บทนี้ 480 ออกมาปาร์ตี้
เขาถามด้วยเสียงต่ำ เป็นเพียงน้ำเสียงที่ฟังออกว่าเป็นเสียงแหบพร่าที่เพิ่งตื่นนอน
จิ่งหนิงพูด “อืม” ไหนๆ เขาก็ตื่นแล้ว เธอก็คงไม่มีอะไรต้องระมัดระวังอีก
“ฉันอยากดื่มน้ำ”
“อย่าขยับ เดี๋ยวผมไปเทให้คุณเอง”
เขาพูดไป ก็พลิกตัวลุกขึ้น จากนั้นก็ไปเทน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้วโดยเร็ว
จิ่งหนิงรับแก้วไว้ แล้วดื่มไปสองคำ
และในตอนนี้ จู่ๆ ในห้องก็มีเสียงจ๊อกๆ ดังขึ้นสองทีอย่างชัดเจน
หน้าของจิ่งหนิงแดงขึ้นมาทันที
ลู่จิ่งเซินนิ่งงันก่อน แล้วเลิกคิ้วมองเธอด้วยรอยยิ้มต่อ “หิวแล้วหรอ? ”
จิ่งหนิงหน้าแดงทันที แล้วพูดจาอ้ำอึ้ง บอกว่าใช่ก็ไม่ดี บอกไม่ใช่ก็ไม่ดี
สุดท้าย ยังคงพยักหน้าตามความจริง
ลู่จิ่งเซินลูบหัวของเธอ “นั่งอยู่ที่นี่ดีๆ ผมจะไปช่วยคุณทำอะไรมากินหน่อย”
จิ่งหนิงตกตะลึง “คุณจะไปทำอาหารหรอ? ”
“ไม่งั้นล่ะ”
เธอเพิ่งจะสังเกตเห็นว่า ตอนนี้ก็เที่ยงคืนแล้ว ไปกินอาหารข้างนอก ตอนนี้ร้านอาหารก็คงจะปิดไปแล้ว อีกทั้งตอนนี้เธอยังท้องอีก ของกินที่ตลาดโต้รุ่งเธอก็กินไม่ได้
และตอนนี้ก็ไม่มีคนใช้อยู่ในบ้าน ดังนั้นเรื่องทำอาหาร นอกจากลู่จิ่งเซินแล้ว ก็ยังหาคนที่สองไม่ได้จริงๆ
เธอจึงพยักหน้าอย่างเกรงใจ “งั้นก็ได้”
พูดจบก็นิ่งไปสักพัก “ฉันไปเป็นลูกมือคุณเอง! ”
ลู่จิ่งเซินยิ้มอ่อนๆ “รู้สึกว่าคนนั่งอยู่คนเดียวแล้วน่าเบื่อเกินไปก็มาสิ”
จิ่งหนิงรีบเปิดผ้าห่มลุกขึ้น ลู่จิ่งเซินเห็นเธอจะวิ่ง จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วยื่นมือไปเอาเสื้อกันหนาวที่อยู่ข้างๆ ตัวหนึ่งคลุมเรือนร่างของเธอไว้ พร้อมกำชับขึ้นอีกครั้ง “อย่าวิ่งกระโดด ระวังอย่าหกล้มล่ะ”
จิ่งหนิงแลบลิ้น ผู้ชายก็เอาเธอไม่อยู่ แค่แตะจมูกของเธอหนึ่งที
แล้วพูดด้วยความประหม่า “ซนจริง”
ทั้งสองลงไปชั้นล่าง
ลู่จิ่งเซินเดินไปที่ห้องครัวอย่างคุ้นเคย
วันนี้เขาใส่ชุดไหมพรมสีเนื้อ ด้านล่างเป็นกางเกงลำลองสีเทาอ่อน ทั้งตัวที่สวมใส่เสื้อผ้าสบายๆ ในบ้าน ทำให้เขาดูอ่อนโยนกว่าปกติไม่น้อย
จิ่งหนิงเหมือนเป็นหางน้อยๆ ที่อยู่ด้านหลังของเขา ถึงแม้เธอจะทำอาหารเป็น หลังจากที่ตั้งครรภ์ คนในบ้านก็ไม่ให้เธอเข้าครัวอีกเลย
