บทที่ 534 บันทึกเบอร์เขา
มือข้างหนึ่งดันไว้อยู่บนตัวรถปกคลุมเธออยู่ใต้กายตนเอง มือข้างหนึ่งกอดเอวเธอไว้อย่างแน่น ปลายจมูกดันปลายจมูกเธอไว้ มองเห็นริมฝีปากที่บวมแดงของเธอยิ้มขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์
“จำไว้ วันหลังอนุญาตให้แต่งตัวอย่างนี้อยู่แค่ต่อหน้าผมเท่านั้น!”
อานเฉียวมีความน้อยเนื้อต่ำใจเล็กน้อย กลับยังคงเชื่อฟังตอบว่า “โอ๊ะ”
เฟิงเหยี่ยนนี่จึงพอใจลูบหน้าของเธอลูบแล้วลูบอีก ปล่อยเธอออก ช่วยเธอดึงประตูรถออกด้วยตนเอง
“ขึ้นรถ!”
อานเฉียวขึ้นรถแล้ว มองเห็นผู้ช่วยฉินไม่รู้ว่ามาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ในเวลานี้ก็นั่งอยู่บนที่นั่งคนขับ หน้าแดงเล็กน้อย
คิดว่าน่าจะเห็นฉากนั้นของเมื่อกี้แล้ว
ทันทีนั้นในใจของเธอยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดจนวุ่นวาย แอบสาบานว่าจะต้องหาเวลาเชื่อมประสานกับเฟิงเหยี่ยนสักหน่อย วันหลังอยู่ข้างนอกอย่าใจร้อนอย่างนี้อีกแล้ว
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถมาถึงจุดหมายปลายทางของคืนนี้วิลล่าตากอากาศหมิงหลิว
เฟิงเหยี่ยนมีห้องเพรสซิเดนท์สูทระยะยาวอยู่ที่นี่ ดังนั้นพาอานเฉียวเดินตรงไปยังลิฟต์
ประตูลิฟต์กำลังจะปิด อยู่ดีๆกลับโดนมือข้างหนึ่งขวางไว้ เห็นเพียงผู้ชายเยาว์วัยหน้าตาหล่อเหลาเหลือเกินคนหนึ่งเดินเข้ามา มองเห็นเฟิงเหยี่ยน ตาสว่างขึ้นทันที
“โอ้ว!พี่ชาย Kreisบอกว่าคุณจะพาพี่สะใภ้ของผมมา ผมยังไม่เชื่อ อิ ที่แท้เป็นเรื่องจริงหรือ?”
เฟิงเหยี่ยนใบหน้าไร้สีหน้าจ้องมองเขาหนึ่งที “แกอยู่นี่ได้ยังไงหรือ?”
“หัวเราะเยาะ! งานเลี้ยงที่คุณลุงผมจัด คุณก็ล้วนมาได้ ผมจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ยังไงล่ะ?”
“งานบริษัทที่มอบให้คุณไปจัดการเสร็จหรือยัง?”
มุมปากเฟิงยี่กระตุกเล็กน้อย ไม่อยากเอ่ยถึงประเด็นที่คุยกันนี้ ย้ายสายตาไปยังอานเฉียว
นี่พินิจพิเคราะห์อย่างละเอียดหนึ่งที ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึงสักหน่อย จากนั้นก็กวาดยิ้มเจ้าเล่ห์ผ่านหนึ่งที
“พี่สะใภ้ตัวเล็กอายุเท่าไหร่แล้วล่ะ? เห็นลักษณะที่อ่อนนุ่มจนหยิกที่ไหนก็เหมือนกันหมด ยังไม่เป็นผู้ใหญ่มั้ง?”
ใบหน้าน้อยของอานเฉียวแดงจนแทบจะหยดเลือดออกมา ตอบเสียงเบาว่า “ฉันอายุ 20 แล้ว”
“ฮ่า! จริงๆหรือ? ที่แท้พี่ชายเปลี่ยนรสชาติแล้วหรือ? ผมยังคิดอยู่ตลอดว่าเขาชอบเพียงความรักที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะสาวน้อยผู้น่ารักแบบนั้นล่ะ!”
กำลังพูดอยู่ ประตูลิฟต์เปิดแล้ว เฟิงเหยี่ยนยกเท้าเตะบนก้นเขาหนึ่งที โมโหร้องว่า “ไสหัวออกไป! ” ดูเหมือนเฟิงยี่รู้มานานแล้วว่าเขาจะใช้วิธีนี้ ก่อนที่เขาจะเตะก็กระโดดออกไปแล้ว นัยน์ตาดอกท้อคู่หนึ่งยิ้มตาหยีตั้งใจยั่วยุพูดว่า “ดูคุณสิผมเพียงแค่ล้อเล่น ลักษณะที่เหมือนอยากจะฆ่าปิดปากรีบร้อนมากของคุณ คนที่ไม่รู้ก็ยังคิดว่าโดนผมพูดตรงจุดแล้วล่ะ ฮ่าฮ่า!”
