บทที่ 482 การแต่งงานตามสัญญา
พอเข้าไป ก็เป็นแปลงปลูกดอกไม้ที่ทั้งใหญ่ทั้งสวย
ดอกไม้ในสวนสีสันสดใส มากมายหลากหลาย แม้ว่าจะเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ความสวยงามก็ไม่ลดน้อยลงเลย ยังมีกลิ่นอายความสวยงามอยู่บางๆ
เหยียบบนทางเดินหินเพื่อเดินทะลุผ่านแปลงดอกไม้ไป เข้าไปประตูที่สอง ถึงเห็นสวนหย่อมด้านใน ทะลุผ่านเข้าไปอีก ถึงเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่
ห้องโถงใหญ่มาก ออกจะเป็นแนวจีนๆ โต๊ะเก้าอี้สีน้ำตาลแดงของต้นแพร์ ไม้จันทร์หอมวางอยู่ข้างบน มีควันอ่อนลอยไปตามลม ราวกับแดนสวรรค์
บนเก้าอี้มีชายชราที่ผมและหนวดเคราเป็นสีขาวทั้งหมดนั่งอยู่ หลับตาเอนกายอยู่บนเก้าอี้ กำลังดมกลิ่นหอม
อาจเพราะได้ยินเสียงเท้า เขาไม่ได้ลืมตาขึ้น แต่พูดเบาๆว่า “ตงหลัย ใครมาหรอ?”
พ่อบ้านรีบตอบทันทีว่า “คุณท่าน คุณชายและคุณหญิงมาครับ”
ตอนนี้ชายชราถึงลืมตาขึ้น มองไปที่ชายหนุ่มที่ยืนห่างออกไปไม่กี่เมตร หลับตาอีกครั้ง และพูดว่า “เป็นฉู่ยี่นี่เองที่มา”
ชายหนุ่มก้าวมาข้างหน้า โค้งตัวลงไปเล็กน้อยตรงหน้าชายชรา “คุณปู่”
ชายชราโบกมือ “พ่อนายอยู่ที่ริมบ้าน ไปหาเขาเถอะ!”
ฉู่ยี่พยักหน้า ในตอนที่จะพาถังลั่วเหยาเดินออกไปข้างนอก
จู่ๆชายชราก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
นั่นเป็นดวงตาที่แก่แล้ว แต่สายตากลับเฉียบคม ด้วยความเข้าใจโลกทั้งหมด
ถังลั่วเหยาหลบตาลงเล็กน้อย ไม่ได้สบตากับเขา ดึงแขนของฉู่ยี่ออกไป
ทัศนียภาพของตรงลานบ้านดีเหมือนแต่ก่อนทุกประการ ชายหนุ่ยวัยกลางรีบเดินออกมาจากกลุ่มคนติดตาม เดินไปและก็พูดคุยอะไรไปด้วย
ชายผู้เป็นหัวหน้าและฉู่ยี่มีหลายจุดที่คล้ายกัน ทั้งสองคนหยุดยืน พูดออกมาพร้อมกันว่า “พ่อ”
ชายหนุ่มหยุดฝีเท้า มองมาที่พวกเขา ยิ้มอย่างอบอุ่นและพูดว่า “กลับมาแล้ว เข้าไปพักในห้องก่อนเถอะ เดี๋ยวลุงจูเก่อก็มาถึงแล้ว เดี๋ยวพ่อคุยธุระกับลุงก่อน”
ฉู่ยี่พยักหน้า พาถังลั่วเหยาเดินสวนออกมา หลีกทางให้พวกเขา ไม่นานคนกลุ่มหนึ่งก็เดินไปไกลแล้ว
ไม่ต้องคบค้าสมาคมกับผู้มาเยือน ฉู่ยี่ดีใจเป็นเอามาก ห่างออกมาจากคนจำนวนมาก มือของทั้งสองคนที่เดิมทีจูงกันอยู่แต่ก็ปล่อยออกทันที
ฉู่ยี่มองไปที่เธออย่างขำๆ พูดอย่างใคร่ครวญว่า “คุณไม่ยอมแกล้งทำมากเกินความจำเป็นแม้แต่นิดเดียว แค่จูงมือผมนี่มันทำให้คุณลำบากใจ? อยากจะสะบัดออกไปเร็วๆ?
