บทที่47 การแข่งขันเพื่อรักษาตำแหน่ง
ลู่หยั่นจือ ยื่นข้อเสนอนี้ ถ้าหากแพ้ มันก็เป็นเพียงอีกปีแห่งความพ่ายแพ้เท่านั้น
ถ้าชนะ ไม่เพียงแต่จะสามารถรักษาตำแหน่งไว้ได้ ยังจะสามารถหานักแข่งที่แข็งแกร่งเข้าทีมรถเฮยหม่า ได้อีกด้วย จากนี้ไปอีกห้าปีเป็นอย่างน้อย ก็คงไม่ต้องเป็นห่วงสถานภาพของเฮยหม่า อีก
และหลังจากนั้นห้าปี ด้วยเลือดใหม่และกลุ่มคนที่มีพรสวรรค์ จะสามารถเติมเต็มสิ่งที่ขาดได้ ถึงเวลานั้นจิ่งหนิงจะยังอยู่หรือไปก็ไม่ต้องกังวลอีก
ต้องบอกว่าขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ดนะ!
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้คงจะเป็นการปิดหนทางที่จะถอยกลับของจิ่งหนิงแล้ว
แต่ในเมื่อจิ่งหนิงกล้ามาถึงที่นี่ ดูเหมือนเธอเป็นคนที่กลัวเรื่องต่าง ๆ งั้นเหรอ?
เธอยิ้มและยกมือขึ้น “ได้ ตกลงตามนั้น!”
“ตกลงตามนั้น!”
มือทั้งสองข้างประสานกันกลางอากาศเพื่อเป็นการสรุปข้อตกลงนี้โดยสมบูรณ์
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง สุดท้ายการแข่งขันรอบสุดท้ายก็เริ่มขึ้น
นักแข่งของทั้งสามทีมได้ปรากฏตัวขึ้น เมื่อเห็นนักแข่งจากทีมรถเฮยหม่า ที่ออกมาไม่ใช่ลู่หยั่นจือ แต่เป็นหญิงสาวแปลกหน้าสวมชุดแข่งนั้น ก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้
เธอคือใคร?
ทำไมเธอถึงสวมชุดนักแข่งทีมรถเฮยหม่า ของได้?
ทีมรถเฮยหม่า เปลี่ยนตัวนักแข่งงั้นเหรอ?
จี้หลินยวนดูไม่ออกว่าเป็นจิ่งหนิง และตกตะลึงครู่หนึ่ง
แล้วหน้านิ่วคิ้วขมวด
จิ่งหนิงเดินมาตรงหน้าเขาและโบกมือด้วยรอยยิ้ม “รุ่นพี่จี้ สวัสดีค่ะ ไม่เจอกันตั้งนาน สบายดีนะคะ!”
ด้วยความสัมพันธ์ในสมัยเรียนจี้หลินยวน รู้จักจิ่งหนิงแน่นอนอยู่แล้ว
ไม่เพียงรู้จัก แต่ยังรู้ด้วยว่าเธอเป็นเพื่อนรักของผู้หญิงคนนั้น
เขาเลิกคิ้วแน่นมองไปรอบ ๆ และพูดอย่างเคร่งขรึม: “เธอมาทำอะไรที่นี่?”
จิ่งหนิงยักไหล่ด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “แข่งรถสิคะ!”
สีหน้าของจี้หลินยวน เคร่งขรึมลงทันที
หัวเหยาที่อยู่ไม่ไกลก็สังเกตเห็นจิ่งหนิงเช่นกัน
เธอเบิกตาโพลงอย่างไม่เชื่อสายตา และวิ่งฝ่าฝูงชนเข้ามา
“หนิงหนิง เธอทำอะไรน่ะ? อย่าทำเรื่องวุ่นวาย รีบกลับไปกับฉันเลย!”
หัวเหยารีบจนแทบไม่ไหว พยายามหดตัวและอยากจะดึงตัวของจิ่งหนิงออกมา
จี้หลินยวน เห็นหัวเหยาที่อยู่ตรงหน้า ถึงแม้ว่าเธอจะสวมแมสก์และใส่หมวก อีกทั้งยังหลบอยู่ด้านหลังของจิ่งหนิง แต่แค่แวบเดียวก็จำเธอได้
ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยเย็นชาก่อนจะเย็นชามากกว่าเดิม
จิ่งหนิงแอบจับหัวเหยาและมองไปที่ จี้หลินยวน ด้วยสีหน้าสงบ
“ทำไมคะ? เจอกับฉันโดยไม่คาดฝันแบบนี้? คงจะไม่ได้กลัวฉันจนไม่กล้าจะแข่งกับฉันแล้วนะคะ?”