หนึ่งกลัวว่าเธอจะดมน้ำมันและควันไม่ไหว สองก็หวังว่าเธอจะพักผ่อนดีๆ ไม่อนุญาตให้เธอทำอะไรที่ออกแรง
บางครั้งจิ่งหนิงก็ถูกพวกเขาทำให้ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี รู้ว่าพวกเขาเป็นห่วงตัวเอง ก็ทำได้เพียงนิ่งเงียบแล้วเชื่อฟัง แล้วปล่อยตามใจพวกเขา
ลู่จิ่งเซินเอาผักกาดออกมาจากตู้เย็น แล้วเอาไข่สองฟองออกมา พลางเอ่ยถาม “กินหมี่ดีไหม? ”
จิ่งหนิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ดีสิ”
ลู่จิ่งเซินจึงเอาผักกาดใส่เข้าไปในจาน แล้วใช้น้ำแช่ไว้ จากนั้นก็ตีไข่ นิ้วมืออันเรียวยาวจับตะเกียบแล้วตีเบาๆ ดูแล้วก็รู้สึกเจริญหูเจริญตาแล้ว
จิ่งหนิงพิงอยู่ตรงขอบประตู ดวงตาจับจ้องอยู่สักพัก แล้วเอ่ยถาม “มีอะไรที่ฉันช่วยได้ไหม? ”
ลู่จิ่งเซินมองเธอเพียงปราดเดียวด้วยความนิ่งเฉย “คุณดมน้ำมันและควันได้หรอ? ”
ก่อนหน้านี้ เธอมีสองสามวันที่ไม่สามารถดมน้ำมันและควันได้ แค่ดมก็อยากอ้วกแล้ว
จิ่งหนิงสูดลมหายใจเข้าจมูกลึกๆ แล้วเผยยิ้มให้เขา
“วันนี้ยังดี”
ชายหนุ่มทำนัยน์ตาลุ่มลึกเล็กน้อย ภายใต้ดวงตาเผยยิ้มออกมา “งั้นคุณช่วยผมล้างต้นหอมหน่อย”
“ได้
ทั้งสองจึงอยู่ในครัวอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง จิ่งหนิงล้างต้นหอมเสร็จ ลู่จิ่งเซินก็รับไว้แล้วหั่นเป็นท่อนเล็กๆ จากนั้นก็ต้มน้ำ แล้วเอาหมี่ใส่เข้าไป
เธอยืนอยู่ข้างๆ แล้วมองเขาเอาเครื่องปรุงต่างๆ ใส่เข้าไปในถ้วยเล็กๆ มือที่ผ่านศึกสงครามและสังหารคนคู่นั้น ตอนนี้มาหั่นผักกาดก็ดูเจริญตาเป็นพิเศษ ไม่มีความรู้สึกไม่เข้าตาเลยสักนิด
ลู่จิ่งเซินต้มหมี่เสร็จโดนเร็ว
จริงๆ ก็แค่หมี่ที่ใส่ไข่และผักกาดอันจืดชืด ทว่ากลับถูกเขาต้มได้มีน่ากิน
สองมือของเขา หนึ่งมือถือหนึ่งถ้วย แล้วให้จิ่งหนิงเอาตะเกียบ แล้วก็ไปที่ห้องอาหารด้วยกัน
“อืม หอมมาก! ”
จิ่งหนิงหิวอยู่แล้ว ตอนนี้พอได้กลิ่นหอมๆ นี้ ทันใดนั้นก็ถูกดึงดูดจนต้องขยับนิ้วชี้
ลู่จิ่งเซินมองเธออย่างอมยิ้มและรักใคร่เอ็นดู พร้อมพูดด้วยเสียงอ่อนโยนและแผ่วเบา “ชอบก็กินเยอะๆ ”
…….