ถังลั่วเหยามองค้อนกลับไป พูดอย่างเย็นชาว่า “ถ้าหากว่าคุณสามารถทำสิ่งที่สัญญาไว้ได้เร็ว พวกเราก็จะได้ไม่ต้องมองหน้ากันแล้วรู้สึกรำคาญ”
“เหอะ!”
หัวเราะออกมาเบาๆ ชายคนนั้นเดินเข้ามาอย่างเอ้อระเหย พูดลอยๆออกมาว่า “ใครบอกว่าผมรำคาญคุณ? ผมเคยพูดหรอ?”
ถังลั่วเหยาขมวดคิ้ว บนใบหน้าที่สวยงามมองไม่เห็นความอ่อนโยนเหมือนเมื่อก่อนแม้แต่น้อย ก้าวตามไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆว่า “ฉันจะเตือนคุณนะ อย่างมาล้อเล่นอะไรแบบนี้! ไม่อย่างนั้น……”
“ไม่อย่างนั้นคุณจะทำไม?”
จู่ๆเขาก็หยุดเดิน หันกลับมามองเธอ
ถังลั่วเหยาไม่ทันสังเกต ปลายจมูกเกือบจะชนกับหลังเขา รีบถอยหลังไปสองก้าว รักษาระยะห่าง
ดวงตาสวยงามคู่นั้นจ้องมองไปที่เขาอย่างระมัดระวัง
ฉู่ยี่ยักไหล่ หมุนตัวเดินต่อไป
“นี่ คืนนี้ พวกเราไม่ได้ต้องอยู่ที่นี่ใช่ไหม?”
ฉู่ยี่พูดเบาๆว่า “ ซื่อจิ่นเหาถิง เป็นสถานที่ที่คนมากมายฝันอยากจะเข้ามาอยู่ ทำไม? คุณไม่อยากอยู่?”
ถังลั่วเหยารีบก้าวไปขวางข้างหน้าตัวเขาไว้ “ฉู่ยี่ คุณจะพูดแบบนี้ไม่ได้ ก่อนหน้านี้พวกเราตกลงกันไว้แล้ว ช่วยเหลือกันและกัน เลือกสิ่งที่ตัวเองต้องการ ฉันจะไม่ยอมกลับมาอยู่กับคุณอีก”
ฉู่ยี่หันกลับมามองเธออย่างเหนือกว่า
อวัยวะทั้งหมดบนใบหน้าของเข้างดงามมากจริงๆ มีมิติลึกจนไม่เหมือนคนจริงๆ แต่กลับเหมือนรูปปั้นประติมากรรมของฝั่งตะวันตกในสมัยโบราณ
แสงแดดส่องมาจากทางด้านข้างของเขา เคลือบผิวของเขาอีกครั้งจนขาวสว่างไปหมด
ดวงตาสีฟ้าอ่อนคู่นั้น มีรอยยิ้มบางๆ เหมือนเยาะเย้ย และยังเหมือนแสดงสีหน้าออกมาเรียบๆ ไม่มีความรู้สึกอะไร
“คุณก็พูดอยู่ ช่วยเหลือกันและกัน หรือว่าการที่คืนนี้อยู่ที่นี่ ไม่นับเป็นหนึ่งในการช่วยเหลือกันและกัน”
ถังลั่วเหยาชะงักไป พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
ฉู่ยี่ เม้มปากอย่างเยาะเย้ย สองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง พูดเบาๆว่า “คุณผู้หญิงถัง ตามสัญญา วันนี้คุณควรจะร่วมมือกับผมทำภารกิจให้เสร็จ อย่างนี้จะค่อนข้างดีกับพวกเราทั้งคู่ เข้าใจไหม?”
ถังลั่วเหยาขมวดคิ้ว กัดฟันพูดว่า “แล้วเรื่องของฉันหล่ะ? คุณรับปากฉันแล้ว เมื่อไหร่จะทำได้สักที?”
ดวงตาของชายหนุ่มหรี่ลง ตอบเบาๆว่า “เรื่องมันผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว การจะตรวจสอบจะต้องใช้เวลาสักพัก ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น คุณก็คงไม่มาหาผมให้ช่วยเรื่องนี้ ใช่ไหม?”
