บทที่563 เธอให้คำมั่นแล้ว
“เงินจำนวนนี้มากพอให้เธอเสวยสุขไปได้อีกหลายปี รอฉันแต่งงานกับเฟิงยี่ เธอก็ยังกลับมาแสดงหนังต่อได้ ฉันรับรอง ต่อให้อยู่ซิงฮุยต่อไปไม่ได้ ก็สามารถแนะนำเธอไปบริษัทอื่นได้ รับรองว่าไม่แพ้ที่นี่”
สายตาของถังลั่วเหยาฉายแววไปที่ตัวเลขบนเช็ค หนึ่งร้อยล้าน!
ว้าว ถือว่า…วางเดิมพันครั้งเดียวพันตำลึง (ฟุ่มเฟือย) เพื่อความรัก โคตรรวย!
มุมปากยกยิ้มประชดประชัน เธอเงยหน้าขึ้นและยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติและรับเช็คมา “งั้นก็ขอบคุณ”
ส้งเจียเจียไม่คิดว่าเธอจะตรงไปตรงมาขนาดนี้ เธอตกตะลึงและกวาดสายตามองดูแววตาของหญิงสาวอย่างถ้วนทั่วไร้ซึ่งมลทินใดๆ
เธอโล่งอก แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ตราบใดที่ผู้หญิงคนนี้เต็มใจที่จะถอย เธอจะต้องได้กลับไปอยู่ข้างกายเฟิงยี่อีกครั้ง
ถึงแม้ว่าเงินจำนวนนี้แทบจะผลาญทรัพย์สินของครอบครัวเธอจนเกือบหมด แต่เพื่อเฟิงยี่ มันก็คุ้ม
ท้ายที่สุดแล้วด้วยสถานะอย่างถังลั่วเหยา หากให้เงินน้อยกว่านี้เธอก็คงไม่ยอมไป
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อน”
ถังลั่วเหยาพูดจบก็ลงจากรถไป
ส้งเจียเจียมองดูเธอเดินจากไปไกลๆ และรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เธอหันไปถามพี่เสว่ “พี่ว่าหล่อนจะไปจากคุณชายเฟิงจริงไหม?”
พี่เสว่ยิ้มเยาะ: “ผู้หญิงประเภทนี้ ชอบก็แต่เงิน เธอให้หล่อนไปร้อยล้านแล้ว หล่อนจะต้องยอมถอยแน่”
ไม่รู้ด้วยเหตุใด ส้งเจียเจียกลับรู้สึกไม่คิดเช่นนี้ พี่เสว่เห็นเธอมีท่าทางวิตกแบบนี้จึงพูดด้วยความปวดใจ: “อย่าคิดมากเลย ไม่ว่ายังไงพวกเธอก็คบกันมาตั้งนานแล้ว เขาไม่มีทางจะเสียเธอไปได้หรอก”
หัวใจของส้งเจียเจียสั่นสะท้าน ใช่แล้ว เฟิงยี่จะต้องกลับมาอยู่ข้างกายเธอแน่!
——
ถังลั่วเหยากลับถึงบ้านก็หกโมงเย็นแล้ว พอออกจากลิฟต์ก็ต้องตกใจ
ที่หน้าประตูชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ยืนพิงกำแพง ข้างเท้ามีเศษก้นบุหรี่กองหนึ่ง ดูแล้วคงรอมานานแล้ว
“ทำไมคุณถึงมาที่นี่?”
เธอถือกระเป๋าเดินเข้าไป เฟงยี่ขมวดคิ้วแน่นไม่ตอบแต่ถามกลับ: “ไม่ใช่ว่าเลิกกองตั้งนานแล้วเหรอ? ทำไมเพิ่งถึงเอาป่านนี้?”