เสียงหัวเราะของเฟิงยี่ค่อยๆไกลออกไป ประตูลิฟต์ปิดลง ขึ้นไปยังห้องเพรสซิเดนท์สูทระดับสูงที่อยู่ชั้นบนสุด
โดนความยั่วยุนั้นในเมื่อกี้อานเฉียวมีการอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเล็กน้อย จากนั้นทันทีที่เงยหน้าขึ้น ก็ชนกับลูกตาที่ลึกเงียบมืดดำของเฟิงเหยี่ยน
เธอกลัวเขาไม่พอใจ รีบเก็บรอยยิ้มที่อยู่มุมปากขึ้นมา ทำลักษณะเหมือนไม่ได้เกิดอะไรขึ้น อยู่ดีๆกลับได้ยินเขาพูดเสียงเข้มว่า “เขาพูดเหลวไหลล่ะ คุณอย่าไปเชื่อ”
อานเฉียวอึ้งชะงักแล้วอึ้งชะงักอีก ผ่านไปสักพักไม่มีปฏิกิริยากลับมา
นี่เขากำลังอธิบายกับเธอหรือ?
คนบางคนที่ผ่านไปสักพักยังรอคำตอบไม่ได้ ใบหน้าหล่อขึงลับทันที นิ้วหนึ่งบีบอยู่ที่หน้าผากของเธอ โมโหพูดว่า “ได้ยินหรือเปล่า?”
อานเฉียวหน้าหงิกจับหน้าผากไว้ รีบตอบว่า “ได้ยินแล้ว”
เนื่องด้วยงานเลี้ยงตอนสองทุ่มจึงจะเริ่ม ดังนั้นเฟิงเหยี่ยนพาเธอไปพักผ่อนที่ห้องนอนก่อน
ก็ถือโอกาสจัดการเรื่องงานเล็กน้อยเช่นกัน
อานเฉียวนั่งอยู่บนโซฟาของห้องรับแขก ดูทีวีอย่างน่าเบื่อ อยู่ดีๆมือถือดังขึ้นมา
เธอเหลือบตามองห้องหนังสือหนึ่งที จากนั้นค่อยๆเดินไปอีกฝั่งหนึ่ง รับสายขึ้นมา
“ฮัลโหล่ เจินเจิน”
“อานเฉียว เมื่อวานแกโทรหาฉันหรือ? หน้าจอมือถือของฉันพังแล้ว วันนี้จึงซื้อเครื่องใหม่ ดังนั้นไม่ได้รับสาย”
อานเฉียวเหงื่อออก
ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง
เธอไม่อยากพูดเรื่องเมื่อคืนที่พบเจอไอ้บ้ากามกับเจินเจินทำให้เธอรู้สึกผิด ดังนั้นแค่พูดว่า “ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เองล่ะ ฉันยังงงอยู่นะ รู้ว่าคุณน่าจะไม่ได้พักผ่อนเร็วขนาดนั้น ทำไมยังไงก็ไม่รับสายล่ะ”
“ไอ้! อย่าพูดถึงอีกเลย เมื่อวานฉันอกหักแล้ว ดังนั้นโมโหขึ้นมาก็ทุบมือถือเลย”
“อ่า?” อานเฉียวแสดงถึงความไม่เข้าใจในการกระทำของคุณหนูใหญ่คนนี้อย่างมาก
อกหักแล้ว ทุบหมอนทุบผ้าห่มสักหน่อยก็ได้แล้วไง ทุบมือถือน่าเสียดายมากนะ!
เจินเจินยังตัดพ้อต่ออีก “อานเฉียว แกว่าผู้ชายเฮงซวยคนนั้นมีสิทธิอะไรเหยียบเรือสองแคมหรือ? พี่คือหุ่นไม่ดีหรือว่าสวยไม่พอหรือว่าบ้านเงินมากไม่พอ แม่มึงเอ่ยไม่ว่ายังไงก็คู่ควรกับเขาได้อยู่มั้ง! เขากลับดี ถึงขนาดกล้าปิดบังฉันไปจีบผู้หญิงคนอื่น ช่างไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วจริงๆ!”
อานเฉียวอึดอัดใจยิ้มต่อๆกัน “งั้นคุณทำอะไรเขาแล้วล่ะ?”
“เหอะ! ก็ไม่ได้ทำอะไร ก็แค่ติดกล้องวงจรปิดอยู่ในห้องนอนของเขา จากนั้นเอาวิดีโอที่เขาพาผู้หญิงคนนั้นกลับบ้านกลิ้งอยู่บนเตียงกันถ่ายทอดสดทั่วโลก”
อานเฉียว “……”
คุณหนูใหญ่ รู้ว่าบ้านท่านมีเงินมีอิทธิพล แต่ก็ไม่ใช่เล่นอย่างนี้ล่ะ!
แต่อานเฉียวรู้ว่าเตือนเธอแบบนี้ไม่มีประโยชน์อะไร ดังนั้นเพียงแค่พูดว่า “วันหลังอย่าไปหาแฟนที่สถานบันเทิงอีกเลย ไว้ใจไม่ได้”
เจินเจินมีเหตุผลจนพูดได้เต็มปากเต็มคำ “งั้นฉันจะไปหาที่ไหนล่ะ?”
นี่ก็ทำให้อานเฉียวลำบากใจแล้วเช่นกัน เธอก็แค่เคยคบรักกับใครมาเพียงครั้งเดียว นั่นล้วนเป็นคนหนุ่มสาวที่เติบโตเล่นด้วยกันมาแต่เด็กๆตอนที่เรียนหนังสือ สำหรับเฟิงเหยี่ยนตัวเธอเองล้วนจำไม่ได้ว่าหามาได้ยังไงล่ะ
คิดแล้วคิดอีก เธอนึกถึงวิธีที่ไว้ใจได้ที่สุดอย่างหนึ่ง “ถ้าไม่งั้นคุณไปดูตัวเถอะ!”
เจินเจิน “……”
“ไอ้! ช่างเถอะ ช่างเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว วันอาทิตย์นี้แกมีเวลาว่างไหม พวกเราไปกินข้าวช็อปปิ้งด้วยกันเถอะ หลังจากแกกลับประเทศแล้วยังไม่ได้ช็อปปิ้งด้วยกันล่ะ”
อานเฉียวนับแล้วนับอีก วันอาทิตย์น่าจะไม่มีเรื่องอะไร ดังนั้นก็รับปากเลย
“โอเค งั้นก็ตกลงกันเป็นแบบนี้แล้วนะ วันอาทิตย์รอจนกว่าจะพบ บ๊ายบาย!”
“บ๊ายบาย!”
เพิ่งวางสายลง ข้างหลังก็ส่งเสียงต่ำของผู้ชายมา
“วันอาทิตย์จะไปกินข้าวด้วยกันกับใครหรือ?”
อานเฉียวตื่นตะลึงทันที รีบหันหน้ากลับไป มองเห็นเฟิงเหยี่ยนถือแก้วน้ำโผล่ออกมาอยู่ที่หน้าประตูห้องหนังสือ
เธอโล่งอกทันที ผู้ชายคนนี้เป็นผีหรือ? เดินล้วนไม่มีเสียง ยังมีอีก เมื่อกี้ทั้งๆที่เธอยังเห็นประตูห้องหนังสือปิดอยู่ ทำไมแค่พริบตาเดียวเขาก็ออกมาแล้ว!
เฟิงเหยี่ยนมองเห็นลักษณะที่ตื่นตะลึงของอานเฉียว เต็มใบหน้า ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก้าวใหญ่เดินไปยังเธอ
ยังไม่ทันมีปฏิกิริยากลับมา มือถือก็ถูกเขาแย่งไปเลย
“เหว่ย! คุณทำอะไรล่ะ?”
อานเฉียวร้อนใจมาก ถูกเฟิงเหยี่ยนจับข้อมือไว้ ยักคิ้วหนึ่งที ถามว่า “ใครหรือ?”
อานเฉียวเพียงได้แค่ตอบอย่างซื่อๆตรงๆ “เพื่อนร่วมชั้นม.ปลายของฉัน เป็นผู้หญิง ถ้าไม่เชื่อคุณดูชื่อสิ”
เฟิงเหยี่ยนก็ยังเปิดสมุดบันทึกเบอร์โทรจริงๆ มองเห็นเจินเจินยัยบ้าชื่อในช่องหมายเหตุนี้ มุมปากยักขึ้นหนึ่งทีเล็กน้อยจนสังเกตไม่ได้
จากนั้น นิ้วยาวลูบอยู่บนมือถือหลายทีอย่างรวดเร็ว อยู่ดีๆขมวดคิ้วขึ้นมาจ้องมองเธอ
“คุณถึงขนาดไม่ได้เมมเบอร์ของผมไว้หรือ?”
อานเฉียวอารมณ์ไม่ดีลืมตาขาวมองเขาหนึ่งที “คุณก็ไม่เคยบอกกับฉันว่าเบอร์อะไรล่ะ!”
เฟิงเหยี่ยนอึ้งชะงักหนึ่งที คิดแล้วว่าดูเหมือนเป็นอย่างนี้จริงๆ
สีหน้าคลี่คลายลงเล็กน้อย เขายื่นมือถือให้กับอานเฉียว พูดว่า “งั้นผมบอกกับคุณตอนนี้ คุณบันทึกเข้าไป”
อานเฉียวเบ้ปากต่อๆกัน ไม่ยินไม่ยอมบันทึกเบอร์ของเขาไว้
บันทึกเสร็จแล้ว กำลังจะเก็บมือถือเข้ามา อยู่ดีๆผู้ชายกลับไม่ยินยอมอีกแล้ว
“หมายเหตุ!” เขาหน้าบึ้งพูดสั่ง