จี้หลินยวน ส่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา
หันหลังกลับแล้วเดินกลับไป
“พี่จี้ พี่ไปไหนคะ พวกเราจะไม่แข่งแล้วเหรอ?”
จี้หลินยวน พูดขึ้นอย่างเย็นชา: “เธอไม่ได้อยู่ในเฮยหม่า ในเมื่อลู่หยั่นจือ ไม่กล้าโผล่หน้ามา แข่งไปก็เสียเปล่า”
อะไรนะ?
ทุกคนอึ้งไป
จิ่งหนิงขมวดคิ้วแน่นแล้วรีบตะโกนขึ้น: “จี้หลินยวน ใครบอกว่าฉันไม่ใช่คนในทีมเฮยหม่า ? ฉันเป็นสมาชิกชั่วคราวของทีมไม่ได้เหรอ? ว่าแต่คุณหนีออกไปกลางการแข่งขันแบบนี้ ไม่กลัวขายขี้หน้าชาวบ้านเหรอ?”
จี้หลินยวน หยุดก้าวเท้า
เขาหันหน้ากลับมาแล้วมองจิ่งหนิงอย่างเย็นชา
จิ่งหนิงรีบเสริม: “สู้แบบนี้ดีกว่าพวกเรามาพนันกัน ถ้าหากวันนี้ฉันแพ้ จะออกจากการแข่งขันตั้งแต่วันนี้ไป และจะไม่เข้าร่วมลีกแรลลี่ในประเทศอีก ถ้าหากฉันชนะ”
เธอหยุดพูดกลางพลันและลากหัวเหยาไปข้างหน้าทันที
จากนั้นแสดงใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “คุณไปกินข้าวเป็นเพื่อนพี่สาวคนนี้ของฉันหน่อยเป็นไง?”
เมื่อคำพูดนี้ออกไปเสียงหัวเราะและผิวปากดังออกมาจากรอบด้าน
หน้าของหัวเหยาก็แดงเป็นลูกตำลึงในทันใด
เธอก้มหน้าแล้วพยายามใช้หมวกปิดหน้าของตัวเองไว้แล้วกระซิบเบา ๆ: “หนิงหนิง ฉันไม่ไปกินข้าวกับเขานะ เลิกพูดเถอะ พวกเราไปเถอะ!”
จิ่งหนิงกัดฟันแล้วกระซิบ: “เธอช่วยทำให้ฉันมีอนาคตหน่อยได้ไหม? มีโอกาสกินข้าวตั้งมื้อ ดีกว่าแฝงตัวแอบดูเขาอยู่ในกลุ่มแฟนคลับไปวัน ๆ อยู่แล้ว ถ้าโชคดีเกิดปิ๊งกันขึ้นมา เธอจะได้บรรลุความปรารถนาอันยาวนานเสียทีไง”
หัวเหยาสีหน้าเปลี่ยน
ใบหน้าของเธอซีดเซียวราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง
และสมาชิกทีมเฮยหม่า ที่อยู่ด้านหลังก็เกิดอาการนั่งไม่ติดเมื่อได้ยินว่าเรื่องจะต้องออกจากการแข่งขันนับจากนี้ไป
มีบางคนเดินเข้ามาแล้วคิดจะห้ามไว้แต่ลู่หยั่นจือ ก็ปรามไว้
เขามองไปที่ด้านหลังของจิ่งหนิงและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ต้องเชื่อใจ ฉันเชื่อว่าเธอจะไม่เอาอนาคตของทีมมาล้อเล่นแน่”
กลุ่มสมาชิกจึงทำได้เพียงแต่ยินยอมแม้ไม่เต็มใจ และถอยกลับไป
อีกด้านหนึ่ง จี้หลินยวน ได้ยินสิ่งที่จิ่งหนิงพูดแล้วมองไปที่หัวเหยาที่ยืนอยู่ด้านหลังของเธอ
เขามีใบหน้าเย็นชา คิ้วร้ายที่มีความประชดประชันแฝงอยู่อย่างพูดไม่ถูกแล้วกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา
“คุณอยากกินข้าวกับผมเหรอ?”
หัวเหยาสั่นเล็กน้อย
จิ่งหนิงไม่สังเกตอาการที่ผิดปกติไปของเธอ เธอจึงดึงมือแล้วกระซิบเบา ๆ: “พี่คะ ช่วงเวลาสำคัญ อย่าหงอสิ!”