ถังลั่วเหยาหยิบกุญแจและตอบไปพลาง: “ระหว่างทางเกิด” จู่ ๆ เธอก็นิ่งไปแล้วหันกลับไปแต่กลับคิดไม่ถึงว่าเฟิงยี่จะตามมา ปากของเธอชนกับคางของเขา ทั้งสองต่างตกตะลึง
“ระหว่างทางเกิดอะไร?” เฟิงยี่
มุมปากของเฟิงยี่ดึงเส้นโค้งออกมาและมือข้างหนึ่งจับประตูไว้ เธออยู่ในอ้อมแขนของเขาพร้อมกับรอยยิ้มในดวงตาของเขา
ทั้งสองอยู่ใกล้กันเกินไปจนถังลั่วเหยาได้กลิ่นลมหายใจปนกลิ่นบุหรี่ของเขาได้อย่างชัดเจน พร้อมกลิ่นไม้จันทน์จาง ๆ จากชายคนหนึ่งซึ่งไม่ได้เหม็นแต่กลับทำให้คนรู้สึกพิศวงเล็กน้อย
เธอเม้มริมฝีปากแน่นและส่ายหน้าแล้วผลักเขาออก “คุณปล่อยนะ ฉันเปิดประตูก่อน”
เมื่อประตูถูกเปิดออก นี่เป็นห้องชุดขนาดสองห้องนอนที่มีการจัดวางแบบเรียบง่าย การตกแต่งและการจัดวางที่ดูอบอุ่น มีของเยอะจนทำให้ห้องนั่งเล่นดูแออัดเล็กน้อย เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นดูล้าสมัยไปหน่อย แต่โชคดีที่เจ้าของมีไหวพริบและมีผ้าคลุมสีเดียวกันจึงดูกลมกลืน
ถังลั่วเหยาชี้ไปที่โซฟาเพื่อให้เขานั่งตามสบายและไปรินน้ำสองแก้วแล้วส่งให้เขาแก้วหนึ่ง แล้วจึงอธิบาย: “วันนี้ช่วงบ่ายส้งเจียเจียมาหาฉัน ให้เงินร้อยล้าน ให้ฉันไปจากคุณ”
เหมือนกับจะรู้อยู่แล้ว เฟิงยี่ไม่มีท่าทีคิดไม่ถึงใดๆ เพียงแค่กวาดสายตามองแก้วน้ำเปล่าตรงหน้าแล้วรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย ก่อนจะหยิบขึ้นมาดื่มในที่สุด “แล้วเธอว่าไง?”
“ฉันรับปากไปแล้ว”
“…”
ชายหนุ่มจ้องเธอตาเขม็ง ไม่โกรธแต่มีท่าทีน่าเกรงขาม
ถังลั่วเหยายักไหล่แล้วทำหน้าไม่แคร์ “คุณจ้องฉันก็ไม่มีประโยชน์หรอก ฉันก็แค่มดตัวหนึ่ง ไม่มีอำนาจอะไร แล้วคุณหวังว่าฉันจะไปประจันหน้ากับเธอเลยเหรอ?”
เฟิงยี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงของฉัน ทำอะไรไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
ถังลั่วเหยายิ้มและไม่พูดอะไร ในใจกลับรู้ดีว่า ต่อให้ตอนนี้เฟิงยี่ปกป้องเธอ ต่อไปหากไปยั่วโมโหเขาเข้าและทั้งสองคนต้องจบความสัมพันธ์แบบนี้ เธอทำแบบนั้นคงแบกรับผลที่ตามมาไม่ไหว
“ช่างเถอะ เรื่องนี้ผมจัดการเอง” เฟิงยี่เหมือนจะรู้ว่าตัวเองนั้นทำให้คนอื่นต้องลำบากใจและโบกมือไปมา “เอาของมา!”
ถังลั่วเหยาตะลึง “ของเอาอะไร?”
“เช็คที่ส้งเจียเจียให้คุณ”
ถังลั่วเหยา: “มีสิทธิ์อะไร? นั่นมันของฉันนะ”
เฟิงยี่มองไปที่เธออย่างเย้ยหยัน “เธอมั่นใจ?”
ถังลั่วเหยาไม่พูดอะไรแล้ว
รับเงินมาแล้วไม่ทำตามสัญญาหากส้งเจียเจียหันกลับมาและรู้ว่าโดนหลอกคงไม่ปล่อยเธอไว้แน่
แต่นั่นมันเงินตั้งร้อยล้านนะ ถึงแม้จะรู้ว่าไม่ใช่เงินที่ควรจะรับไว้ แต่จะให้ผู้ชายคนนี้ได้ไปสบายๆ ก็เรียกได้ปวดใจจริงๆ
เธอเอาไปบริจาคให้บ้านเด็กกำพร้าแล้วได้รึเปล่า?
ไอเดียนั้นมีมากมายแต่ความเป็นจริงนั้นกลับแห้งเหี่ยว สุดท้ายภายใต้ “คำบังคับขู่เข็ญ” ของฝ่ายชาย เธอก็ยอมหยิบเช็คใบนั้นให้ไปอย่างไม่เต็มใจ
เมื่อเห็นหญิงสาวมีท่าทางปวดใจเช่นนั้นสีหน้าของเฟิงยี่ก็อ่อนโยนขึ้นมาเล็กน้อย ไม่ได้สนใจว่าเขาจะถูกเอาไปขายในราคาหนึ่งร้อยล้านแล้วจึงลูบศีรษะเธอ “ไม่ต้องปวดใจหรอก เดี๋ยวผมให้ของขวัญคุณ เป็นการปลอบใจ”
แต่ถังลั่วเหยาก็ไม่สนใจแล้ว เนื้อชิ้นหลุดลอยออกจากปากแล้ว เธอดูไม่มีความสุขอย่างเห็นได้ชัด
เฟิงยี่ยิ้มเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นพลางถอดเสื้อแล้วเดินไปทางห้องอาบน้ำ
ถังลั่วเหยาตกตะลึง “คุณทำอะไรน่ะ?”
เฟิงยี่ไม่หันกลับมา “อาบน้ำ!”
เธออึ้งไปชั่วครู่แล้วกระโดดขึ้นจากโซฟาในทันทีและรีบตามไป “เฮ้ นี่มันบ้านฉันนะ!”
“แต่คุณเป็นผู้หญิงของผม!”
ประตูห้องน้ำปิดดังปัง ถังลั่วเหยาหยุดที่หน้าประตูซึ่งอีกนิดเดียวก็แทบจะชนจมูกเธอ หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีก็รู้อยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
พระเจ้า! ทำไมเธอถึงได้รู้สึกหลงทางแบบนี้
เสียงซ่าๆ ดังออกมาจากห้องอาบน้ำ เธอจึงได้แต่ยอมรับชะตากรรม สูดลมหายใจลึกแล้วตะโกนเสียงดัง: “ห้ามใช้ผ้าขนหนูของฉันนะ! ในชั้นมีผืนใหม่อยู่”
——
แสงไฟสว่างไสว ถึงเวลาค่ำคืน
ถังลั่วเหยาเดินไปห้องครัวอย่างไม่สบอารมณ์ ในระหว่างที่เปิดตู้เย็น ก็มีเสียงเคาะประตูดังก๊อกๆ จากด้านนอก
เธอเดินออกไปและส่องตาแมวก็พบว่าเป็นผู้ช่วยเหลิ่ง
“คุณถัง สวัสดีครับ” เหลิ่งเม่ยอายุราวยี่สิบห้าปีเขาดูเป็นผู้ชายที่เย็นชา แต่ในเวลานี้เขามีพฤติกรรมที่อ่อนโยนมาก
เขายืนอยู่ที่ประตูถือเสื้อผ้าใหม่เอี่ยมกองโตพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า “ขอโทษครับ ผมเอาเสื้อผ้ามาให้คุณชายรอง”
ถังลั่วเหยามองเขาด้วยความสงสัย “คุณรู้ได้ยังไงคะว่าเฟิงยี่อยู่ที่นี่? เขาโทรเรียกคุณมาเหรอคะ?”
“เอ่อคืออย่างนี้ครับ วันนี้คุณชายรองพาทีมตรวจสอบไปที่สวนดอกโบตั๋นในเซียงซานเพื่อตรวจสอบ เนื่องจากท่านแพ้เกสรดอกไม้ จึงรู้สึกไม่สบายมาตลอดทางหลังจากลงมาจากภูเขา ต้องรีบหาที่อาบน้ำโดยด่วน แต่สถานที่อยู่ห่างจากโรงแรมไกลมากเกินไป ท่านประธานรู้ว่าบ้านคุณอยู่แถวนี้ ดังนั้นจึงสั่งให้ผมไปหยิบเสื้อผ้าที่โรงแรมเอามาส่งที่นี่”
ที่แท้เป็นแบบนี้เอง
หัวใจที่เลื่อนลอยในที่สุดก็วางลง เธอก็ว่าแล้ว คนอย่างเฟิงยี่จะมาบ้านเธออย่างไม่มีเหตุมีผลได้อย่างไรกัน