บทที่ 522 ไม่พบ
ตอนนี้เธอได้เกลียดถังลั่วเหยายิ่งกว่าเดิม แต่ว่าในใจของเฟิงยี่ก็ชอบเธอแค่คนเดียว ไม่ว่าเรื่องอะไรกับถังลั่วเหยาเป็นข้อยกเว้นตลอด
เธอมีตรงไหนที่เทียบกับถังลั่วเหยาไม่ได้บ้าง?
ในใจของส้งเจียเจียตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ทนไม่ได้ที่จะไม่ไปฉีกถังลั่วเหยาให้ขาดเลยในตอนนี้
คิดถึงตรงนี้ อยู่ๆ นัยน์ตาของส้งเจียเจียก็ได้มีแผนร้ายก่อตัว รอยยิ้มก็ได้ค้างอยู่ตรงมุมปากตลอด
เธอนั้นต้องทำให้ ถังลั่วเหยาชดใช้เรื่องทั้งหมด
คฤหาสน์เซียงซาน
เพราะว่าเฟิงยี่ดื่มเหล้าก็ขับรถไม่ได้ เพราะงั้นก็ได้เรียกคนขับรถ มารับเขากลับไปจากบาร์
พึ่งมาถึงบ้าน เพราะว่าวันนี้ดื่มเยอะไปหน่อย เพราะงั้นก็ได้เตรียมตัวพักผ่อนแล้วไปพักผ่อน
“คุณชาย”
แล้วในเวลานี้ อยู่ๆ พ่อบ้านก็ได้มาตรงหน้าเขา
“มีอะไร?”
เฟิงยี่ขมวดคิ้วแล้วก็ได้นวดที่สันจมูก อยากจะให้ตัวเองนั้นมีสติขึ้นบ้าง
“เรื่องที่ท่านสั่งให้ไปสืบ พวกเราก็ได้สืบมาแล้ว”
พ่อบ้านได้พูดด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
เฟิงยี่หันหน้าไปมองเขา นัยน์ตาที่ดำราวกับอัญมณี ก็ได้ส่งความเย็นที่น่ากลัวออกมา ทำให้คนนั้นรู้สึกกดดันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“เป็นไง?”
“พวกเราตอนนี้สืบมาเรียบร้อยแล้วครับ ตอนนั้นที่ถังลั่วเหยาได้รับบาดเจ็บ ก็เพราะว่าก่อนหน้ามีคนไปทำอะไรกับสะพานแขวนไว้ตั้งแต่แรก เพราะงั้นวันนั้นพวกคุณถึงได้เจอกับอันตรายแบบนั้น”
พ่อบ้านก็ได้บอกเรื่องนี้ออกไปอย่างสุภาพ
เวลานี้พ่อบ้านรู้สึกกลัวมากๆ ใจที่เต้นแรงเพราะความกลัว เสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอ ในบรรยากาศที่เงียบมากๆแบบนี้ ก็ได้ชัดเจนผิดปกติ
เพราะเขารู้ว่าเรื่องของถังลั่วเหยา สำหรับเฟิงยี่แล้วเป็นอะไรที่ ทำให้เฟิงยี่ให้ความสำคัญเป็นที่สุด ตอนนี้ได้ยินว่าเรื่องนี้จริงๆ แล้วมีคนไปทำอะไรกับมันตั้งแต่แรก คาดว่าสักพักก็ได้โมโหไปกว่าเดิม
“สืบมาได้หรือยัง? ว่าเป็นใครที่ทำเรื่องแบบนี้?”
สายตาของเฟิงยี่ในเวลานี้ก็ได้มีความเครียดแผดเผ่า
ตอนนั้นเขาสงสัยเอามากๆ ว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนทำ? ทำไมถึงได้โหดร้ายถึงขั้นที่จะเอาชีวิตของถังลั่วเหยา
ได้ยินที่เฟิงยี่ถามพ่อบ้านไป ก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรตอบอะไรไปชั่วขณะ
ก็ได้เงียบไปก่อนสักพัก
“ทำไมไม่พูด?”
สีหน้าของเฟิงยี่ได้หงุดหงิดมากจนต้องระวังตัว
เดิมที่ยังได้เล่นขี้ผึ้งที่อยู่ในมือ ตอนนี้ได้หยุดลง เงยหน้ามองพ่อบ้าน
“คือ……”
เหงื่อเม็ดใหญ่ก็ได้ไหลลงมาตามกรอบหน้าของพ่อบ้าน เขาได้ส่งเสียงพูดออกมาด้วยความกลัว
“พูดสิ!”
น้ำเสียงของเฟิงยี่ก็ได้ดังขึ้นกว่าเดิม อีกอย่างก็ได้โมโหเอามากๆ
“ตอนนี้ยังไม่พบครับ”
พ่อบ้านพูดจบก็ได้กลืนน้ำลายลงคอ ไม่รู้จริงๆ ว่าต่อจากนี้ตนนั้นต้องเจอกับอะไร?
“อะไรนะ?”
คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าคนของตนนั้นจะสืบหาคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เป็นใครไม่เจอ? ตอนนั้นก็ได้ทำให้เฟิงยี่โมโหมากๆ
“งั้นเรื่องที่ฉันสั่งนายไปทำก่อนหน้านั้น พวกนายทำไปถึงไหนแล้ว?”
คิดๆ แล้วเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่จัดการได้ง่ายๆ ก็ทำได้แค่ให้พวกเขาไปสืบหากันต่อ เวลานั้นอยากจะได้คำตอบว่าเป็นใครนั้น เกรงว่าน่าจะลำบากไปหน่อยจริง
“เรื่องนั้นจัดการเรียบร้อยแล้วครับ”
“งั้นตอนนี้ฉันให้พวกนายไปสั่งคนมาสืบเรื่องนี้เพิ่ม วันนี้ฉันก็ไม่โทษพวกนายแล้ว แต่ว่าวันหลังถามยังไม่ได้คำตอบล่ะก็ อย่าหาว่าฉันไม่เห็นใจพวกนายก็แล้วกัน”
ถึงแม้ว่าสีหน้าของเฟิงยี่ได้ผ่อนคลายไปบ้าง แต่ว่าก็ยังสามารถที่จะมองออกว่าตอนนี้เขาโมโหมากๆ
พ่อบ้านก็ได้ตอบไปเต็มคำ
นิสัยของคุณชายของตัวเองนั้นเขายังรู้ดี เพราะงั้นก่อนหน้าเขาถึงได้กลัวเอาขนาดนั้น
เฟิงยี่คิดๆ อยู่ๆ ก็ถามว่า “จริงด้วย พี่ชายฉันล่ะ?”
พูดถึงเรื่องนี้ พ่อบ้านก็ได้เริ่มติดๆ ขัดๆ
“คุณชายใหญ่……วันนี้ออกไปแล้วครับ”
“ออกไปแล้ว?”
เฟิงยี่ขมวดคิ้ว “ไปบริษัทหรือว่าที่ไหน?”
พ่อบ้านส่ายหน้า “ไม่ใช่บริษัทครับ เพราะว่าเช้านี้ผู้ช่วยฉินได้มาเอาเอกสาร ผมก็ได้ถามออกไป เขาบอกว่าคุณชายใหญ่ไม่ได้อยู่บริษัท แต่ว่าไปไหนนั้น ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เฟิงยี่คิดๆ เอาโทรศัพท์ออกมาดูเวลา
ตอนที่มองเห็นวันเวลาในโทรศัพท์ อยู่ๆ ก็คิดอะไรได้ ได้ตบหัวอย่างแรง
“ฉิบหาย!”
พูดจบ ก็ได้รีบลุกขึ้น แล้วก็เดินออกไปข้างนอก
และเวลานี้ ในโบสถ์ที่ห่างจากคฤหาสน์เซียงซานสามสิบกว่ากิโลเมตร
เรื่องที่อานเฉียวรู้สึกเสียใจมากที่สุดในชาตินี้ ก็คือรับปากคุณพ่อว่าจะกลับมาร่วมงานแต่งของอานซิน
ภายในงานได้ตกแต่งอย่างอลังการ ได้ยินว่าได้เชิญบริษัทรับจัดงานจากเมืองหลวงโดยเฉพาะ สีขาวที่ขาวสะอาดได้สลับกับสีแดงที่โดดเด่น ทำให้ดูโรแมนติกแล้วก็ไม่ว่างเปล่าเกินไป
เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวก็ได้ร่วมพูดคำสาบานตรงหน้านักบวชอย่างตั้งใจ อานเฉียวมองอยู่เงียบๆ มองพวกเขาแลกเปลี่ยนแหวนแต่งงาน จากนั้นผู้คนก็ได้พากันบอกให้พวกเขาจูบกัน
จูบกัน
อยู่ๆอานเฉียวก็รู้สึกว่าแสงแดดได้แรงเกินไป แรงจนเธอแทบลืมตาไม่ได้ เพราะงั้นก็เลยไม่ดูมันต่อ
บนโต๊ะได้มีไวน์แดงวางอยู่แก้วหนึ่ง เธอเอาขึ้นมาแล้วก็ดื่มไปจนหมด เวลาเดียวกันก็ได้เตือนตัวเองในใจว่า
อานเฉียว เธอแพ้แล้ว! แพ้แล้วก็ยอมรับ!
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เฉียวจื่อยู่เป็นผู้ชายของอานซิน ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธออีกแล้วแม้แต่น้อย!
ในใจคิดแบบนั้น พอเหล้าก็ได้ลงไปที่ท้อง กลับทำให้คิดถึงคำที่เฉียวจื่อยู่เคยพูดกับเธอ
เขาพูดว่า:อานเฉียว เธอเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา
เขาพูดว่า:อานเฉียว เรื่องที่ดีที่สุดสองเรื่องในชีวิตนี้คือ เรื่องหนึ่งได้เจอเธอ อีกเรื่องคือได้ขอเธอแต่งงาน
เขาพูดว่า:อานเฉียว แต่งงานกับฉันเถอะ!
แต่สุดท้าย กลับกลายเป็นอานเฉียว ขอโทษ!
เหอะๆ!
มุมปากของอานเฉียวก็ได้ยิ้มอย่างน่าสมเพช อยู่ก็รู้สึกว่าไร้ความหมาย
เธอได้เอากระเป๋าแล้วยืนขึ้น เตรียมที่จะออกไป
แต่ตอนที่ลุกขึ้น ข้างหลังก็ได้มีเสียงที่แหลมของผู้หญิงดังขึ้น
“โยว่ นั่นอานเฉียวไม่ใช่เหรอ?”
อานเฉียวหันหน้าไป เป็นไปตามคาดก็ได้เจอเข้ากับผู้หญิงที่เต็มไปด้วยเครื่องเพชร เธอเป็นแม่ของเฉียวจื่อยู่ชื่อหลิวซิ่วเซียง ก่อนหน้านั้นไม่ดีกับอานเฉียวพอควร พูดประชดประชันบ่อยๆ
“คุณน้ามีอะไรเหรอคะ?” อานเฉียวก็คงความมีมารยาทไว้
“ก็ไม่มีอะไร ก็แค่รู้สึกว่าเธอยังหน้าด้านมาร่วมงานแต่งได้ น่านับถือจริงๆ!”
หลิวซิ่วเซียงหัวเราะได้ใจ ตระกูลเฉียวก่อนหน้าเป็นครอบครัวที่รุ่งเรืองด้านวิชาการ แต่แค่ตอนที่คุณพ่อเฉียวตายไปไม่กี่ปีก็ได้ตกอยู่ในวิกฤต แล้วก็พึ่งพาเฉียวจื่อยู่ที่ทนลำบากลำบนถึงได้รักษาสภาพก่อนหน้าไว้ได้ วันนี้เฉียวจื่อยู่แต่งงานกับอานซิน ได้มีอานซื่อกรุ๊ปเป็นที่หนุนหลัง คนที่ได้หน้าที่สุดก็คือหลิวซิ่วเซียงแล้ว
เวลานี้ ข้างๆ ตัวเธอก็ได้มีผู้หญิงที่อายุไล่เลี่ยกับเธอด้วย ได้ยินแบบนั้นใบหน้าก็ได้มีความดูถูกแสดงออก
“อานเฉียวคนนี้ ได้เกิดเรื่องแบบนั้นเมื่อสองปีก่อนยังมีหน้ากลับประเทศ? หน้าไม่อายจริงๆ!”
“ใช่! ชื่อเสียงของตระกูลอานได้ถูกเธอทำขายหน้าหมดแล้ว!”
“ผู้หญิงแบบนี้สมควรแล้วที่ไม่มีคนเอา!”
อานเฉียวเม้มปากเล็กน้อย ได้ฟังหญิงผู้หญิงพวกนั้นซุบซิบกับเบาๆ ก็เหมือนเข็มที่แทงหู