บทที่ 507 ดอกไม้งาม
ค่ำคืนอันเงียบสงบไม่มีแม้แต่ฝัน
เช้าวันต่อมา เมื่อถังลั่วเหยาตื่นขึ้นเธอก็รู้สึกได้ว่าใบหน้าของเธอมีคราบน้ำตา
ถังลั่วเหยาไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้ไปได้
เธอรู้แต่ว่าเธอนั้นเหนื่อย เหนื่อยมากจริงๆ เหนื่อยเสียจนกายใจก็เริ่มล้า
แต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือก
สิ่งที่เธอทำได้ก็คือปรากฏตัวด้วยท่าทางอันสดใสต่อหน้าทุกคน จากนั้นพยายามทำท่าทางให้เหมือนกับเทพธิดามากที่สุดต่อหน้าคนอื่น
หลังจากที่เธอแต่งหน้าเรียบร้อยแล้ว เดิมที ผู้หญิงที่ใบหน้าซีดเซียวในกระจกก็กลายเป็นหญิงสาวที่งดงามได้ในพริบตา
ถังลั่วเหยาเผยอมุมปากหัวเราะเยาะตัวเอง เธอไม่รู้ว่าควรจะประหลาดใจกับความมหัศจรรย์ในการแต่งหน้าดี หรือควรที่จะเยาะเย้ยท่าทางอันหอยเหี่ยวก่อนหน้านี้ของเธอดี
หลังจากใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วถังลั่วเหยาก็เดินลงไปด้านล่าง และขึ้นนั่งรถพี่เลี้ยงที่ทางบริษัทจัดเตรียมไว้ให้เธอไปยังกองถ่าย
ตลอดระยะเวลาเดินทาง ซูหงมองไปยังถังลั่วเหยาอย่างเงียบๆ ในใจของเธอรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา
เธอได้ยินมาว่าเมื่อวานนี้ในวันเปิดกองถังลั่วเหยาได้พบกับเรื่องที่อึดอัดใจ
และเธอก็รู้ดีว่าตนจำเวลาเปิดกองผิดไป
แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ซูหงไม่เข้าใจเสียจริง
นี่เป็นเวลาที่เลขาของหลิวหมิงส่งให้กับเธอจะผิดพลาดไปได้อย่างไร?
แต่ไม่มีใครตอบคำถามนี้ของเธอ
นับตั้งแต่เมื่อวานจนวันนี้ ซูหงถามมาหลายต่อหลายครั้ง
แต่ใครก็ตามที่รู้เรื่องนี้ ก็ล้วนทำสีหน้าลึกลับอย่างบอกไม่ถูก
ไม่ว่าซูหงจะพยายามไปสอบถามเรื่องนี้อย่างไร ก็ไม่มีใครให้คำตอบชัดเจนกับเธอได้
สิ่งนี้ทำให้ซูหงเริ่มคิดถึงปัญหาดังกล่าว
ลั่วเหยา คงไปทำอะไรให้ใครขุ่นเคืองเข้า
ใช่แล้ว! ลั่วเหยาต้องทำให้ใครขุ่นเคืองแน่ คนคนนั้นคงเป็นคนที่ใหญ่โตและมีอำนาจการพูดในกองถ่ายของหลิวหมิง
แต่ซูหงไม่รู้ว่าเขาคนนั้นเป็นใคร
นิสัยของถังลั่วเหยานั้นค่อนข้างรักสงบ เธอไม่ชอบมีปัญหากับใคร และปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความ อ้อมอารีมาเสมอ
ต้องยอมรับว่าศัตรูของถังลั่วเหยานั้น หากเปรียบเทียบกับดาราในระดับเดียวกันก็น้อยเสียจนแทบนับนิ้วได้
จากสถานการณ์อย่างนี้ ถังลั่วเหยาจะไปทำให้ใครขุ่นเคืองกันจึงได้ทำเรื่องเกินเหตุขณะนี้?
เรื่องนี้ซูหงไม่อาจอธิบายได้จริงๆ
เนื่องจากบุคคลที่ถังลั่วเหยามีปัญหาด้วยตอนนี้ มีเพียงแค่ส้งเจียเจียเท่านั้น
ส้งเจียเจียอย่างนั้นเหรอ?
เมื่อนึกถึงผู้หญิงคนนั้น ซูหงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาด้วยความเยาะเย้ย
เธอไม่นึกถึงส้งเจียเจียได้ยังไง!
ใช่แล้วส้งเจียเจีย!!!
ซูหงอยากจะตบหน้าตัวเองสุดๆ
เธอลืมส้งเจียเจียคนนี้ไปได้อย่างไร?
หลิวหมิงเป็นน้าของส้งเจียเจีย และหากว่าเธอต้องการจะจัดการถังลั่วเหยาเพียงแค่พูดออกมาคำเดียวเท่านั้น
ต้องเป็นแบบนั้นแน่! มีเพียงส้งเจียเจียคนเดียวเท่านั้น พี่จะพยายามทำให้ถังลั่วเหยาต้องอับอาย
หลังจากคิดได้ดังนั้น ซูหงก็เดินไปสะกิดถังลั่วเหยาที่เหม่อลอยมองไปนอกหน้าต่าง
“ลั่วเหยา ฉันรู้แล้วว่าทำไมเมื่อวานนี้ฉันถึงจำเวลาผิด”
“ทำไมเหรอคะ?” ถังลั่วเหยาขมวดคิ้วถาม
ซูหงมองไปทางถังลั่วเหยาด้วยใบหน้าเคร่งขรึมแล้วพูดชื่อหนึ่งออกมา “ส้งเจียเจีย”
ถังลั่วเหยาเข้าใจในทันที
“ส้งเจียเจียอย่างนั้นเหรอคะ……?” ถังลั่วเหยานิ่งเงียบไปอยู่ในความคิดอีกครั้งหนึ่ง
ถ้าเป็นอย่างนี้ทุกอย่างก็สมเหตุสมผล
การที่หลิวหมิงทำให้เธอต้องรู้สึกลำบากใจนี้ก็เพราะส้งเจียเจีย และเป็นเพราะเธอจึงทำให้ซูหงจำเวลาผิดไป
เมื่อคิดได้ดังนั้น ดวงตาของถังลั่วเหยาก็แฝงไปด้วยความเยือกเย็น
เธอนึกไม่ถึงว่าส้งเจียเจียจะใจคับแคบถึงขนาดนี้ได้
เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเพราะเธอก็ไม่ผิด แต่ท้ายที่สุดแล้วคนที่เป็นต้นเหตุของปัญหาก็คือเฟิงยี่
หากจะพูดให้ละเอียด ที่จริงแล้วเธอก็เป็นเพียงแค่ผู้ถูกทำร้าย
แต่ส้งเจียเจียกลับโยนความผิดทุกอย่างมาให้เธอ?
นี่จึงทำให้ถังลั่วเหยารู้สึกว่ามันน่าขำ และเธอก็มีความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น
ดูจากสถานการณ์นี้แล้ว ในอนาคตคงจะมีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นอีกมาก
ในเมื่อเป็นอย่างนี้เธอก็คงต้องพยายามระมัดระวังตัวไว้เป็นดี
ในไม่ช้า รถก็ขับมาถึงกองถ่าย
หลังลงจากรถ คนที่ถังลั่วเหยามองเห็นเป็นคนแรกก็คือนักแสดงชายที่ร่วมรับประทานอาหารด้วยกันเมื่อวาน
หลิวหมิงห้าน
หลิวหมิงห้าน เป็นนักแสดงนำของหนังเรื่องนี้ และเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงเป็นที่นิยมมากในวงการบันเทิงปัจจุบัน
เขาแตกต่างไปจากดาราที่มีชื่อเสียงธรรมดาทั่วไป เนื่องจาก หลิวหมิงห้าน ได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดี อีกทั้งด้วยรูปร่างหน้าตาอันโดดเด่นและความสามารถในการแสดงที่แข็งแกร่งของเขา จึงมักเป็นชื่อที่ได้รับการค้นหาร้อนแรงอินเทอร์เน็ต และเป็นที่จับตามองของผู้สนับสนุนจำนวนมาก
และเนื่องจากเขาได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดี อีกทั้งเป็นในด้านการแสดง จึงทำให้หลิวหมิงห้านมีทักษะที่ค่อนข้างสูง
จากผลงานดีๆก่อนหน้านี้ของเขานั้น นักแสดงชายคนนี้จะกลายมาเป็นนักแสดงร่วมที่มีความสามารถที่สุดของถังลั่วเหยา
เมื่อคิดได้ดังนั้นถังลั่วเหยาก็เกิดความคาดหวัง
