บทที่512 แทบไม่เสร็จ
“พี่ลั่วเหยา ถ้าอย่างนั้นฉันไปซื้อยาให้ดีไหม หรือไม่ก็ลาหยุดกับผู้กำกับ?”
ดูเหมือนว่ายาที่ซื้อให้เมื่อเดือนที่แล้วจะอยู่ในกระเป๋าของถังลั่วเหยา อย่างไรก็ตามเสี่ยวฉิงไปค้นหาจนทั่วหมดแล้วแต่ก็ไม่เจอ
ถังลั่วเหยาเห็นเธอกระวนกระวายเช่นนี้และส่ายหน้า
“ฉันไม่เป็นไร”
เธอพยุงตัวเองขึ้นด้วยใบหน้าซีดเซียวและนั่งลงหน้ากระจกแต่งหน้า
“อีกเดี๋ยวเธอช่วยเตรียมน้ำร้อนในแก้วรักษาอุณหภูมิก็ได้แล้ว ไม่ต้องพูดอะไรนะ”
เสี่ยวฉิงมองหน้าขาวซีดของเธอ อยากจะพูดแต่ก็หยุด จนสุดท้ายก็ได้แต่พยักหน้า
เพียงครู่เดียว นักแสดงที่เหลือก็เข้ามา
ห้องแต่งตัวมีไม่มากนักและทุกคนก็แออัดอยู่ในห้องเดียวกัน
เพราะเรื่องเมื่อวานทำให้ทุกคนมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องของถังลั่วเหยาไม่มากก็น้อย เพียงแค่ด้วยฐานะนักแสดงหลักอีกทั้งการที่อยู่ในวงการมาแล้วกว่าสองปีและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมาตลอด ทำให้ไม่มีใครกล้าแสดงออกเท่านั้นเอง
แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ ความรู้สึกของการปฏิเสธและความโดดเดี่ยวที่ออกมาโดยธรรมชาติยังคงทำให้เสี่ยวฉิงรับรู้ได้เต็มๆ
เธอชักสีหน้าและกำลังจะเกิดโทสะ แต่แขนเสื้อของเธอถูกดึงอย่างเงียบ ๆ
เมื่อก้มหน้าก็เห็นถังลั่วเหยากำลังส่ายหน้าเบาๆ ให้กับเธอ
เสี่ยวฉิงเหลืออดและได้แต่ปล่อยไป เดินกระฟัดกระเฟียดออกไปเรียกช่างแต่งหน้าเพื่อมาแต่งหน้าให้เธอ
ไม่ไกล หลิ่วยู่เอ๋อเห็นภาพเหล่านี้ และมีความมืดมิดฉายผ่านแววตาของเธอ
ไม่นานช่างแต่งหน้าก็เข้ามาแต่งหน้าทำผมให้เธอ กองถ่ายเริ่มถ่ายทำตอนแปดโมง ถังลั่วเหยาเห็นว่าใกล้ถึงเวลาแล้วจึงออกไป
ตามประกาศการถ่ายทำเดิมในวันนี้เป็นละครเพลง (อุปรากรจีนพื้นบ้านใช้การร้องและแสดงเป็นหลัก)
ถังลั่วเหยากลับไม่ค่อยรู้สึกเป็นกังวลเท่าใดนัก ถึงแม้ว่าร่างกายจะไม่ค่อยสบาย แต่การแสดงละครเพลงนั้นเมื่อเทียบแล้วค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นฉากไม่รุนแรงเกินไปและแม้กระทั่งอารมณ์ก็ไม่ต้องผันผวนมากเกินไปดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยาก
แต่อย่างไรก็ตามพอไปถึงที่ฉากแล้วจึงรู้ว่านักแสดงที่เข้าฉากละครเพลงกับเธอนั้น วันนี้เกิดป่วยหนักกะทันหันจึงลาหยุด
เมื่อหลิวหมิงเห็นเธอจึงได้โบกมือทัก
ถังลั่วเหยาเดินเข้าไป
“วันนี้มีการเปลี่ยนฉากชั่วคราว ฉากในสถานที่ถ่ายไม่ได้แล้ว งั้นเปลี่ยนเป็นฉากในน้ำนอกสถานที่แล้วกัน อีกเดี๋ยวเธอไปเตรียมตัวให้พร้อม ให้ผู้ประสานงานฉากต่อสู้เซตคิวบู๊”
ถังลั่วเหยาผงะ มองไปที่สคริปต์ในมือของหลิวหมิงด้วยความสับสนเล็กน้อย
“ผู้กำกับหลิว แต่ว่า…”
หลิวหมิงขมวดคิ้วและหันไปมองเธออย่างไม่สบอารมณ์
“เสี่ยวโจวเข้าโรงพยาบาลด้วยโรคกระเพาะและลำไส้อักเสบเฉียบพลัน ตอนนี้กองถ่ายรีบถ่ายทำ จะมาเสียเวลากับสิ่งนี้มากไม่ได้ เธออย่างออกความคิดเห็นมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ไม่ว่าช้าเร็วฉากในน้ำนี้ยังไงก็ต้องถ่าย วันนี้อากาศดีพอดี ฉันเองก็คิดเผื่อเธอแล้ว เข้าใจไหม?”
ถังลั่วเหยากัดริมฝีปาก ผ่านไปครู่หนึ่งสุดท้ายก็พยักหน้า
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณค่ะผู้กำกับหลิว”
หลิวหมิงโบกมือไปมา เธอจึงกลับไปเตรียมตัว
เมื่อเสี่ยวฉิงรู้ว่าเธอต้องถ่ายฉากในน้ำก็ตกใจไปชั่วขณะ
“พี่ลั่วเหยา พี่ลงน้ำไม่ได้นะคะ เดิมทีพี่ก็ไม่สบายอยู่แล้ว ยังต้องลงน้ำอีกจะไหวเหรอ?”
ถังลั่วเหยาถอนหายใจ
“เสี่ยวฉิง ช่วยเอาสำลีก้อนมาให้ฉันที”
“พี่ลั่วเหยา”
“ไม่ต้องพูดแล้ว”
ถังลั่วเหยาขัดจังหวะเธอ เมื่อเสี่ยวฉิงเห็นแบบนั้นก็กระทืบเท้าแล้วหันวิ่งไปที่ห้องรับรอง
ถังลั่วเหยาพบกับผู้ประสานงานฉากต่อสู้และหลังจากเตรียมซ้อมท่าทาง นักแสดงชายที่แสดงฉากในน้ำกับเธอก็เข้าประจำที่
ทีมงานก็เข้ามาเกี่ยวสายสลิงกับชุดเธอแล้วเริ่มถ่ายทำ
นี่เป็นฉากต่อสู้อีกฉาก
เนื่องจากบทละครนั้นมีฉากต่อสู้มากมาย ถังลั่วเหยาในฐานะนางเอกจึงมีมากกว่าอยู่แล้ว ซึ่งมีอยู่อย่างน้อยกว่าร้อยละสี่สิบเลยทีเดียว
หากเป็นเวลาปกติเธอก็ยังสามารถรับมือได้
แต่วันนี้ร่างกายอ่อนแอจริงๆ แม้จะพยายามอย่างเต็มที่ แต่ก็ยากที่จะทำผลลัพธ์ที่ผู้กำกับต้องการได้
“คัท!”
หลิวหมิงขมวดคิ้วและมองออกไปจากหน้าจอมองไปที่คนทั้งสองที่ห้อยอยู่บนสลิงเหนือบ่อน้ำ
“ถังลั่วเหยาเธอเป็นอะไรไป? เมื่อเช้าไม่ได้กินข้าวหรือยังไง? แรงยกดาบสักนิดยังไม่มี เธอทำแบบนี้มันจะเหมือนจอมยุทธหญิงได้ยังไง?”
ถังลั่วเหยาเม้มปาก เธอรู้ว่าเขาไม่ได้จงใจทำให้เธอลำบากใจ เพราะการแสดงของเธอในวันนี้ไม่เป็นที่น่าพอใจจริงๆ จึงได้เพียงพูดว่า: “อีกรอบค่ะ ฉันจะพยายามเต็มที่”
ครั้งนี้หลิวหมิงไม่พูดอะไรและนั่งลงอย่างหงุดหงิด
หลังจากตะโกนอีกครั้งเพื่อเริ่มถ่าย ทั้งสองคนก็จัดท่าทางและเริ่มถ่ายทำ
พล็อตคือหลังจากที่คนสองคนทะเลาะกันสักพักถังลั่วเหยาที่เป็นนางเอกต้องถูกแทงด้วยดาบและตกลงไปในน้ำ
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นปลายฤดูใบไม้ร่วง แต่อากาศก็หนาวมากแล้ว ถึงวันนี้จะมีแสงแดดแม้จะไม่ง่าย แต่ความจริงแล้วความอบอุ่นก็ยังถือว่าต่ำอยู่
บ่อน้ำนั้นเป็นบ่อน้ำธรรมชาติเล็กๆ ด้านนอก ในน้ำมีทั้งวัชพืชและอะไรต่างๆ อีกมากมาย
ทั้งสองต่อสู้กันหลายรอบในไม่ช้าถังลั่วเหยาก็ถูก “แทง” จากนั้นก็กรีดร้องและตกลงไปในน้ำ
นักแสดงชายบินกลับไปที่ฝั่งอย่างเป็นธรรมชาติ ถือดาบพร้อมวาดลีลาที่สวยงามมาก รูปร่างสูงเพรียว
ส่วนถังลั่วเหยาพยายามดิ้นรนอยู่หลายครั้งและโผล่ออกมาจากกลุ่มวัชพืชได้อย่างไม่ง่ายเลยแล้วชี้ไปที่ริมฝั่งและตะโกน “หลินมู่เฉิน เจ้าช่างกล้านัก กล้าที่แทงข้า!”
“คัท!”
เสียงของหลิวหมิงผู้กำกับดังขึ้นอย่างเหมาะเจาะ
“ผ่านแล้ว”
คำง่ายๆ สองคำทำให้คนทั้งกองถ่ายถอนหายใจอย่างโล่งอก
นักแสดงชายเปลี่ยนจากท่าทีเฉยเมยเย็นชาเป็นตื่นเต้นและเป็นห่วง เมื่อเห็นถังลั่วเหยาที่หนาวสั่นจนตัวงอจึงได้ถาม “ทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้ครับ? ไม่เป็นไรนะครับ?”
ถังลั่วเหยารู้สึกเพียงแค่หนาวไปทั้งตัวแม้แต่ฟันยังกระทบกันแล้วส่ายหน้า “ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
คนงานรีบดึงเธอขึ้นมา
ทันทีที่ถึงฝั่ง เสี่ยวฉิงก็รีบนำน้ำอุ่นและผ้าห่มมา
ในตอนที่เห็นเธอตัวแข็งจนหน้าซีดไปหมดแล้วนั้น เสี่ยวฉิงก็ตาแดงรื้น
“พี่ลั่วเหยา”
ถังลั่วเหยาตบหลังมือของเธออย่างปลอบประโลมและกระซิบ: “ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นห่วง”
เสี่ยวฉิงเบ้ปากไม่กล้าพูดอะไรอีก ทำได้เพียงใช้ผู้เช็ดตัวพันตัวเธอไว้แน่น
ถังลั่วเหยาจิบน้ำอุ่นแล้วเดินไปหาหลิวหมิง
“ผู้กำกับหลิวเมื่อครู่ใช้ได้ไหมคะ?”
หลิวหมิงพยักหน้าและเงยหน้าขึ้นมองเธอหนึ่งที เมื่อเห็นเธอตัวเปียกปอน หน้าขาวซีดจนดูไม่ได้ก็ขมวดคิ้วในทันที
“วันนี้ไม่มีฉากของเธอแล้ว เธอกลับไปพักก่อนเถอะ”
ถังลั่วเหยาพยักหน้า
“ขอบคุณค่ะผู้กำกับหลิว”
เธอหันหลังและจากไป ไม่ไกลหลิ่วยู่เอ๋อเห็นสิ่งเหล่านี้แล้วแอบขมวดคิ้ว
“ผู้กำกับหลิว”
เธอเดินเข้ามา ยิ้มให้หลิวหมิงและพูด: “ฉากต่อไปเป็นของฉันรึเปล่าคะ?”
หลิวหมิงพยักหน้าและให้ผู้ช่วยผู้กำกับไปช่วยอธิบายรายละเอียดฉากกับเธอ ถังลั่วเหยาหันกลับไปมองและมีแสงจางๆ ฉายผ่านแววตาของเธอ
เมื่อกลับถึงโรงแรม ถังลั่วเหยาอาบน้ำอุ่นก่อน ทันทีที่ถึงเตียง เธอก็รู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างกายราวกับว่าจะแตกออกจากกัน
เธอหลับตาและเวียนหัวเล็กน้อย เหมือนกับมีอะไรบางอย่างกำลังปั่นป่วนอยู่ในหัวของเธอ ทั้งเวียนหัวทั้งปวด สั่นไหวอย่างรุนแรง
ในที่สุดเสี่ยวฉิงก็วิ่งออกไปข้างนอกเพื่อซื้อยาและกลับมาเห็นเธอนอนอยู่ที่นั่นจึงรีบเทน้ำร้อนใส่แก้ว
“พี่ลั่วเหยา พี่ไม่เป็นไรนะ?”