วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 551 ปล่อยโอกาส

บทที่ 551 ปล่อยโอกาส

ก่อนหน้าถังลั่วเหยาก็มีผลงานหลายผลงาน แต่ว่าส่วนมากนั้นเป็นพวกซีรีส์รักใสๆ

ตอนนั้นชื่อเสียงของเธอมีไม่มาก เพราะงั้นต้องอาศัยพวกซีรีส์รักใสๆ มาเปิดตัว

ตอนนี้จำนวนแฟนคลับของเธอก็ได้มั่นคงแล้ว ตำแหน่งในอาชีพก็ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องห่วงชื่อเสียงและความดังแล้ว

เพราะงั้นกลับต้องการผลงานที่ดีมาเป็นฐานที่มั่นคงของบทบาทและตำแหน่งของเธอ

กับการจัดงานของซูหงถังลั่วเหยาไม่มีข้อแย้งอะไร มองดูบทละครแล้ว ก็ได้สนใจในตัวบทมากๆ

เพราะงั้นก็ได้ตอบตกลงไปแบบไม่ลังเล เซ็นสัญญา

จิ่งหนิงรู้เรื่องนี้ ก็ได้โทรไปหาเซ่เซียวเพื่อเตือนโดยเฉพาะ

ยังไงซะ ไม่ว่ายังไงถังลั่วเหยาก็เป็นนักแสดงที่เธอปั้นมากับมือ ตอนนี้ยังอยู่สังกัดวัฒนธรรมซิงฮุย เป็นต้นเงินต้นทองของเธอ แน่นอนว่าเธอนั้นไม่ทางให้คนอื่นมารังแก

ในสายเซ่เซียวนั้นก็ได้พูดแบบรักษาชีวิตไปสุดๆ ว่า “พี่สะใภ้เล็ก ผมรู้ว่าเธอเป็นคนของพี่ แน่นอนว่าต้องดูแลเธอหน่อย พี่วางใจเถอะ”

“ถ้าให้พูด นั่นเป็นสาวสวยเลยนะ ต่อให้ไม่ดูหน้านักบวชก็ต้องดูหน้าพระ ไม่ดูหน้าพระก็ต้องดูหน้าตา ผมก็ต้องดูแลเธอนะ”

จิ่งหนิงได้ยิน ก็รู้สึกว่าตลกมากๆ พูดว่า “ฉันเตือนนายไว้นะ นายอย่ามีความคิดอะไรกับเธอล่ะ ไม่อย่างนั้นคนที่จะมาเก็บนายไม่ใช่ฉันแน่”

เพราะว่าเซ่เซียวไม่รู้เรื่องของถังลั่วเหยากับเฟิงยี่ ได้ยินที่เธอพูด ก็ได้สงสัยอย่างช่วยไม่ได้

ก็ได้รีบถาม “พี่สะใภ้เล็ก หมายถึงอะไรอ่ะ? หรือว่าเธอมีเจ้าของแล้ว?”

จิ่งหนิงไม่กล้าที่จะพูดออกไปอย่างมั่นใจ เพราะว่าเท่าที่เธอดูตอนนี้ ก็แค่เฟิงยี่ชอบถังลั่วเหยา แต่ว่าถังลั่วเหยามีความคิดแบบไหนเธอยังไม่รู้

เพราะงั้นก็พูดแค่ว่า “เรื่องนี้ฉันไม่สะดวกบอกนาย ถ้านายอยากรู้จริงๆ ก็ลองไปถามเธอเอง”

เซ่เซียวได้ยิน ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ถามคนอื่นไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรมาก ก็ทำได้แค่วางสายด้วยความอึดอัด

นักแสดงของละครเรื่องใหม่ก็ได้จัดการเรียบร้อย ไม่นานก็ได้ทำการประกาศเริ่มถ่ายทำ

ไม่นานถังลั่วเหยาก็ได้ทุ่มเทความตั้งใจกับการถ่ายละคร เพราะว่าตารางงานในกองถ่ายนั้นกระชั้นชิดมาก เพราะงั้น เวลาที่เธอไปที่โรงพยาบาลก็ได้น้อยลง

วันนี้ คิดได้ว่าตัวเองนั้นไม่ได้ไปโรงพยาบาลครึ่งเดือนแล้ว เธอเริ่มเป็นห่วงอากาศของคุณแม้ เพราะงั้นก็ได้โทรไปหาฉู่ยี่ วานเขาว่าถ้ามีเวลาก็ไปเยี่ยมแม่ของตนหน่อย

ฉู่ยี่ฟังจบ แน่นอนว่าไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว

ที่จริงเมื่อก่อนเขาก็ไปที่โรงพยาบาลบ่อยๆ แต่ว่าช่วงสองปีมานี้หลังจากเขาได้เซ็นสัญญานั้นกับถังลั่วเหยา ถังลั่วเหยาก็ไม่ค่อยให้เขาไปแล้ว

เขาจะไม่ทำตามคำของถังลั่วเหยาก็ไม่ดี เพราะงั้นต่อให้ตัวเองอยากไปขนาดไหน ก็ทำได้แค่กดความอยากไว้

ตอนนี้ก็ได้มีโอกาสไปดูแลแม่ถังด้วยตัวเองอย่างไม่ง่าย แน่นอนว่าเขาไม่มีวันปล่อยโอกาสนี้ไป

และแล้ว วันนี้ตอนที่เขาได้รีบไปที่โรงพยาบาลนั้น ตอนที่มาถึงห้องพักคนไข้ที่ถังลั่วเหยาพูด กลับได้ยินว่าแม่ถังได้ย้ายโรงพยาบาลแล้ว ไม่ได้อยู่ที่นี่

ฉู่ยี่ตกใจ ก็ได้รีบโทรไปหาถังลั่วเหยา

ถังลั่วเหยาได้ยินเรื่องนี้ ก็ตกใจมากๆ

ความจริงแล้ว เธอไม่ได้ย้ายโรงพยาบาลให้แม่ถัง เพราะว่าได้พักโรงพยาบาลนี้มานานแล้ว

คุณหมอหวางก็เป็นหมอที่เธอนั้นสนิท มีความรับผิดชอบกับอาการของแม่ถังมากๆ ฝีมือการรักษาก็ดี เธอไม่มีเหตุผลที่จะย้ายโรงพยาบาล

แต่แล้ว ฉู่ยี่ก็หาแม่ถังในโรงพยาบาลไม่เจอจริงๆ ได้ยินที่เธอพูด ก็ไปถามคุณหมอหวาง

คุณหมอหวางพูดแต่ว่าแม่ถังเป็นคนบอกว่าจะย้ายโรงพยาบาลเอง บอกว่ามีเพื่อนอะไรของเธอมารับเธอ

เพราะว่าแม่ถังเป็นคนพูดเอง เพราะงั้นคุณหมอหวางก็คิดว่าถังลั่วเหยาได้รู้เรื่องนี้แล้ว ก็เลยไม่ได้บอกเธอเป็นทางการอีกที

เวลานี้รู้ว่าถังลั่วเหยาไม่รู้เรื่องนี้ ถึงได้รู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ เวลานั้นก็ได้เสียใจเอามากๆ ขึ้นมา

ถังลั่วเหยาพอได้รู้เรื่องนี้แล้วนั้น ก็ได้ร้อนใจมากๆ

รู้ว่าถามอะไรจากทางฉู่ยี่มาไม่ได้ ก็ได้รีบวางสายไป แล้วก็โทรไปหาแม่

แต่ก็ไม่รู้ทำไม เบอร์ของแม่นั้นได้มีคนโทรสายอยู่ตลอด โทรไม่ติดเลย

แม้ว่าเธอรอให้ผ่านไปสักพักแล้วโทรไปก็เป็นแบบนั้น โทรไม่ติด

เธอรู้ เหตุการณ์แบบนี้ น่าเป็นเพราะว่ามีคนได้ทำอะไรกับโทรศัพท์ของแม่ไว้ เพราะงั้นถึงได้ทำให้เธอนั้นรับสายตนไม่ได้

คิดถึงตรงนี้ สีหน้าเธอก็ได้เคร่งเครียดขึ้น ในใจก็ไม่สงบกว่าเดิม

ผ่านไปสักพัก อยู่ๆ เธอก็คิดถึงความเป็นไปได้หนึ่งที่เธอไม่อยากที่จะเชื่อเท่าไหร่ ก็ได้รีบเอาโทรศัพท์ออกมาโทรไปหาเฟิงยี่

โทรศัพท์ดังไปส่องที ก็ถูกรับ

เธอยังไม่ทันได้พูดอะไร ปลายสายก็ได้ส่งเสียงหัวเราะที่ดูสงบสุขมา

ได้ยินเสียงชายหนุ่มที่ได้พูดทางปลายสายว่า “คุณน้าครับ คุณน้านั่งอยู่ตรงนี้ก่อน เหยาเหยาได้โทรมาหาผมแล้ว ผมของรับสายหน่อย”

อีกฝ่าย เสียงหัวเราะของแม่ถังก็ได้ส่งมา “จ๊ะๆๆ พวกเธอคุยกันก่อน เดี๋ยวน้าลองศึกษาอันนี้เองดู”

ถังลั่วเหยาได้ยินเสียงนั้น ก็ได้มั่นใจว่าที่ตัวเองเดานั้นมันถูก คุณแม่ได้ถูกเฟิงยี่พาตัวไปจริงด้วย

เธอได้เริ่มโมโห แต่ก็ไม่ได้รีบพูดออกไป

จนกระทั่งอีกฝ่ายได้เงียบ ผ่านไปสักพัก เสียงที่ทุ่มต่ำของชายหนุ่มก็ได้ส่งมา “ฮะโหล?”

ถังลั่วเหยาถึงได้ยิ้มอย่างเย็นชา กัดฟันแล้วพูดว่า “เฟิงยี่ นายกล้ามากนะ ไม่มีบอกไม่กล่าวอะไรเลยก็ได้พาตัวแม่ฉันไป นายอยากจะทำอะไร? นายพาแม่ไปไหนแล้ว?”

อีกฝ่าย เฟิงยี่ได้ยืนอยู่ตรงทางเดิน หลังพิงกำแพง มืออีกข้างได้ล้วงกระเป๋า มีท่าทางที่ดูสบายมากๆ ดวงตาหมาป่าที่สวยกลับได้หรี่เล็กน้อย ได้ส่งลำแสงความอันตรายออกมา

เขาได้หัวเราะเบาๆ พูดว่า “แม่สะใภ้ของผมป่วย แน่นอนว่าผมต้องพาท่านมารักษา เธอใจร้อนอะไรขนาดนั้น?”

ถังลั่วเหยาได้ยินแบบนั้น ก็ได้โมโหเอามากๆ

เธอได้พูดด้วยน้ำเสียงโมโห “ใครเป็นแม่สะใภ้ของนาย? นายอย่าพูดอะไรมั่วๆ หน้าไม่อาย”

โดนเธอด่าขนาดนี้ เฟิงยี่ก็ไม่ได้โมโห

เขาก็ยังมีน้ำเสียงที่สบายๆ แบบเดิม พูดเสียงเบาว่า “เธอไม่ยอมรับก็ไม่มีประโยชน์ แม่สะใภ้ของผมยอมรับแล้ว เมื่อกี้ยังบอกผมว่าให้แต่งงานกับเธอเร็วๆ ผมรู้สึกว่าที่ท่านพูดนั้นก็ไม่เลว เอาแบบนี้ไหม เธอถูกใจวันไหน วันนั้นพวกเราก็ไปจดทะเบียนสมรสกัน”

ถังลั่วเหยาแทบจะถูกผู้ชายคนนี้ยั่วโมโหจนตาย

เธอได้กัดฟันแน่น พูดออกไปอย่างเย็นชาว่า “นายฝันไปเถอะ! ฉันบอกนายไว้นะ นายห้ามอาศัยความใจดีของแม่ฉันรังแกท่าน หลอกท่าน ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับนาย ตอนนี้ไม่เป็น ต่อไปก็ไม่มีทางเป็น!”

“เฟิงยี่ ฉันเตือนนายเลยนะ ทางที่ดีนายรีบเอาตัวท่านกลับมาให้ฉัน ถ้าแม่ฉันเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่ปล่อยนายแน่”

เฟิงยี่ได้ยินแบบนั้น ไม่โมโหกลับหัวเราะ

“อ้อ? งั้นเธอพูดหน่อยว่าจะทำยังไงกับผม พูดมาให้ผมฟังหน่อย”

น้ำเสียงที่ขี้เล่นของเขาแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่กลัวที่เธอขู่

พอเป็นแบบนี้ ถังลั่วเหยาก็ได้โมโหเอามากๆ

รู้สึกเหมือนว่าได้ต่อยหมัดไปที่สำลี อ่อนนุ่มจนทำให้คนไม่รู้สึกอะไร

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset