บทที่ 496 ปล่อยเธอไปเถอะ
นี่เป็นการโจมตีส้งเจียเจียที่เพิ่งเคยมีความรักครั้งแรกอย่างน่าโหดร้ายมาก
แต่เฟิงยี่แทบไม่สนใจเลยสักนิดเดียว
สำหรับเขาแล้ว หากเป็นผู้หญิงที่เขาไม่สนใจ เขาจะไม่เหลือความปรานีให้เลย
ถ้าหากส้งเจียเจียไม่รนหาที่ตายตั้งแต่ต้น เขาคงเห็นแก่ท่าทางที่เชื่อฟังและอ่อนโยนของเธอไม่ไปหาเรื่อง แต่……
เห่อ ส้งเจียเจียคิดว่าเขาเฟิงยี่เป็นใครกัน ถึงสามารถตบหน้าแบบนี้ได้?
เขาสามารถอดทนถังลั่วเหยาได้ เพราะเธอเป็นคนรักสุดหัวใจของเขา เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขายอมรับ
แต่ส้งเจียเจียคิดว่าตัวเองเป็นใครหรอ? คิดว่าตบหน้าเขาแล้ว เขาจะยอมหยุดหรอ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฟิงยี่ก็รู้สึกน่าขำมาก
แต่สิ่งที่เขาไม่รู้นั้นก็คือ ตอนที่ถังลั่วเหยาได้ยินแบบก็ถึงกับสะดุ้งตกใจ
ที่แท้ตัวเองไม่ใช่ผู้หญิงเพียงคนเดียวของเขาหรอ…..
ถังลั่วเหยาเผยสายตามืดครึ้มขึ้น โดยไม่พูดอะไรสักอย่าง
เธอไม่ได้สนใจเรื่องนี้ไปทั้งหมด เพราะสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือเธอไม่สามารถไปสนใจเรื่องนี้ได้
เหตุการณ์ตกอยู่ในสภาวะตึงเครียดแล้ว
ไม่มีใครกล้าเข้ามาห้ามปรามเฟิงยี่ ทั้งที่ทั้งสี่คนก็ไม่มีท่าทีจะทะเลาะกันอีก
คนนอกไม่กล้าเข้ามาขัดจังหวะ เพราะกลัวเฟิงยี่โมโห ส่วนที่คนในไม่ทะเลาะกันอีก เพราะไม่รู้ควรพูดอะไรแล้ว
สุดท้าย คนที่ทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัดนี้ก็คือเฟิงยี่
เขาจัดระเบียบแขนเสื้อพลาง และหันหลังเดินยิ้มมาหาฉู่ยี่พลาง : “ผมให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย ปล่อยเธอไป แล้วผมจะมอบความเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่มีที่สิ้นสุดให้กับคุณ แต่ถ้าหากคุณปฏิเสธ ผมจะฝังดินทั้งตระกูลฉู่เป็นเพื่อนคุณ”
ถังลั่วเหยาและฉู่ยี่เผยสีหน้าขาวซีดทันที
ในที่สุดถังลั่วเหยาก็ทนไม่ไหว
“เฟิงยี่ ทำไมนายต้องทำแบบนี้กับฉันด้วย? ปล่อยฉันไปเถอะนะ” ถังลั่วเหยากินริมฝีปากเล็กน้อย และแสดงท่าทางอ่อนโยนขึ้น “ขอร้องนายละ ปล่อยฉันไปเถอะนะ”
เฟิงยี่ถูกคำว่า”ขอร้อง”สติหลุดจนดึงสติกลับมาไม่ได้
เขากับถังลั่วเหยาเป็นรักแรกกันสิบปี ดังนั้นจึงรู้ว่าเธอเป็นคนเข้มแข็งมากแค่ไหน
แต่ตอนนี้ คำว่า”ขอร้อง”ที่เธอพูดออกมานั้น เพียงเพราะต้องการให้เขาปล่อยเธอไป เพื่อให้เธอแต่งงานกับฉู่ยี่
เห่อ แล้วเขาจะเป็นยังไง?
“เขาดีมากขนาดนั้นเลยหรอ?” จู่ๆเฟิงยี่ก็พูดด้วยน้ำเสียงปกติขึ้น จนทำให้ถังลั่วเหยาเริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจ
ถังลั่วเหยาเริ่มรู้สึกหวั่นไหว ไม่ใช่ เธอแค่ไม่อยากให้เขาเห็นความน่าสมเพชของตัวเองเท่านั้น
แต่เธอกลับพยักหน้าเล็กน้อย
“ใช่” ถังลั่วเหยาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบามาก จนทำให้คนที่อยู่ห่างไกลแทบไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูดเลย
แต่เฟิงยี่กลับรอคอยคำตอบของถังลั่วเหยาตลอด ในตอนนี้เขาเพ่งเล็งความสนใจที่คำตอบของเธอ
แต่เขากลับรอคอยได้คำตอบแบบนี้
เฟิงยี่รู้สึกว่าเลือดทั้งร่างกายของตัวเองแข็งตัวหมดแล้ว
จู่ๆเขาก็หัวเราะขึ้น จากเสียงเบากลายเป็นดังสนั่นทั้งในงาน
เสียงหัวเราะนี้ทำให้ถังลั่วเหยารู้สึกกระวนกระวายใจมาก
เธออยากเดินเข้าไปโอบกอดเขามาก บอกเขาว่า อันที่จริงแล้วเธอรักเขา เธอไม่อยากแต่งงานกับฉู่ยี่
แต่เธอรู้ตัวดีว่าเธอไม่สามารถทำแบบนี้ได้
เธอทำได้เพียงโอบกอดฉู่ยี่ในอ้อมกอดของตัวเองอย่างแน่น โดยไม่ปล่อยมือออก
ฉู่ยี่สัมผัสถึงอ้อมแขนที่แน่นของถังลั่วเหยา ในใจรู้สึกละอายใจและประทับใจมาก
เขาเงยหน้าขึ้นจ้องมองดวงตา แต่มองไม่เห็นอารมณ์ทางสายตาของถังลั่วเหยาเลย
ฉู่ยี่รู้สึกว่าเขาไม่เคยมีช่วงเวลานั้นเลย นั้นคือรักเธอมากในตอนนี้
“ลั่วเหยา ผมจะปฏิบัติต่อคุณอย่างดี ผมจะทำให้คุณมีความสุขให้ได้” ฉู่ยี่กุมมือของถังลั่วเหยาไว้ พร้อมพูดสัญญาด้วยความหนักแน่น
ถังลั่วเหยาฝืนยิ้มออกมา โดยไม่พูดอะไร
ถ้าหากเป็นไปได้ เธอไม่อยากแต่งงานกับฉู่ยี่เลย และไม่อยากทำแบบนี้กับเฟิงยี่ด้วย
แต่เมื่อนึกถึงพ่อเลี้ยงที่คอยสูบเลือดสูบเนื้อ ถังลั่วเหยาก็ฝืนใจไม่คิดถึงเฟิงยี่
เธอไม่เหมาะสมกับเขา ไม่ใช่หรอ?
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมต้องทำให้เขาเสียเวลาด้วย?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ถังลั่วเหยาก็รู้สึกดีขึ้นมาก
แต่เฟิงยี่ไม่รู้ว่าในใจของเธอคิดอะไรอยู่
เฟิงยี่ในตอนนี้รู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นตัวตลก
เขาทุ่มเทมากแค่ไหน ยอมแลกมากแค่ไหนที่ต้องการแยกพวกเขาจากกัน แต่พวกเขากลับรักและกลมเกลียวกันต่อหน้าแบบนี้
ช่างน่าขำยิ่งนัก ไม่ใช่หรอ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฟิงยี่ก็ยิ้มอย่างประชดประชันขึ้น
เขาจ้องมองสองคนตรงนั้นด้วยสายตาอาฆาต โดยไม่พูดอะไรสักอย่าง
เมื่อถังลั่วเหยาเห็นเฟิงยี่จากไปก็รู้สึกโล่งใจขึ้น
แต่สิ่งที่เธอมีคือความเป็นห่วง
แต่เธอไม่ได้เอาความรู้สึกนี้พูดออกมา แต่ช่วยประคองฉู่ยี่เดินออกจากงาน
ส้งเจียเจียจ้องมองร่างเงาของทั้งสองคนด้วยสายตาเคียดแค้น
“ถังลั่วเหยา เธอต้องชดใช้ให้ฉันอย่างสาสม!”
ถังลั่วเหยาไม่ได้ยินคำพูดในใจของส้งเจียเจีย
ในตอนนี้เธอพาฉู่ยี่ส่งที่รถยนต์ของเขา แล้วแสดงสีหน้าสับสนเดินจากเขาไป
ฉู่ยี่ไม่ได้สนใจพฤติกรรมผิดปกติของถังลั่นเหยา
เขาคิดว่าถังลั่วเหยาผ่านอะไรมามากเลย เลยอารมณ์ไม่ค่อยดี
แต่ไม่รู้เลยว่า ถังลั่วเหยากำลังเป็นห่วงเฟิงยี่อยู่
นับตั้งแต่เฟิงยี่จากไป เธอก็เอาแต่คิดว่าเขาจะเป็นยังไงบ้าง และคิดทำเรื่องที่อันตรายหรือเปล่า
เธอไม่สามารถไม่สนใจได้
อันที่จริงเธอกับฉู่ยี่เป็นการแต่งงานตามข้อตกลง เขามอบอิทธิพลต่อเธอ ส่วนเธอช่วยเขาสกัดกั้นความกดดันจากพ่อแม่ของเขา
เส้นทางเริ่มต้นการแต่งงานเดิมทีก็เป็นธุรกิจผลประโยชน์ซึ่งกันและกันอยู่แล้ว
สิ่งเดียวที่เปลี่ยนใจถังลั่วเหยาคือฉู่ยี่ชอบเธอมากจริงๆ และปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี
ด้วยเหตุนี้ถังลั่วเหยาจึงเริ่มเกิดความรู้สึกดีต่อเขา
แต่เป็นแค่ความรู้สึกดีเท่านั้น
เพราะความจริงแล้วถังลั่วเหยายังรักเฟิงยี่อยู่
เธอคงคาดเดาออกว่าวันนี้ได้ทำร้ายเฟิงยี่เจ็บปวดมากแค่ไหน ดังนั้นเลยเป็นห่วงว่าเขาจะไม่โอเค
ด้วยเหตุนี้ถังลั่วเหยาจึงรู้สึกสับสนความรู้สึกที่มีต่อเฟิงยี่
ตอนที่เธอเดินเล่นบนถนนนั้น จู่ๆถังลั่วเหยาก็ได้ยินเสียงบีบแตร่รถยนต์จากข้างหลัง
เธอหันหน้ามองรถยนต์คันนั้น และพบว่ามีคนนั่งอยู่เพียงคนเดียว
คนๆนั้นเธอคุ้นเคยเป็นอย่างมาก ไม่ใช่คนอื่นที่ไหน แต่เป็นเฟิงยี่
ถังลั่วเหยานิ่งอึ้ง
เธอไม่รู้ว่าเฟิงยี่ปรากฏตัวที่นี่จะทำอะไร
แต่ถังลั่วเหยารู้สึกว่ามีลางสังหรณ์ไม่ดี
เพราะลางสังหรณ์ไม่ดีนี้ เธอจึงรีบวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจรองเท้าส้นสูงของตัวเอง
แต่ความเร็วของเธอยังคงช้ากว่ารถยนต์มาก
ไม่นานถังลั่วเหยาก็ถูกเฟิงยี่ขับรถตามทัน
รถยนต์จอดข้างถังลั่วเหยาอย่างมั่นคง
ถังลั่วเหยาไม่ได้หนีต่อ เธอรู้ว่าตัวเองหนีไม่พ้น
“ตกลงคุณจะทำอะไรหรอ?” ถังลั่วเหยาหันหน้ามองเฟิงยี่
เฟิงยี่เดินลงจากรถ แล้วเดินเข้ามาหาถังลั่วเหยาอย่างโซซัดโซเซ
กลิ่นคาวเหล้าอันหนาแน่นฟุ้งเข้าในจมูกของถังลั่วเหยาอย่างกะทันหัน
เธอขมวดคิ้วมองเฟิงยี่ : “คุณดื่มเหล้ามาหรอ?”
เฟิงยี่ไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่จู่ๆก็คว้ามือจับมือของถังลั่วเหยา แล้วดึงเธอเข้ามาโอบกอดอย่างแน่น : “ไปกับผม”
ถังลั่วเหยาเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้น
เธอพยายามขัดขืนเฟิงยี่ เพื่อต้องการให้เขาปล่อยตัวเอง
แต่เธอทำไม่สำเร็จ