ถังลั่วเหยารู้ว่าที่เขาพูดนั้นมีเหตุผล แต่คำพูดนั้นที่ออกมาจากปากผู้ชายคนนี้ มักจะทำให้คนรู้สึกไม่ยอมใจ
เพราะท่าทีของเขาเมินเฉยเกินไป เมินเฉยจนเหมือนกับไม่ได้ใส่ใจเรื่องของเธอด้วยซ้ำ
ชัดเจนว่าเป็นการทำธุรกิจร่วมกัน เหมือนว่าทุกวันนี้เหตุการณ์ทั้งหมดมีแค่เธอที่ร่วมมือกับเขา แต่ทางด้านของเขาไม่ได้รับอะไรมาสักอย่าง
เธอกัดฟันกรอด ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นๆว่า “ฉันไม่สนใจ แม้ว่าคุณจะหาผลลัพธ์ไม่ได้ชั่วคราว แต่ก็ควรจะมีข่าวอะไรบ้าง ฉันให้เวลาคุณอีกครึ่งเดือน ถ้ายังไม่มีข่าวคราวอะไร สัญญาของเราจะยุติลงทันที ฉันเชื่อว่าบนโลกใบนี้คงไม่ได้มีคุณคนเดียวที่มีความสามารถในด้านนี้”
เธอพูดจบ หมุนตัวและเดินออกอย่างหายใจไม่ทัน
บนในหน้าของฉู่ยี่ ยังคงไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เหมือนกับว่าคำพูดโหดร้ายเหล่านั้นที่เธอเพิ่งพูดไป ฟังในหูของเขาแล้ว เป็นเพียงแค่การพูดโมโหของเด็กผู้หญิง
หกโมงเย็น ทีมรถแล่นเข้ามาคฤหาสน์ซื่อจิ่นเหาถิง
ฉู่ยี่กับคนตระกูลฉู่ต่างยืนอยู่หน้าบ้าน ต้อนรับการมาของฝ่ายตรงข้าม
คนที่ลงมาจากรถก่อนคือบอดี้การ์ดที่สวมชุดสูทสีดำสองสามคน
หลังจากประตูของรถคันที่อยู่ตรงกลางเปิดออก จูเก่อหลิวเฟิงก็เดินลงมาจากรถ
วันนี้เขาสวมชุดสูทสีขาว ปัดผมไปข้างหลังอย่างจงใจ แสดงความสง่าและอ่อนโยนออกมาทั้งตัว
คนที่อยู่ในวิลล่ากลุ่มนึงรีบไปต้อนรับ
“ท่านจูเก่อ ในที่สุดท่านก็มาแล้ว”
“คุณลุงจูเก่อ!”
ถังลั่วเหยาถูกฉู่ยี่ที่อยู่ข้างๆ ดันแขนลงไป เขาถึงเรียกออกไปอย่างไม่เต็มใจ “สวัสดีค่ะคุณท่าน”
จูเก่อหลิวเฟิงหัวเราะเบาๆ กวาดสายตาจากใบหน้าของพวกเขา ไปหยุดที่ใบหน้าของถังลั่วเหยา
สายตาเกิดความสงสัยเล็กน้อย และถามว่า “คนนี้คือ……”
“นี่คือภรรยาของฉู่ยี่ครับ ชื่อถังลั่วเหยา”
“อ้อ?พวกคุณเป็น……คู่สามีภรรยา?”
เขาดูเหมือนประหลาดใจมาก แม้แต่น้ำเสียงยังสูงขึ้นเล็กน้อย
จู่เก่อตลอดจนคนอื่นในวิลล่าล้วนชะงักไป ไม่สามารถหาคำตอบให้กับความประหลาดใจของเขาได้
ถังลั่วเหยาหลบตาลง ไม่สบตากับจูเก่อหลิวเฟิง
จู่เก่อหลิวเฟิงหัวเราะขึ้นมาเบาๆ “ดี ดีมาก”
เขาไม่ได้พูดอะไรอีก ไม่นานคนกลุ่มนี้ก็เข้าไป