บทที่ 528 พูดเธอแบบนั้น
แต่คิดไม่ถึงว่าตอนที่กำลังเข้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงพูดคุยที่ดังมาจากห้องนั่งเล่น
“พ่อค่ะ พ่อดูสิตอนนี้กี่โมงแล้ว เท่าที่หนูดูนะ วันนี้เธอไม่กลับมาแล้ว”
“ใช่ พ่อตา ไม่ใช่ฉันไม่เตือนคุณนะ คุณเลี้ยงเธอมาดีเกินไปแล้ว คุณคิดว่ามันดีกับเธอ ไม่แน่ต่อไปก็เป็นการทำร้ายเธอนะ คุณคิดดูจากการกระทำของเธอตอนนี้ ต่อไปจะแต่งงานยังไง?”
“ใช่ๆ! อย่างเธอที่ไม่สงวนตัวเองแบบนี้ ต่อไปคนอื่นพูดขึ้นพวกเราทุกคนก็พากันอับอายไปด้วย ทำให้คนขายหน้าจริงๆ!”
“เห้อ! ฉันว่าส่งคนไปตามดีกว่าไหม?”
“”
อานเฉียวยืนอยู่ที่ทางเข้าหน้าประตู ได้ยินเสียงที่พูดคุยนินทาที่ไม่น่าฟัง ปากก็ได้โมโหจนสั่น
การกระทำเธอมันทำไม? มันกระทบต่อการแต่งงานของเธอ?
เธอไปทำอะไรที่มันน่ารังเกียจอะไรขนาดที่ว่า จะทำให้คนทั้งบ้านขายหน้าตามเธอ!
อานเฉียวโมโหจนใบหน้าได้ขาวซีด ยังเป็นคนใช้เก่าในบ้านป้าสวีที่ออกมาจากห้องครัว เห็นเธอก่อน ถึงได้พูดอย่างตกใจว่า “คุณหนูใหญ่?”
เสียงพูดคุยในห้องนั่งเล่นก็ได้เงียบทันที
อานเฉียวได้เม้มปาก เดินเข้าห้องนั่งเล่น สายตาได้มองคนในห้องนั่งเล่นทีละคน มีหลิวซิ่วเซียง อานซิน เฉียวจื่อยู่ โจวยู่ แล้วก็อานจื่อซานที่นั่งอยู่ที่โซฟา
ตอนที่ทุกคนเห็นเธอ ตอนแรงก็ได้อึ้งก่อน จากนั้นไม่นาน ก็ได้ยิ้มออกมาอย่างเย็นๆ เอง
“โยว่! อานเฉียวกลับมาแล้วเหรอ? ฉันยังคิดว่าคืนนี้เธอจะไม่กลับมาซะอีก!”
คนที่เริ่มพูดก่อนก็ยังเป็นหลิวซิ่วเซียง เต็มไปด้วยการประชดประชัน
อานเฉียวได้กำหมัดแน่น จ้องมองใบหน้าที่ทำให้คนขยะแขยง หงุดหงิดจนอยากจะพุ่งเข้าไปฉีกเธอเป็นสองแยก แต่ว่าความมีเหตุผลนั้นทำให้เธอได้กดความหงุดหงิดไป ยิ้มเย็นชาแล้วพูด “ฉันกลับไม่กลับ เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอคะ?”
ความหมายก็คือ ที่นี่คือตระกูลอาน ฉันอยากจะกลับก็กลับ ไม่อยากจะกลับก็ไม่กลับ เกี่ยวอะไรกับหล่อน!
หลิวซิ่วเซียงหึออกมา “ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันอยู่แล้ว ฉันก็แค่ร้อนใจแทนพ่อตา”
อานเฉียวจ้องมองอานจื่อซานสักพัก
ใบหน้าของอานจื่อซานมีความหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ไม่มีสายตาที่สนุกที่มองคนอื่นลำบากอย่างคนอื่น
ในใจของอานเฉียวก็ได้เหมือนถอนหายใจเบาๆ เดินเข้าไป เอากระเป๋าให้ป้าสวีแล้วก็นั่งอยู่ที่โซฟาข้างๆ ได้พูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นเหมือนเจ้าบ้านออกมา “ที่แท้น้าโจวของพวกเราไม่มีตัวตน ถึงขั้นที่คุณพ่อของฉันต้องให้คนนอกมาร้อนใจแทน”
พูดแบบนี้ออกไป สีหน้าของหลิวซิ่วเซียงกับโจวยู่ก็ได้เปลี่ยน
สามีของหลิวซิ่วเซียงตายนานแล้ว ที่ผ่านมานี้ได้เลี้ยงดูเฉียวจื่อยู่คนเดียว ลำบากมากๆ แล้วก็ไม่มีความสามารถอะไรมาประคองครอบครัว เพราะงั้นนอกจากกินของที่เคยมีอยู่แล้ว เพื่อที่จะใช้ชีวิตก็ได้ทำเรื่องที่ไม่สามารถให้คนอื่นรู้ได้บ้าง ชื่อเสียงนั้นไม่ค่อยดีจริงๆ
แต่ก็แค่ปกตินั้นต่อหน้าเธอ ทุกคนไม่พากันพูดถึงเท่านั้น เปิดบาดแผลคนอื่น น่ารังเกียจเกินไป
แต่อานเฉียวไม่สนใจอะไรพวกนั้น หล่อนได้มาตอแยเธอหลายต่อหลานครั้ง เธอยังจำเป็นต้องไว้หน้าเหรอ?
อานจื่อซานพูดอย่างโมโห “อานเฉียว ทำไมพูดกับน้าหลิวของแกแบบนี้? เธอเป็นผู้ใหญ่ของแกนะ!”
“หนูไม่มีผู้ใหญ่ที่ชอบพูดว่าร้ายคนอื่นลับหลังแบบนี้!”
“แก!”
“พอได้แล้ว!” อยู่เฉียวจื่อยู่ก็ได้ลุกขึ้น สีหน้าไม่ดี มองอานเฉียวด้วยสายตาที่เย็นชา
“อานเฉียว เธอว่าใครว่าร้ายคนอื่นลับหลัง? หรือว่าเรื่องไม่ได้เป็นเหมือนที่พวกเราพูดแบบนั้นเหรอ? ไหนๆ เธอก็กล้าทำ ทำไมถึงได้กลัวที่คนอื่นจะพูดล่ะ?”
“เหอะ!”
อานเฉียวโมโหจนได้ขำออกมา ตอนที่กำลังจะพูด ในเวลาเดียวกัน สายตาของอานซินก็ได้มองไปที่คอของเธอ อยู่ๆ ตาก็เป็นประกาย แล้วก็เดินเข้าไปเปิดคอเสื้อของเธอออก
เวลานั้น รอยสีแดงที่ล่อแหลมก็ได้ประจักษ์ต่อหน้าทุกคน
“เธอทำอะไร?”
อานเฉียวทั้งร้อนใจแล้วก็โมโห ก็ได้ปัดมือเธอออก แต่ก็สายไปแล้ว ทุกคนก็ได้เห็นรอยจูบที่อยู่บนคอเธอทั้งหมด
หลิวซิ่วเซียงอานซินรวมกระทั่งเฉียวจื่อยู่ ก็ได้มีสายตาที่ดูรังเกียจส่งออกมา ขนาดโจวยู่ ถึงแม้ใบหน้าไม่ได้แสดงออกมา แต่ในใจก็ได้ขำอย่างดูถูก
อานจื่อซานยิ่งโมโหจนสีหน้าได้เปลี่ยน!
พออานเฉียวมองเห็นสีหน้าของทุกคน ก็รู้ว่าไม่ดีแน่ ตอนที่กำลังอธิบาย อยู่ๆ ก็ “เพี้ยะ” ก็ได้ตบไปที่หน้าของเธอ
อานเฉียวอึ้งไปเลย!
เธอจ้องมองพ่อด้วยท่าทางอึ้งๆ ถึงแม้ว่าไม่กี่ปีมานี้คุณพ่อนั้นได้เข้าใจเธอผิดมาตลอด แต่ว่าไม่เคยที่ลงมือตบเธอ
เธอเปิดปากพูด “พ่อคะ”
“อย่าเรียกฉันว่าพ่อ! ฉันไม่มีลูกสาวที่ไม่รู้จักอายแบบเธอ!”
อานจื่อซานโมโหจนตัวสั่น โจวยู่ก็ได้รีบไปปลอบเขา “พอแล้วๆ อานเฉียวไม่รู้เรื่อง คุณต่อว่าก็พอแล้ว ลงไม่ลงมือทำไม?”
นัยน์ตาก็ได้มีความสุขบนความน่าสมเพชของคนอื่นส่งมา
ทั้งหมดนี้ อานเฉียวก็ได้มอง รู้สึกเหมือนว่ามีเข็มได้แทงมาที่ใจของเธอ เธออยากจะบอกคุณพ่อมากๆ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นแบบที่พวกเขาคิด เธอไม่เคยทำเรื่องแบบนั้น
แต่ว่า คำพูดได้อยู่ตรงปาก แต่ก็พูดอะไรไม่ออก
เพราะว่าเธอรู้ ต่อให้เธอพูด ก็ไม่มีคนเชื่อเธอ!
ตาของอานเฉียวได้แดง น้ำตาก็ได้คลอที่กรอบตาของเธอ แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่ไหลลงมา
ก็ได้ออกแรงสูดหายใจ พูดเสียงเข้มว่า “คำที่พวกคุณพูดเมื่อกี้ ฉันได้ยินหมดแล้ว เพราะงั้นพ่อคะ พ่อก็คิดว่า หนูไปเป็นชู้ลับของคนอื่นเขา?”
อานจื่อซานหึออกมา ไม่อยากที่จะพูดกับเธอ
นัยน์ตาของอานเฉียวก็ได้มีความเสียใจส่องออกมา ก็ได้เอาทะเบียนสมรสในกระเป๋าออกมา “พ่อดูเองเถอะ!”
พูดจบ ก็ได้หันหลังแล้วก็รีบเดินออกไปข้างนอก
——
อานเฉียวเดินอย่างรวดเร็ว ผ่านไปนาน ก็ได้เปลี่ยนเป็นวิ่ง ลมเย็นกลางคืนก็ได้กระทบใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา เหมือนมีดที่ได้กรีดหน้าเธอจนเจ็บยังไงอย่างงั้น
แต่เธอไม่ได้หยุดลง เธอออกแรงวิ่ง วิ่งสุดชีวิต เหมือนว่าแบบนี้ก็สามารถระบายความน้อยใจของเธอออกมาได้
ก็ได้วิ่งตรงไปที่ทะเล เธอถึงได้หยุดลง ก้มตัวเอามือไปวางที่เข่าแล้วก็หอบหายใจ ใบหน้าน้อยๆ ก็ได้แดงเพราะวิ่ง จมูกกลับเย็นจนแดง
อยู่ๆ เธอก็เปิดปาก ก็ได้ตะโกนไปที่ทะเล
“อ้าย——!”
“อ้าย——!”
“อ้าย——!”
“”
ตะโกนไปไม่รู้ว่ากี่ครั้ง คืนฤดูใบไม้ร่วงที่ชายหาดมีคนน้อย เพราะงั้นต่อให้มีคนสองคนมาเห็นเธอ มองด้วยสายตาที่แปลกๆ อานเฉียวก็สามารถที่จะทำเป็นไม่สนใจ
เธอต้องการระบาย เธอจะบ้าตายแล้ว!
ทำไม?
ทำไมคนพวกนั้นต้องทำแบบนั้นกับเธอ?
ทั้งๆ ที่รู้ว่าความจริงไม่ใช่แบบนั้น ทำไมถึงได้พูดเธอแบบนั้น?
จมูกของอานเฉียวได้ตันมาก ในตอนนี้น้ำตาก็ได้ไหลลงมาอย่างน่าสมเพช เธอได้ปิดหน้า ก็ได้นอนที่หาดทรายที่นุ่มราวกับหมดแรง ร้องไห้จนหางตาได้เมื่อย ทั้งตัวได้สั่น
เธอคิดถึงเรื่องเมื่อสองปีก่อน ก็เหมือนกับตอนนี้ พวกเธอได้ชี้มาที่เธอแล้วด่า
นังแพศยา! ไม่รู้จักอาย!
เธออดทน! เพราะว่าแก้ตัวอะไรไม่ได้
เธอจับเรื่องที่เฉียวจื่อยู่ได้นอนกับอานซินได้ อานซินกอดแขนเฉียวจื่อยู่มองเธออย่างโอ้อวด เธอทน!
เพราะว่าผู้ชายสวะแบบนั้นไม่คู่ควรที่เธอจะใส่ใจ!
แต่ว่า อย่างเดียว ความเจ็บปวดที่มากที่สุด ก็คือคุณพ่อ
เธอเป็นลูกสาวแท้ๆ ของเขานะ! ทำไมขนาดเขา ก็ไม่เคยที่จะเชื่อใจเธอ?
สองปีก่อนเป็นแบบนี้ ในงานแต่งเป็นแบบนี้ ตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนี้!