บทที่ 527 ส่งเธอกลับบ้าน
เวลานี้ เฟิงเหยี่ยนทานเสร็จแล้ว กำลังยกแก้วไวน์ชิมไวน์ด้วยท่าทางที่อ่อนโยน
“คุณพ่อเธอ?”
จากสีหน้าของเธอเมื่อกี้ เขาก็เดาออกแล้ว
อานเฉียวตกใจเล็กน้อย แต่ก็ยังพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา
“เขาว่ายังไง?”
อานเฉียวเริ่มที่จะเป็นบ้า ก็ได้พูดด้วยสีหน้าที่ไม่ดีนัก “เขาว่า มีเวลาให้ฉันพาคุณกลับบ้านไปทานข้าว”
——
อีกด้าน ตระกูลอาน
อานจื่อซานพึ่งวางสายไป อีกด้านหลิวซิ่วเซียงก็ได้เข้ามา ถามอย่างร้อนใจว่า “เป็นไง? เธอว่าไง?”
อานจื่อซานมองหน้าแม่สามีลูกสาว พยักหน้า “พวกเขาอยู่ด้วยกัน”
“หลิวซิ่วเซียงอึ้งไปเลย”
อานซินก็ได้พูดออกไปอย่างหงุดหงิด “เป็นไปไม่ได้! อย่างเธอ เป็นไปได้ยังไงว่าจะคว้าคุณชายหลักของเฟิงซื่อกรุ๊ปมาได้!”
อานจื่อซานได้ยินแบบนั้นสีหน้าก็ได้เครียด น้ำเสียงได้มีความโมโหปนเล็กน้อย พูดว่า “อานซิน แกพูดอะไรออกมา ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นพี่ของแก!”
อานซินโมโหจนหน้าซีด
โจวยู่เป็นแม่ของอานซิน เห็นลูกสาวโดนดุ ก็ต้องปวดใจเป็นธรรมดา ก็ได้รีบไปพูดกู้สถานการณ์ว่า “พอแล้ว อานซินไม่รู้เรื่อง คุณก็อายุปูนนี้แล้วยังไปถือสาเด็กอีก”
พูดจบ ก็ได้เปลี่ยนเรื่อง พูดว่า “แต่ว่าที่อานซินพูดก็มีเหตุผล คุณคิดอยู่ เมื่อสองปีก่อนอานเฉียวได้เกิดเรื่องแบบนั้น อย่างตระกูลเฟิงที่เป็นตระกูลเศรษฐีแบบนั้น เป็นไปได้ที่จะมาแต่งงานกับนี่! ตาอาน คุณว่าเธอนั้นจะ”
เธอมองอานจื่อซานด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ ประโยคหลังถือแม้ไม่ได้พูดออกไป แต่คนในเหตุการณ์รู้ว่านั่นหมายความว่าอะไร
ก็เป็นเพราะว่า จากชื่อเสียงของอานเฉียว เป็นคุณนายเฟิงนั้นไม่มีสิทธิ์แน่ๆ คงไม่ได้ไปเป็นชู้ลับของเขานะ!
อานจื่อซานอึ้งไป ได้ยินโจวยู่พูดแบบนั้น ก็รู้สึกว่าเป็นไปได้เหมือนกัน
ยังไงซะ วัยรุ่นสมัยนี้ ต่อให้ไม่มีความสัมพัทธ์ที่ใกล้ชิดจริงจัง เพื่อที่จะทำให้ดูสนิทสนม เรียกผัวๆ เมียๆ ก็มีมากมาย
หรือว่าอานเฉียวได้ลดคุณค่าของตัวเองจริงๆ?
สีหน้าของอานจื่อซานได้เปลี่ยนเล็กน้อย โจวยู่เห็น ก็ได้รีบพูดใส่ไฟไปว่า “คุณเมื่อกี้ไม่ได้ถามว่าเธอพักอยู่ที่ไหนเหรอ? วันนี้เธอพึ่งกลับประเทศวันแรก ถ้าคบหากับคุณเฟิงคนนั้นแบบปกติทั่วไป น่าจะกลับมาอยู่ที่บ้านถึงจะถูก”
อานจื่อซานถึงคิดได้ เมื่อกี้มัวแต่ถามว่าอานเฉียวได้อยู่กับเฟิงเหยี่ยนไหม ลืมถามเลยว่าวันนี้เธอพักที่ไหน
สีหน้าได้เปลี่ยนอย่างมาก ในที่สุดเขาก็ได้เอาโทรศัพท์ออกมาอีกครั้ง โทรไป
และตอนที่โทรไปอีกครั้งนั้น อีกฝ่ายก็ได้มีเสียงข้อความอัตโนมัติดัง: เลขหมายที่ท่านเรียกได้ทำการปิดเครื่อง กรุณาโทรใหม่อีกครั้งค่ะ
เพราะว่าได้เปิดแฮนด์ฟรี เพราะงั้นเสียงเตือนนี้ทุกคนต่างได้ยิน เวลานั้นก็ได้มีสีหน้าที่ดูถูกแล้วก็มีเลศนัยออกมา
เห็นไหม! เป็นชู้ลับของเขาแน่! ไม่อย่างนั้นผู้หญิงธรรมดาปกติ จะมีหรือที่กลับประเทศมาวันแรกแล้วก็ไปเที่ยวอยู่กับผู้ชาย กลางคืนไม่กลับบ้าน?
ที่จริง อานเฉียวถูกเข้าใจผิดจริงๆ
พึ่งคุยสายเสร็จ ก็พบว่าแบตโทรศัพท์เหลืออยู่หนึ่งเปอร์เซ็นต์แล้ว นั่งลงไม่ถึงครึ่งนาที เครื่องก็ได้ปิดไปเอง
แต่ว่าเธอรู้สึกว่า เวลานี้น่าจะไม่มีใครโทรมาหาเธออีก เพราะงั้นก็ได้เอามือถือให้พนักงานไปชาร์จแบต จากนั้นก็ไม่สนใจมันอีก
ใครจะคิดว่าจะเกิดการเข้าใจผิดนี้
แต่ว่าอานเฉียวในเวลานี้ ยังไม่รู้ถึงความคิดของทางตระกูลอาน ตอนนี้เธอกำลังคิดหนักเรื่องที่พักคืนนี้
เฟิงเหยี่ยนคิดว่า ไหนๆ ก็แต่งงานแล้ว แน่นอนว่าต้องกลับไปอยู่ด้วยกันที่บ้าน แต่ไม่ว่ายังไงอานเฉียวไม่ตกลง
เธอยังไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้จดทะเบียนกับเขาแล้วเลย! คืนนี้ถ้าไปกับเขาจริง งั้นก็เป็นการตกลงความสัมพันธ์ของทั้งสองแล้วไม่ใช่เหรอ? เธอไม่ได้โง่ขนาดนั้น!
เพราะงั้น ก็เพราะเหตุนี้ ทั้งสองก็ได้เถียงกันไม่หยุด
ตอนนี้ทานข้าวเสร็จแล้ว จากการเจรจาของเฟิงเหยี่ยน อานเฉียวดื่มไวน์ไปสองแก้ว ได้เริ่มมึนแล้ว
มีนักดนตรีเอาไวโอลินอันหนึ่งเดินเข้ามา ยิ้มแล้วพูด “เล่นเพลง《Howdoilive》 ฉลองการแต่งงานให้แก่คุณเฟิงคุณนายเฟิง ขออวยพรให้พวกคุณรักกันนานๆ ครับ!”
พูดจบ ก็ได้ตั้งท่า เล่นไวโอลินอย่างเชี่ยวชาญ
เพลงนี้อานเฉียวคุ้นเคยมากๆ เป็นเพลงรักของฮูสตัน เธอจำได้ว่าแค่เนื้อเพลงเดิมก็ซึ้งใจมากแล้ว เนื้อหารวมๆ ประมาณว่าเธอเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้
อานเฉียวนั้นไม่เชื่อว่าบนโลกนี้จะมีความรักแบบนี้อยู่ เธอคิดดู ถ้าเกิดมีคนที่เหตุผลการมีชีวิตอยู่คือเธอ งั้นคนคนนั้นก็ต้องมีความกดดันเป็นอย่างมาก งั้นต้องเหนื่อยกับการมีชีวิตขนาดไหน
เธอนั้นชอบที่จะมีความรักที่อิสระมากกว่า
เสียงเพลงที่อ่อนหวานได้บรรเลงระหว่างพวกเขาทั้งสอง อานเฉียวเงยหน้ามองเฟิงเหยี่ยน เห็นแต่เขาที่มีสีหน้านิ่งเรียบ มุมปากยังประดับรอยยิ้มอ่อนๆ ดวงตาที่เข้มนั้นเหมือนได้มีเสียงประกายของดวงดาว
“เพลงนี้เป็นเพลงที่ฉันเรียนที่ต่างประเทศ แล้วบังเอิญได้ยิน ฉันชอบมาก เธอล่ะ?”
อานเฉียวไม่กล้าที่จะพูดไม่ชอบออกไป ทำได้แค่พยักหน้าเล็กน้อย “อืม ก็โอเคค่ะ”
“เหอะ!” เฟิงเหยี่ยนหัวเราะออกมาอ่อนๆ เงยหน้ามานาฬิกาข้อมือ “นี่ก็ดึกมาแล้ว กลับเถอะ”
อานเฉียวหนังตากระตุก อยากจะปฏิเสธ แต่เฟิงเหยี่ยนกลับได้ออกไปก่อนแล้ว
เธอทำได้แต่เอากระเป๋าแล้วรีบออกไป
ออกจากร้านอาหาร เฟิงเหยี่ยนขึ้นรถก่อน หันไปก็เห็นอานเฉียวยืนอยู่ข้างถนน ไม่ขยับ
เขาขมวดคิ้ว ยื่นมือ “ขึ้นรถ”
อานเฉียวถอยหนึ่งก้าว จากนั้น ก็ได้ยิ้มออกมาอย่างปลอบๆ พูดว่า “คุณเฟิง คือว่า ขอบคุณสำหรับมื้อค่ำค่ะ ไม่มีอะไรแล้วงั้นฉันกลับก่อน”
พูดจบ ก็กำลังจะหนี แต่พอเดินไปสองก้าว คอเสื้อก็ได้แน่น ได้ถูกชายหนุ่มคว้าไว้แล้ว
ไม่รู้ว่าเฟิงเหยี่ยนลงจากรถตั้งแต่ตอนไหน ยืนอยู่หลังเธอ ริมฝีปากเรียวบางได้ยิ้ม สายตาได้เย็นชาเล็กน้อย ถาม “ไปไหน?”
อานเฉียวฝืนยิ้ม “แน่นอนว่ากลับบ้านค่ะ”
“ฉันไปส่ง”
ชายหนุ่มได้พูดออกมาสามคำ ไม่รอให้พูด ก็ได้หันไปยัดเธอเข้าไปในรถ
อานเฉียว “”
——
รถมายบัคสีดำได้ขับไปบนถนนที่รุ่งเรืองของเมืองเจียง เฟิงเหยี่ยนขับรถ ได้ใช้สายตามองไปยังสาวน้อยที่ได้นั่งเงียบๆ อยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับเป็นพักๆ สายตาก็ได้มีความพอใจ
เขารู้จักอานเฉียว รู้ว่าเธอนั้นไม่ได้เป็นผู้หญิงที่ชื่นชมความฟุ้งเฟ้อและไม่มีขีดจำกัด เพราะงั้นเขาถึงได้ให้เกียรติเธอ ทำตามความคิดเห็นเธอ ส่งเธอกลับบ้าน
ยังไงซะ ทั้งสองรู้จักกันไม่นาน ถ้าเกิดดื้อรั้นที่จะให้เธอไปอยู่กับเขาตอนนี้ กลัวว่าเธอนั้นจะเกิดความต่อต้านขึ้น
อืม ใช่ คือความต่อต้าน
ในใจของเฟิงเหยี่ยนตอนนี้ได้วิเคราะห์ ปลอบใจตัวเอง เธออยากหนีก็หนีไม่พ้น เพราะงั้นค่อยๆเป็นค่อยๆไป วันเวลายังอีกยาว ไม่รีบร้อน
ไม่นานรถก็ได้ขับมาถึงคฤหาสน์ของตระกูลอาน อานเฉียวลงจากรถ ไม่รอให้เฟิงเหยี่ยนพูดอะไร ก็ได้รีบพูดขอบคุณออกไป ก้มหน้าแล้วก็รีบวิ่งไปทางประตูบ้าน
เฟิงเหยี่ยนมองแผ่นหลังที่ได้วิ่งเร็วกว่ากระต่ายของเธอ ก็ได้ขำอย่างช่วยไม่ได้ จ้องมองเธอเข้าประตูใหญ่ไป ถึงได้ขับออกไป
อานเฉียวมีกุญแจของประตูใหญ่ของคฤหาสน์มาโดยตลอด เพราะงั้นไม่ได้เคาะประตู แต่ได้ใช้กุญแจเปิดเข้าไปเอง