่งเซินหยุดที่จะลงไม้ลงมือ ใบหน้าเคล้าด้วยความเลือดเย็น

เขาจับแขนของเธอไว้ แล้วสังเกตมองอย่างละเอียดตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่เห็นบาดแผลใดๆ สีหน้าถึงจะค่อยๆ ดีขึ้น

จิ่งหนิงกลับรู้สึกกระวนกระวายอย่างมาก

เธอผลักเขาออก แล้วอยากเดินหน้า ลู่จิ่งเซินกลับดึงเธอไว้

“คุณจะทำอะไร? “

“ลู่จิ่งเซิน เขาไม่ใช่คนเลว! เขาไม่ได้คิดจะทำร้ายฉัน”

จิ่งหนิงอธิบาย ลู่จิ่งเซินกลับไม่เชื่อ สีหน้ายังคงเลือดเย็นจนทำให้คนตกใจ

เขามองคนๆ นั้นที่ถูกเขาเตะบนพื้น คนๆ นั้นขดตัวอยู่ตรงนั้น ในปากอาเจียนเลือดสดออกมา เขามีแต่จะปล่อยลมหายใจออก แต่กลับสูดลมหายใจไม่เข้าตั้งนานแล้ว

จิ่งหนิงทำสีหน้าที่เปลี่ยนไป

ลู่จิ่งเซินเดินหน้า แล้วใช้ขาข้างหนึ่งเหยียบหน้าอกของฝ่ายตรงข้าม แล้วพูดด้วยเสียงเข้ม “พูดมา! แกเป็นใคร? “

คนๆ นั้นเปิดตาขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าถูกเลือดสดที่อาเจียนออกจากปากแปดเปื้อนไปหนึ่งครึ่ง จนมองเห็นหน้าตาไม่ชัดเจน น้ำเสียงแหบพร่าอย่างมาก

เขามองลู่จิ่งเซินเพียงปราดเดียว แล้วมองจิ่งหนิงอีกครั้ง สุดท้าย หัวของเขาจึงเอียงไปด้านหนึ่ง

เขาสลบหมดสติไปจริงๆ

…….

ระหว่างทางกลับ ก็เต็มไปด้วยความเงียบกริบ

จิ่งหนิงนั่งอยู่ตรงข้างเบาะคนขับ ทันใดนั้นก็แอบปรายตามองผู้ชายที่กำลังขับรถอยู่ข้างๆ แล้วก็เหลือบมองคนที่ใกล้ตายอยู่ตรงเบาะด้านหลัง

เธอยื่นมือออกไป แล้วสะกิดเสื้อแขนของเขาเบาๆ

“นี่ คุณอย่าโกรธอีกเลย เขาไม่ใช่คนร้ายจริงๆ เมื่อกี้เขาอยากจะให้ฉันช่วย ไม่ได้คิดจะทำร้ายฉัน”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset