วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 53 ไม่ให้หย่า

บทที่53 ไม่ให้หย่า

จิ่งหนิงมองเขา ถูกเขาหว่านล้อมไปมากแล้ว

แต่พอคิดถึงเนื้อหาโทรศัพท์ที่ตัวเองได้ยิน ก็ยังคิดว่าเหมือนมีหนามติดค้างไว้ในลำคอ ยากที่จะเอาออก

หน้าเธอหม่นลง มองเขาแล้วพูดจริงจัง:“ลู่จิ่งเซิน ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณต้องแต่งงานกับฉัน และก็ไม่รู้ว่าการแต่งงานนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน แต่ฉันหวังว่า ถ้าวันไหนคุณอยากจะลบล้างการแต่งงานนี้ ก็แจ้งฉันล่วงหน้า ฉันไม่สนใจว่าคุณรักผู้หญิงคนอื่น และก็ไม่สนใจเรื่องหย่า แต่ฉันให้ความสำคัญในเรื่องหักหลัง ไม่ว่าเป็นสามีภรรยาหรือว่าพันธมิตร ก็ไม่ได้ทั้งนั้น คุณเข้าใจไหม?”

คิ้วของชายหนุ่มดูดุดันมากขึ้น

เขามองเธออย่างเยือกเย็น พูดเสียงทุ้ม:“คุณไม่สนว่าผมจะรักผู้หญิงอื่น?”

จิ่งหนิงรู้สึกทิ่มแทงใจ

พูดไม่ชัดเจนว่าทำไมรู้สึกแบบนี้

ก็แค่เธอกับลู่จิ่งเซินไม่ได้รักกัน อยู่ด้วยกันก็เพราะสาเหตุอื่น ดังนั้นถ้าวันไหนเขาได้เจอรักแท้ ดูเหมือนว่าตัวเองก็ไม่จำเป็นต้องห้ามอีก!

ดังนั้น จึงพยักหน้า

“ไม่สนว่าต้องหย่า?”

เธอพยักหน้าอีกครั้ง

จู่ๆชายหนุ่มก็ยิ้มอย่างเยือกเย็น

เดิมทีสีหน้าที่อ่อนโยน ก็ดูเย็นชาขึ้นมา

เขาลุกขึ้น เดินไปข้างนอก

จิ่งหนิงงงเล็กน้อย

ยังไม่ได้สติคืนมา ก็เห็นเขาหยิบเล่มสีแดงสองเล่มเดินเข้ามา

นั่นคือทะเบียนสมรสของพวกเขา

หนังตาจิ่งหนิงกระตุก ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้อยากจะทำอะไร ก็แค่รู้สึกรางๆไม่ดี

จากนั้น ก็เห็นเขาไปหน้าโต๊ะ หยิบไฟแช็ก จากนั้นก็เผาเล่มแดงๆสองเล่ม

จิ่งหนิงเบิกตาโต

“ลู่จิ่งเซิน คุณทำอะไร?”

เธอพุ่งเข้าไป อยากจะแย่งทะเบียนสมรสที่เผาออกมา

แต่ถูกชายหนุ่มห้ามไว้

เขากุมมือของเธอ กดเธอไว้ที่กำแพง

“จิ่งหนิง ผมเคยบอกคุณแล้ว ผมลู่จิ่งเซินทั้งชีวิตนี้มีผู้หญิงแค่คนเดียว แต่งงานครั้งเดียว คุณกลับเอาแต่คิดว่าผมกำลังเล่นละครกับคุณ?งั้นวันนี้ผมก็จะพิสูจน์ให้คุณเห็น ทะเบียนสมรสก็เผาแล้ว คุณยังคิดหย่ากับผมอีก!จากนี้ไป อย่าได้คิดเลย!”

จิ่งหนิง:……

เธอก็แค่พูดไปงั้นๆ ผู้ชายคนนี้ ต้องจริงจังขนาดนี้เชียวเหรอ?

ข้อมือถูกเขารัดแน่น แน่นจนเจ็บเล็กน้อย

เธอขยับยากแล้ว พบว่าดึงไม่ออก ได้แต่ประนีประนอมไป

“โอเคๆ ฉันรู้แล้ว คุณปล่อยฉันก่อนได้ไหม?”

ลู่จิ่งเซินก็ไม่ได้ปล่อยเธอ

เขาจ้องเธออย่างจริงจัง พูดเสียงทุ้ม:“งั้นคุณพูด จะหย่าไหม?”

จิ่งหนิงกลอกตาใส่

“นายลู่ คุณที่มีชู้ก่อนเอง ยังมีหน้ามาถามฉันแบบนี้เหรอ?”

ลู่จิ่งเซินจึงยิ้ม

แล้วก็ไม่รู้ว่าคิดอะไร จู่ๆก็ยื่นมือไปลูบผมเธอ พูดเสียงทุ้ม:“ยัยโง่!”

จิ่งหนิง:……????

ดีที่ในที่สุดเขาก็ปล่อยเธอ พูดอธิบาย:“เธอคือคนที่สำคัญในชีวิตของผม แต่ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด”

จิ่งหนิงสงสัย

ลู่จิ่งเซินมองสายตาเธอ ยิ้มอีกรอบ

“ช่วงนี้พาคุณกลับไปเมืองหลวง ถึงตอนนั้นคุณก็จะรู้”

สีหน้าจิ่งหนิงเปลี่ยน

กลับเมืองหลวง?

เธออ้าปาก อยากพูดอะไร แต่ถูกสายตาลู่จิ่งเซินห้ามไว้

ชายหนุ่มเดินไปตรงหน้าเธอ จูงมือเธอให้เธอมานั่งบนเตียง จากนั้นเอื้อมตัวไปที่แก้มเธอแล้วจูบลง

“ดึกแล้ว นอนเถอะ ฝันดีนะ!”

จนฟ้าสว่าง

วันถัดมา จิ่งหนิงพาถังลั่วเหยาไปตามนัดที่ห้องทำงานของลู่หยั่นจือ

เข้าไปพร้อมกัน และยังมีจิ่งเสี่ยวหย่ากับถงซู

เห็นจิ่งหนิง จิ่งเสี่ยวหย่าก็คาดไม่ถึงหน่อยๆ

“พี่ ทำไมพี่มาอยู่นี่ล่ะ?”

จิ่งหนิงมองเธออย่างเย็นชา มองจิ่งเสี่ยวหย่าวันนี้สวมเดรสขาว ด้านนอกเป็นเสื้อคลุมสีเดียวกัน เหมือนเจ้าหญิงที่เย่อหยิ่ง

ที่ตามอยู่หลังเธอ นอกจากถงซู ยังมีผู้หญิงอีกคน

เธอจำได้ นั่นคือลูกพี่ลูกน้องที่อยู่ไกลของจิ่งเสี่ยวหย่า เหมือนจะชื่อ——หร่วนเจียวเจียว?

หร่วนเจียวเจียวดังมาจากเน็ตไอดอลเล็กๆ ตอนนี้เซ็นสัญญาอยู่ที่บริษัทของจิ่งเสี่ยวหย่า พึ่งพาความสัมพันธ์จากจิ่งเสี่ยวหย่า รวมถึงมีใบหน้าที่สมส่วน ถูกเรียกว่าจิ่งเสี่ยวหย่าตัวน้อย

เพราะชื่อนี้ เธอเลยได้งานในวงการมาไม่น้อย

จิ่งเสี่ยวหย่าก็ชอบพาเธอมา เพราะยังไง แค่มีหร่วนเจียวเจียวที่เป็นของปลอมนี้อยู่ ก็เน้นให้เห็นได้ว่าดั้งเดิมของเธอนั้นสวยเพอร์เฟคแค่ไหน

คิดถึงตรงนี้ ในใจจิ่งหนิงก็แอบหัวเราะ พูดอย่างเยือกเย็น“คุณเปิดที่นี่เหรอ?”

ความหมายคือ คุณอยู่ได้ทำไมฉันจะอยู่ไม่ได้?

จิ่งเสี่ยวหย่าหน้านิ่งไป

ยังไงก็อยู่ข้างนอก ถูกจิ่งหนิงทำแบบนี้ต่อหน้าผู้คน ที่จริงก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายเล็กน้อย

แต่เธอจะมีปัญหาโดยตรงกับจิ่งหนิงไม่ได้ เพราะยังไง เธอก็มีภาพลักษณ์เป็นสภาพสตรีที่แต่งงานกับคนรวยในวงการบันเทิง ที่นี่นักข่าวมีเยอะ ถูกคนถ่ายได้ว่าเธอกับเขาทะเลาะกันที่สาธารณะ ภาพลักษณ์จะแย่แค่ไหน?

เทียบกับศีลธรรมของเธอแล้ว จิ่งหนิงก็มีมากกว่า

ยังไงก็ไม่ใช่นักแสดง อยากมายังไงก็มา

ถงซูเดินไปข้างหน้า ยื่นมือไปที่จิ่งหนิง

“คุณจิ่ง ไม่เจอกันนานนะคะ”

จิ่งหนิงก็ยังยื่นมือ ไปจับหล่อน

ยังไงก็เป็นรุ่นพี่ในวงการ ถึงจะมีศีลธรรมแย่ไปหน่อย แต่ความอาวุโสก็สมควรได้รับความเคารพ

ลู่หยั่นจือมาถึงนานแล้ว รู้ว่าพวกเธอมาแล้ว ก็รีบเรียกผู้ช่วยให้พวกเธอไปที่สตูดิโอ

กลุ่มคนเข้ามาที่สตูดิโอ เห็นว่าอุปกรณ์ข้างในจัดเตรียมไว้ดีแล้ว

บนเวทีว่างเปล่า มีนักแสดงสองกลุ่มกำลังแสดงอยู่ เหมือนว่ามาลองเทสต์เช่นกัน

ลู่หยั่นจือพาเจ้าหน้าที่คนอื่นๆอีกสองสามคน นั่งดูที่ผู้ชม

มีคนเดินเข้ามา เป็นจิ่งเสี่ยวหย่าก่อนที่ทักทายด้วยเสียงอ่อนโยน“ผู้กำกับลู่ พวกเรามาแล้ว”

ลู่หยั่นจือจึงเงยหน้าขึ้น สายตามองไปที่หน้าเธอ แล้วหยุดไปที่ร่างจิ่งหนิงที่อยู่ข้างหลัง

ยิ้มออกมา“ถึงกันแล้ว นั่งก่อนสิ!”

พูดไป ก็ชี้ไปที่ที่นั่งข้างๆ แล้วก็กำชับผู้ช่วยผู้กำกับข้างๆ ให้เอาสคริปต์มาให้เขา

เขาเอาสคริปต์แบ่งให้หร่วนเจียวเจียวกับถังลั่วเหยา พูด:“พวกคุณลองดูสคริปต์ คิดว่าไม่มีปัญหาก็รอแป๊บหนึ่งแล้วไปแต่งหน้า พวกเราให้แต่ละคนลองดูก่อน ดูว่าเป็นยังไง”

หร่วนเจียวเจียวได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนไป

“ผู้กำกับลู่ ไม่ได้บอกเหรอว่าบทนี้ให้ฉันแล้วน่ะ?ทำไมยังต้องลอง……”

ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกสายตาคมกริบและเย็นชาหยุดเข้าไว้

ลู่หยั่นจือหน้าหม่นลง

“ก่อนหน้านี้ผมรับปากเสี่ยวหย่าแล้วว่าจะให้คุณมาลองดู แต่ยังไม่ได้บอกว่าจะให้คุณเลย เย่หลันลั่วบทนี้ถึงจะเป็นแค่ตัวประกอบ แต่บทบาทนั้นสำคัญมาก ถ้าไม่ผ่านเทคนิคการแสดง บทนี้ก็อย่าได้คิดเลย!”

หร่วนเจียวเจียวอายจนหน้าซีด โกรธจนจิกนิ้วแน่น

จิ่งเสี่ยวหย่าก็แปลกใจเล็กน้อย

พูดตามเหตุผลแล้ว ถึงแม้ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอปรึกษากับลู่หยั่นจือ ลู่หยั่นจือไม่ได้รับปากแน่นอนว่าตัวละครนี้จะให้หร่วนเจียวเจียวมาแสดง แต่ก็เกือบแปดถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์

ยังไง ครั้งนี้เธอนำเงินเข้ามาในกลุ่ม ลู่หยั่นจือเตรียมการโครงการนี้มาหลายปี มันไม่ง่ายเลย ไม่คาดหวังว่าในเวลาที่สำคัญแบบนี้จะเกิดปัญหา

สายตาเธอเคลื่อนย้าย มองไปที่จิ่งหนิงด้านหลัง

ทันใดนั้นก็เข้าใจอะไรขึ้นมา

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset