บทที่ 510 จัดฉากถูกทำร้าย
แต่หลิวหมิงก็ยังคงให้เวลาเธอในการจัดการตัวเอง หลังจากที่ปรับสภาพจิตใจเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เริ่มถ่ายทำต่อ เห็นได้ชัดว่านักแสดงหญิงแสดงได้อย่างราบรื่นขึ้น
ในที่สุดฉากแรกก็ถ่ายทำได้อย่างสมบูรณ์
ถังลั่วเหยากลัวว่าเธอจะอึดอัดใจ ถึงได้เดินไปยิ้มแล้วพูดว่า “พี่ยู่เอ๋อเมื่อสักครู่แสดงได้ดีมากเลยนะคะ ไม่ต้องรู้สึกกดดันหรอกค่ะ”
หลิ่วยู่เอ๋อมองดูเธอด้วยสายตาซับซ้อน ใบหน้าของเธอไม่ได้รู้สึกถึงความยินดีเลย
แต่กลับพูดด้วยใบหน้าเฉยเมยว่า “ฉันไม่มีความกดดันอะไร”
เมื่อพูดจบเธอก็หันหลังเดินจากไปด้วยท่าทางเยือกเย็น
ถังลั่วเหยาเอามือแตะจมูกของเธอ รู้สึกเขินและสับสนเล็กน้อย
แต่เธอก็ไม่ได้คิดมากอะไร คิดว่าคงเป็นเพราะหลิ่วยู่เอ๋อต้องขายหน้าต่อหน้ารุ่นน้อง จึงไม่อาจที่จะรับได้
หลังจากกองกลางประกาศให้หยุดพักชั่วครู่ และในเวลาต่อมาก็เริ่มถ่ายทำฉากต่อไป
ฉากนี้เป็นฉากแอ็คชั่น และยังคงแสดงร่วมกับหลิ่วยู่เอ๋อ
นางเอกที่รับบทโดยถังลั่วเหยา ค้นพบว่าหลิ่วยู่เอ๋อที่รับบทเป็นนางร้ายเป็นสายลับของศัตรู จึงทำให้ทั้งสองคนได้ต่อสู้กัน
ระหว่างการต่อสู้นั้น เธอจะต้องหยิบดาบออกมาและแทงหลิ่วยู่เอ๋อ ส่วนหลิ่วยู่เอ๋อนั้น ก็จะได้รับบาดเจ็บและหลบหนีไป
แน่นอนว่าเทคนิคเหล่านี้ได้ถูกจัดเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว จะไม่เป็นอันตรายใดๆต่อผู้แสดง เป็นเพียงตำแหน่งที่คลาดเคลื่อนเท่านั้น
“ฉากที่ 1 เทคที่ 1 แอคชั่น!”
เมื่อผู้กำกับหลิวออกคำสั่ง เจ้าหน้าที่ก็พากันเงียบเสียงลง สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังนักแสดงสาวสองคนที่ยืนอยู่ตรงกลาง
ในวันนี้ถังลั่วเหยาค่อนข้างพอใจกับการแต่งหน้าของเธอ นอกเหนือจากชุดโบราณนี้ที่ค่อนข้างใหญ่ จึงทำให้ขยับร่างกายไม่สะดวกนัก อย่างอื่นก็ไม่มีปัญหา
แต่ก็ยังดีที่ก่อนหน้านี้เธอได้ทำความคุ้นเคยกับกลเม็ดนี้ดี ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
เพียงแค่อีกสักครู่หลิ่วยู่เอ๋อให้ความร่วมมือกับเธอ เธอคงจะผ่านไปได้ภายในเทคเดียว
น่าเสียดาย คนที่หวังเช่นนี้มีเพียงถังลั่วเหยาแค่คนเดียว
คนที่แสดงเป็นคู่ต่อสู้ของเธอ ระหว่างการแสดงนั้นไม่สนใจเธอเลย ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า เธอรู้สึกว่าในวันนี้หลิ่วยู่เอ๋อผิดปกติไป
แววตาของเธอดูมืดมนลงราวกับงูพิษที่กําลังจะฉกเธอ เดิมทีถังลั่วเหยาคิดว่าเธอเพียงเข้าถึงบทละครเท่านั้น ใครจะรู้กันว่าสถานการณ์ที่แท้จริงจะปรากฏให้เห็นขึ้นต่อจากนี้