จิ่งหนิงไม่ได้กินเยอะเกินไป แค่กินถ้วยเล็กๆ ก็วางลงแล้ว
แล้วลูบท้องที่กินอิ่ม และพูดขึ้น “อยากกินของเปรี้ยว”
ลู่จิ่งเซินยิ้มอ่อนๆ แล้วลุกขึ้นเข้าไปในห้องครัว
และตอนออกมา ในมือก็เอาพุทราเปรี้ยวไม่กี่เม็ด
จิ่งหนิงทำนัยน์ตาเป็นประกาย แล้ววิ่งไปช้าๆ “คุณไปเอามาจากไหน? ซื้อตอนไหน? ”
ลู่จิ่งเซินยกมือสูงๆ หลบมือของเธอที่ยื่นมาจับพุทราเปรี้ยว พร้อมพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “กินได้แค่สองเม็ด”
จิ่งหนิงขมวดคิ้ว
“ตอนกลางคืนกินเยอะเกิน ระวังจะทำให้ปวดท้อง”
เธอจึงเบะปากอย่างไม่พอใจ “ฉันรู้แล้ว”
ลู่จิ่งเซินถึงจะเอาพุทราให้เธอ จิ่งหนิงรับไว้แล้วกัดไปหนึ่งคำ
ความเปรี้ยวแทรกซึมเข้าไปในปาก ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะพูดด้วยเสียงดัง “สะใจ! ”
ลู่จิ่งเซินมองเธอเพียงชั่วพริบตา แล้วไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นก็เก็บถ้วยและตะเกียบแล้วไปเอาล้างในห้องครัว
รอให้เขาออกจากห้องครัว จิ่งหนิงก็กินพุทราเปรี้ยวสองเม็ดจนหมดไปแล้ว
ทั้งสองถึงจะกลับขึ้นไปนอนข้างบน
เวลาผ่านไปเร็วมาก แค่พริบตาเดียวก็ผ่านไปสองเดือนแล้ว
ตอนนี้ท้องของจิ่งหนิงโตขึ้นเยอะมาก ทว่าเธอยังต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ด้วยเหตุนี้เลยสามารถเคลื่อนไหวได้ดี
รกในครรภ์เป็นเด็กดีมาก และไม่ได้ก่อกวนเธอเลย ปกติตอนที่ไม่มีอะไรทำ เธอก็จะอ่านหนังสือหรือดูหนังในบ้าน ตอนสุดสัปดาห์และตอนกลางคืนจะไปอยู่กับอานอาน แล้วใช้ชีวิตที่สบายใจ
แค่ประเทศFยังไม่ได้ข่าวคราวสักที คนพวกนั้นที่ลู่จิ่งเซินส่งออกไปก็ไม่ตอบอะไรกลับมาเลย
จูเก่อหลิวเฟิงกลับมีข่าวคราวบ้าง ทว่าก็แค่เป็นเบาะแสที่ไม่ได้ประโยชน์อะไร หลังจากเกิดเรื่องนั้น ฝ่ายตรงข้ามเหมือนจะหายเข้ากลีบเมฆ ทำให้คนเหมือนกำลังงมเข็มใต้มหาสมุทร แล้วหาต้นสายปลายเหตุไม่เจอ
จิ่งหนิงประหม่า ทำได้เพียงปล่อยเรื่องนี้ไว้ก่อน
ไม่นาน ก็ถึงวันเกิดของถังลั่วเหยาแล้ว
จิ่งหนิงคิดว่าเบื่อหน่าย จึงโทรหาเธอ
เรื่องในบริษัทตอนนี้มีเสี่ยวเหอคอยสะสางได้อย่างราบรื่น หลายวันก่อนเธอเพิ่งจะให้เธอเลื่อนขั้นไปเป็นผู้จัดการ ด้วยเหตุนี้เรื่องทางฝั่งถังลั่วเหยา จึงถูกเธอควบคุมดูแลมาตลอด
สายที่โทรไม่นานก็มีคนรับสาย
“ลั่วเหยา ช่วงนี้เธอยุ่งอะไรไหม? ”
“เพิ่งถ่ายละครเสร็จไปหนึ่งเรื่อง กำลังจะพักผ่อน”
“พักผ่อน? ” จิ่งหนิงได้ยิน นัยน์ตาเปล่งประกาย
ช่วงนี้ลู่จิ่งเซินไปทำงานต่างจังหวัด อานอานก็มัวแต่เรียน หัวเหยากำลังเริ่มต้นงานใหม่ แต่ละคนไม่มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนเธอ
เธออยู่บ้าน ถึงแม้จะมีป้าหลิวที่เป็นเพื่อนคุย ทว่ายังไงก็มีขีดจำกัดในการพูดคุย เลยทำให้รู้สึกเบื่อมากจริงๆ
ตอนนี้พอได้ยินถังลั่วเหยาบอกว่าพักผ่อน แล้วจะปล่อยโอกาสนี้ไปได้ยังไง?
“ไปปาร์ตี้ด้วยกันหน่อยไหม? ”
ฝ่ายตรงข้ามตกตะลึง แล้วรีบหัวเราะขึ้น
“ได้สิ ฉันรู้สึกร้านชาบูที่เปิดใหม่พอดีเลย รสชาติไม่เลว อยากจะลองดูหน่อยไหม? ”
“อยาก”
“งั้นฉันจะส่งที่อยู่ในเธอ ตอนเที่ยงเจอกัน”
“ได้”
จิ่งหนิงได้รับข้อความที่เป็นที่อยู่ที่ถังลั่วเหยาส่งมาโดยเร็ว
หลังจากที่แต่งตัวเสร็จ ก็พาโม่หนานออกไปด้วย
ร้านชาบูอยู่ตรงใจกลางเมือง ตอนที่เธอไปถึง ถังลั่วเหยาก็ไปถึงแล้ว
เพราะว่าจิ่งหนิงตั้งครรภ์ ไม่สามารถกินของเผ็ดเกินไป ด้วยเหตุนี้ทั้งสองจึงกินหม้อรูปทรงเป็ดแมนดาริน