หากเธอสามารถแสดงร่วมกับเขาเข้ากันได้อย่างดี เธอเชื่อว่าจะช่วยให้ทักษะการแสดงของเธอเพิ่มสูงขึ้นไม่น้อย……
เมื่อถังลั่วเหยาคิดได้ดังนั้น เธอก็รู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่ดีทีเดียว
เธอชื่นชอบในอาชีพการแสดงนี้ และมองมันเป็นอาชีพหนึ่ง ไม่ใช่เป็นเพียงเครื่องมือที่ใช้หาเงินเท่านั้น
ดังนั้นเมื่อเธอพบเข้ากับ หลิวหมิงห้าน เธอจึงเดินมาหยุดอยู่ข้างหน้าเขาและเอ่ยทักทายด้วยความกระตือรือร้นว่า “สวัสดีค่ะ ฉันคือนักแสดงร่วมกับคุณ ชื่อว่าถังลั่วเหยา ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
ก่อนหน้านี้ถังลั่วเหยาไม่รู้จักกับ หลิวหมิงห้าน ทั้งสองคนเพียงเคยได้ยินชื่อของฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น
และด้วยเหตุนี้เอง การที่ถังลั่วเหยาเข้ามาทักทายแนะนำตัวเองก่อนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่กลับทำให้ หลิวหมิงห้าน รู้สึกว่ามันไม่ปกติ
เขาไม่รู้จักถังลั่วเหยาก็จริง แต่ก่อนหน้านี้คนรอบกายของเขาก็พูดถึงชื่อเธออยู่ตลอด
เมื่อนึกถึงคำพูดเพื่อนฝูงขึ้นมา หลิวหมิงห้าน ก็อดไม่ได้ที่จะปวดหัว
จากที่พวกเขาพูดกันนั้น แม้ว่าถังลั่วเหยาจะไม่ได้ถึงขนาดไม่ติดต่อโลกภายนอก แต่เธอก็ไม่ใช่ดอกไม้งามที่ใครจะเข้าถึงได้ง่ายๆ
ทำไมจู่ๆถึงกระตือรือร้นขนาดนี้……? เมื่อเผชิญหน้ากับถังลั่วเหยาที่กระตือรือร้น หลิวหมิงห้าน อดไม่ได้ที่จะนึกหลงตัวเอง
ถังลั่วเหยาชอบเขาอย่างนั้นหรือ?
แต่เมื่อความคิดนี้ลอยเข้ามา หลิวหมิงห้านก็พยายามขจัดมันออกไป
เขาต้องคิดมากไปเองแน่ๆ
อย่างอื่นนั้นเขาไม่รู้ แต่ข่าวที่แพร่สะพัดกันในแวดวงอยู่ช่วงนี้ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร?
ถังลั่วเหยาปฏิเสธคุณชายใหญ่ตระกูลเฟิงเพื่อคู่หมั้นของเธอ แล้วเธอจะมามองคนอย่างเขาได้ยังไง?
เมื่อคิดได้ดังนั้น ในใจของ หลิวหมิงห้าน ก็สงบนิ่งมากขึ้น เขาไม่มีความกระสับกระส่ายใจเหมือนเมื่อครู่แล้ว
เขามองไปทางถังลั่วเหยา แล้วริมฝีปากก็ขยับขึ้นตอบกลับด้วยความสุภาพว่า “สวัสดีครับคุณถัง หวังว่าเราจะร่วมมือกันได้ดีในอนาคต”
คำพูดของหลิวหมิงห้านนี้ ทำให้ถังลั่วเหยารู้ว่าเธอเสียมารยาทไป
เธอกระตือรือร้นจนเกินเหตุ เนื่องจากเมื่อเห็นนักแสดงร่วมที่มีความสามารถขนาดนี้ เธอก็อยากจะถ่ายทำหนังออกมาให้ดีที่สุด จนทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นมากจนเกินไป
หลังจากนั้นเธอจึงนำมือลูบจมูกอย่างเขินอาย กระแอมอยู่สองสามที ยิ้มแล้วตอบว่า “แน่นอนค่ะ”
หลิวหมิงห้าน พยักหน้าตอบรับ จากนั้นทั้งสองคนก็แยกย้ายกันเดินตรงไปยังกองถ่าย
แต่เมื่อหลิวหมิงห้านมองไปยังถังลั่วเหยาที่เดินอยู่ด้านหน้า ในใจของเขาก็มีความรู้สึกบางอย่างขึ้น