ทั้งสองคนหยิบอาวุธเข้ามาถือไว้ในมือ ต่อให้เป็นดาบที่ไม่มีคมแต่ก็ค่อนข้างหนักทีเดียว
ฉากบางฉากที่ถูกแทงในละครเรื่องต่างๆมักจะถูกจัดวางตำแหน่งไว้ ในขณะที่ถังลั่วเหยากำลังตั้งใจจะแทงเข้าไปตรงตำแหน่งที่วางไว้ เหมือนตอนที่เธอเคยเรียนก่อนหน้านี้ นั่นก็คือแทงเข้าไปตรงใต้รักแร้
และเมื่อถึงเวลาแล้วหลิ่วยู่เอ๋อก็จะรีบเอามือกุมไปตรงบริเวณรักแร้ จากนั้นบีบถุงเลือดที่อยู่ตรงหน้าอก ก็จะสามารถสร้างภาพลวงตาว่าเธอบาดเจ็บได้
แต่ว่าจู่ๆหลิ่วยู่เอ๋อก็ยิ้มขึ้นอย่างเยือกเย็น
ต่อมา เธอก็ไม่ได้สนใจในเทคนิคที่วางไว้ เธอกลับหันตัววิ่งเข้าหาดาบของถังลั่วเหยา
จากสถานการณ์เช่นนี้ถังลั่วเหยาจึงทำได้เพียงรีบชักดาบกลับคืนมา แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ถังลั่วเหยาก็รู้สึกว่าเธอแทงเข้าไปถูกฝ่ายตรงข้าม
“ฉึบ!” เสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นเสียงของเนื้อหนังที่ถูกบาดและมีเลือดสดๆไหลออกมา
มีเสียงตกอกตกใจดังขึ้น หลังจากนั้นผู้คนรอบข้างก็กรีดร้อง
“พี่ยู่เอ๋อไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“เธอได้รับบาดเจ็บค่ะ!”
ถังลั่วเหยาตกตะลึง ก่อนหน้านี้เธอตั้งใจว่าจะแทงไปตามที่ฝึกซ้อม แต่ว่าหลิ่วยู่เอ๋อไม่ให้ความร่วมมือกับเธอ อีกทั้งวิ่งเข้ามาหาดาบของเธอเอง
เนื่องจากมุมกล้อง คนที่อยู่ในสถานการณ์นั้นมองว่าฉากนี้ไม่เพียงแต่ไม่ใช่ความผิดพลาดของหลิ่วยู่เอ๋อแต่เป็นเพราะถังลั่วเหยาฝึกซ้อมอย่างไม่เต็มที่
สีหน้าของเธอซีดเผือดลงทันที
และหลิ่วยู่เอ๋อก็ได้เหลือบตามามองเธอ จากนั้นก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน เสแสร้งแกล้งทำว่าบาดเจ็บ หน้าซีดล้มลงบนพื้น
“ยู่เอ๋อเป็นยังไงบ้าง?”
“พี่ยู่เอ๋อคะบาดเจ็บตรงไหน?”
หลิ่วยู่เอ๋อแกล้งทำเป็นยิ้มอย่างอ่อนแรง เธอมองไปยังเจ้าหน้าที่เหล่านั้นแล้วพูดว่า “ฉันไม่เป็นไรค่ะ ก็แค่บาดเจ็บนิดหน่อยไม่มีผลต่องาน”
แต่ว่าทุกคนก็ยังคงเป็นห่วงเป็นใยเธอและช่วยกันตรวจดูจนพบว่าเพียงแค่แขนถลอก ไม่ได้บาดเจ็บหนัก
เนื่องจากเป็นดาบที่ไม่มีคมจึงไม่มีความแหลมคมใดๆ จึงไม่ได้มีอันตรายมาก
แต่ว่าถึงจะเป็นแบบนี้ ก็มีคนวิ่งไปแจ้งให้นำกระเป๋ายาสามัญตรงเข้ามาและรีบหยุดเลือดนำเธอส่งโรงพยาบาล
อีกด้านหนึ่ง หลิวหมิงตกตะลึงกับฉากที่อยู่ด้านหน้า
เขาทำสีหน้าเคร่งเครียดแล้วตะโกนออกมาว่า “พวกคุณทำงานยังไงกัน ฝึกซ้อมมาก่อนแล้วไม่ใช่หรือไง? ฉากง่ายๆแบบนี้ยังถ่ายได้ไม่ดี!”
ประโยคท้ายนี้หลิวหมิงตั้งใจพูดกับถังลั่วเหยา ที่จริงแล้วหากว่าไม่ได้ตาบอดใครก็มองเห็นได้ว่าผู้กำกับหลิวกำลังปกป้องหลิ่วยู่เอ๋ออยู่
“ผู้กำกับคะฉันอธิบายได้……”
แต่คำพูดของถังลั่วเหยากลับถูกหลิ่วยู่เอ๋อพูดขัดจังหวะขึ้น สีหน้าของเธอไร้เส้นเลือดฝาด และยืนเอามือกุมแขน ลุกขึ้นยืน มองไปทางถังลั่วเหยาด้วยความผิดหวัง
“ลั่วเหยา ฉันรู้ว่าคุณเกลียดที่ฉันทำให้การแสดงก่อนหน้านี้ถ่ายทำช้า แต่ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจนี่ ต่อให้คุณไม่พอใจก็ไม่ควรที่จะลงมือแบบนี้ใช่ไหม?”
ถังลั่วเหยาขมวดคิ้วขึ้น
แต่ไม่รอให้เธอได้พูดอะไรออกมา ก็พบว่าหลิ่วยู่เอ๋อยิ้มเยาะ ใส่เธอ
“ฉันมันโง่เองแหละที่เมื่อสักครู่คุณช่วยพูดแทนฉัน ฉันคิดว่าคุณจะปกป้องฉันเสียอีก เห็นแก่ที่เราเคยร่วมมือกันมาก่อน ฉันมันช่างไร้เดียงสาเกินไป แต่ว่าถังลั่วเหยา ต่อให้คุณต้องการจะเสแสร้งแกล้งทำเป็นใจดีต่อหน้าคนอื่น หรือว่ามีปัญหาส่วนตัวกับฉัน คุณก็ไม่ควรเอาดาบมาทำให้คนอื่นต้องได้รับบาดเจ็บแบบนี้ ฉันได้รับบาดเจ็บไม่เท่าไหร่หรอก แต่ถ้าทำให้การถ่ายทำต้องยืดออกไปจะเป็นยังไงล่ะ?”
หลิ่วยู่เอ๋อพยายามผลักความผิดทุกอย่างไปที่ถังลั่วเหยาเพียงคนเดียว ไม่เพียงเท่านี้ เธอยังพยายามถ่ายโอนความโกรธของทุกคนไปยังถังลั่วเหยาได้อย่างชาญฉลาด ราวกับว่าตัวเธอเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย
หลังจากที่หลิวหมิงได้ฟังคำพูดของหลิ่วยู่เอ๋อแล้วเขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้น เขาต้องใช้ความพยายามอย่างหนักกว่าจะได้ สปอนเซอร์มาสนับสนุนให้พวกนักแสดงเหล่านี้ ตอนนี้กลับต้องมาจัดการเรื่องบ้าบอในกองถ่ายเหล่านี้ด้วย
สีหน้าของเขามืดมนยิ่งกว่าก้นหม้อ ถังลั่วเหยาตกตะลึงไปในทันที
เธอคิดไม่ถึงจริงๆว่ารุ่นพี่ที่เคยช่วยเธอในตอนนั้น มีอยู่วันหนึ่งจะสามารถแสดงทักษะอันต่ำต้อยแบบนี้เพื่อมาใส่ร้ายตัวเธอได้
เพียงแต่เมื่อลองคิดดู และเชื่อมโยงไปยังเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่จะเข้ามาในกองถ่ายนี้เธอก็เข้าใจบางอย่าง
ถังลั่วเหยาไม่ได้เหลือบมองไปทางเธออีก แต่กลับหันไปหาผู้กำกับหลิว
เธอต้องการรู้ว่าผู้กำกับจะพูดอะไร
เจ้าหน้าที่ในกองถ่ายล้วนกระซิบกระซาบ ตามปกติแล้วทุกคนก็รู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างนักแสดงหญิงจะไม่ค่อยดีนัก พวกเธอจะพยายามผลักดันข่าวด้านลบของฝ่ายตรงข้ามออกมา แต่การที่ฉีกหน้ากันต่อหน้าทุกคนแบบนี้มีน้อยมาก
ผู้จัดการของหลิ่วยู่เอ๋อพามานั่งลงบนเก้าอี้ หลังจากที่บาดแผลได้รับการฆ่าเชื้อเรียบร้อยแล้ว มีเพียงเลือดที่ยังไหลซึมออกมาเล็กน้อย มองไปแล้วไม่น่าจะมีอะไรมาก
แม้แต่สถานการณ์ที่ต้องเผชิญหน้ากับความโมโหของผู้กำกับ ถังลั่วเหยาก็ยังคงนิ่งเงียบ
ไม่ใช่ว่าเธอไม่กล้าพูดความจริงออกมา แต่ตอนนี้หลิ่วยู่เอ๋อถือไพ่เหนือกว่า เธอกำลังดูว่าผู้กำกับจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
“หุบปากกันได้แล้ว ส่งเสียงเอะอะโวยวายคิดว่าที่นี่เป็นตลาดหรือไง!”