หัวเหยาจึงเงยหน้าขึ้น
เธอมองผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงข้ามเธอ
ชุดนักแข่งสีน้ำเงินเข้มขับกับส่วนสูงและรูปร่างผอมเพรียว แต่คิ้วของเขาขมวดมุ่นทำให้รู้สึกถึงความเย็นชาและเอาแต่ใจ
เธอเม้มปาก
ครู่หนึ่ง สุดท้ายเธอก็ใช้ความกล้าที่มี ยืนตรงแล้วพูดออกมาเสียงดัง: “ใช่แล้วไง? นะ…นายว่าไง! กล้ารึเปล่าล่ะ?”
ถึงแม้ว่าเธอจะรวบรวมความกล้า แต่สุดท้ายก็ยังใจสั่น พูดตะกุกตะกัก ตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหว
จี้หลินยวน นั้นกลับรู้สึกเหมือนกำลังได้ยินคำพูดที่ตลกมาก ๆ
ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา แล้วส่งสายตาเย้ยหยันไปที่หัวเหยาแล้วไม่สนใจเธออีก กอดหมวกกันน็อคแล้วเดินตรงไปที่รถของเขา
นั่นหมายความว่าเขาตกลงแล้ว
ทันใดคนรอบข้างส่งเสียงกึกก้องอีกครั้ง
ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะใส่แมกส์และสวมหมวก แต่ลำพังเพียงเห็นดวงตาคู่นั้นและรูปร่างที่ดูดีจินตนาการได้ไม่ยากว่าใบหน้าภายใต้แมสก์นั้นจะต้องสวยมากแน่นอน
ในสนามแข่ง มันคือการแข่งขันของฮอร์โมน
และหญิงสาวก็เปรียบเสมือนรถสมรรถนะเยี่ยมที่ชายหนุ่มปรารถนาจะพิชิตมากที่สุด
หัวเหยาจับมือของจิ่งหนิงแน่น ตัวเธอสั่นเทาจนแทบทนไม่ไหวด้วยความตื่นเต้น
จนกระทั่งชายคนนั้นเข้ามาใกล้ เสียงทุ้มต่ำและเยือกเย็นดังมาจากเหนือหัวของเขาเบา ๆ
“เธอไม่มีวันจะมีโอกาสแบบนี้อีก!”
สีหน้าจองเธอซีดขาวในทันใด
ในสนามนั้นเสียงดังและมีเสียงโหวกเหวก ส่วนเขานั้นพูดออกมาอย่างแผ่วเบา ดังนั้นนอกจากหัวเหยาแล้ว จึงไม่มีใครได้ยิน
นี่รวมถึงจิ่งหนิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วย เธอไม่รู้ว่าชายหนุ่มที่เพิ่งเดินผ่านไปนั้นพูดอะไรออกมา
เมื่อเห็นสีหน้าของเธอไม่ปกติ จิ่งหนิงจึงถามด้วยความเป็นห่วง “พี่เป็นอะไร? ไม่เป็นไรนะ?”
หัวเหยาส่ายหน้า
“ฉะ…ฉันไม่เป็นไร หนิงหนิง เธอไม่เคยแข่งรถมาก่อน ไม่มีปัญหาแน่นะ?”
เธอดูกังวล
จิ่งหนิงยิ้มแล้วตบบ่าเธอ
“ไม่ต้องห่วง พี่แค่เป็นเด็กดีรอกินข้าวใต้แสงเทียนกับเจ้าชายของพี่ก็พอ!”
พูดจบ เธอก็สะบัดผมด้วยความมั่นใจแล้วสวมหมวกกันน็อคแล้วตรงไปที่รถของตัวเอง
ต่างคนต่างเข้าประจำที่ของตัวเอง เมื่อเสียงนกหวีดดังการแข่งขันก็เริ่มขึ้น
รถทั้งสามออกตัวพร้อมกัน จี้หลินยวน นำขึ้นเป็นที่หนึ่ง
จิ่งหนิงตามไปข้างหลังอย่างต่อเนื่อง เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วและสวยงามผ่านอุปสรรคมากมาย ตามติดรถคันข้างหน้า
อันดับสามถูกทั้งสองเขี่ยทิ้งอย่างรวดเร็ว จี้หลินยวน ขมวดคิ้วเมื่อเห็นรถคันที่ตามมาผ่านกระจกมองหลัง