บทที่565 สูงส่ง
จนเธอรู้สึกว่าปากของเธอชาไปหมด เขาจึงถอนริมปากอย่างเสียไม่ได้
เสียงแหบพร่า “ได้ลิ้มรสแล้วรึยังล่ะ?”
ถังลั่วเหยาใช้มือป้องปาก ลิ้นของเธอชาจนพูดอะไรไม่ออกทำได้เพียง เธอทำได้เพียงจ้องมองเขาด้วยดวงตาทรงดอกท้อแวววาวขนตาที่โค้งงอของเธอชุ่มไปด้วยความชื้น น้อยใจอยู่เล็กน้อยและสับสนเป็นส่วนใหญ่ สวยจนใจสั่น
รูม่านตาของเฟิงยี่ลึกล้ำจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง ดวงตาของเขากลิ้งไปมาเหมือนคลื่นทะเล
ถังลั่วเหยาถูกเขามองจนไม่เป็นสุข ฝ่ามือใหญ่บนเอวของเธอเริ่มร้อนขึ้นเธอลุกขึ้นยืนและผลักเขา “คนขี้โกง!”
แล้วหันหลังวิ่งออกจากห้องครัวไป
เฟิงยี่เลิกคิ้วเล็กน้อย ลดตาลงและเหลือบมองตัวเองพลางขยี้คิ้วด้วยความปวดหัว
นางฟ้าตัวน้อยน่ากลัวอะไรแบบนี้!
——
ถังลั่วเหยาหยิบนมออกมาจากตู้เย็นและดื่มไปสองแก้วเต็มๆ จึงได้คลายความเผ็ดร้อนในปากเธอ
ชายหนุ่มก็ดื่มน้ำไปเป็นจำนวนมาก ความเผ็ดทำให้ริมฝีปากของเขาแดงกว่าปกติ นับเป็นครั้งแรกที่ถังลั่วเหยาเห็นเขาจนมุมและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
ความโกรธในใจหายไปกว่าครึ่ง
เธอมองดูเวลาใกล้จะสองทุ่มแล้ว และท้องฟ้าก็มืดหมดแล้ว ลมพัดแรง เมฆมืดปกคลุมดวงจันทร์ มีสัญญาณฝนจาง ๆ จึงอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ “คุณยังไม่ไปเหรอ?”
น้ำเสียงเมินเฉยและเร่งเร้า
เฟิงยี่หงุดหงิดไม่น้อย หลายปีมานี้มีแต่คนอื่นของให้เขาอยู่ มีใครเคยไล่เขาที่ไหน?
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาบนใบหน้าอย่างใจเย็น “โทรหาคนขับรถตอนนี้เลย”
ถังลั่วเหยาเห็นแบบนี้แล้วจึงไม่พูดอะไรอีกแล้วยกห้องรับแขกให้เขาแล้วหันหลังเดินไปที่ห้องนอน
ช่วงก่อนเสิ่นหยุนรับละครย้อนยุคลิขสิทธิ์ให้เธอเรื่องหนึ่ง และจะเปิดกล้องในอีกหนึ่งสัปดาห์ ดังนั้นเธอจึงต้องรีบทำความคุ้นเคยกับบท
เดิมทีละครเรื่องนี้ไม่ใช่โปรดักชั่นใหญ่ แต่เนื่องจากนิยายต้นฉบับเป็นที่นิยมมาก จึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และด้วยการเพิ่มนักแสดงชื่อดังอย่างส้งเจียเจีย การวางตำแหน่งจึงไม่อาจมองข้ามได้
ใช้หัวแม่เท้าคิดยังคิดออกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีทางทำหน้าดีๆ ใส่เธอแน่ ถึงเวลานั้นถือว่าเป็นปัญหาใหญ่อย่างหนึ่ง!
เฮ้อ!
ถอนหายใจแล้วถังลั่วเหยาไม่อยากจะคิดถึงเรื่องพวกนี้ ช่างมันไปเลยแล้วกัน หยิบมาแค่บทแล้วอ่านอย่างตั้งใจ
เมื่อเฟิงยี่เข้ามาก็เห็นภาพนี้ หญิงสาวนั่งอยู่ใต้โคมไฟตั้งโต๊ะและอ่านบทอย่างตั้งใจ แสงโทนสีอบอุ่นกระทบใบหน้าด้านข้างของเธอทำให้ใบหน้าที่บอบบางอยู่แล้วเริ่มมีความเป็นสามมิติและละเอียดอ่อนมากขึ้นด้วย ผิวหนังริมฝีปากสีชมพูไล่ขึ้นเล็กน้อยและขนตาที่โค้งงอก็กะพริบราวกับว่ากำลังทำให้หัวใจสั่นไหวจนเกินจะห้ามใจ
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือก็สั่น เขาก้มลงดูและพบว่าเป็นคนขับรถโทรเข้ามา
เหมือนโดนผีอำเขากดวางสายไป
จากนั้นเขาก็ก้าวเท้าเดินเข้าไป
เสียงฝีเท้าของชายคนนั้นทำให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ใต้โคมไฟตกใจเธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วถามเขา “คนขับรถถึงแล้ว?”
เฟิงยี่ส่ายหน้าแล้วขมวดคิ้ว “รถน่าจะติดนิดหน่อย คงจะใกล้ถึงแล้วล่ะ”
“อ้อ งั้นคุณก็นั่งรออีกนิดนะ!”
พูดจบก็เมินเขาอีกครั้ง แล้วตั้งใจอ่านบทต่อไป
เฟิงยี่ที่ถูกเมินโดยสิ้นเชิงมีความไม่พอใจในแววตา เขากวาดสายตามองไปที่บนในมือของหญิงสาว บทที่วงสีแดงไว้อันที่จริงยังไม่นับว่าดีเท่าไหร่
ตัวละครหลักของละครเรื่องนี้ยังคงเป็นนักแสดงชายและนักแสดงหญิงก็เป็นเพียงตัวเสริม
เดิมทีถังลั่วเหยาก็ไม่ได้อยากรับละครแบบนี้ แต่เธออยากเปลี่ยนแปลง ในช่วงแรกยังไม่มีโปรดักชันใหญ่กล้าใช้งานเธอจึงได้แต่รับบทแบบนี้
เขาส่งเสียงเย็นชา “บทแบบนี้ ต่อให้เธอรับเล่นอีกพันบทก็ไม่มีทางดังได้หรอก”
ถังลั่วเหยาเงยหน้าแล้วขมวดคิ้วแล้วเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ แล้วแค่นหัวเราะออกมาจากนั้นก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง
เป็นที่ชัดเจนว่าไม่คุ้มที่จะสนใจเขาแล้ว
เฟิงยี่ยิ่งไม่สบอารมณ์เข้าไปอีก เขาเดินไปใช้แขนพิงโต๊ะทำงานบอบบางของหญิงสาวแล้วหาเรื่องคุย “คุณอยากจะเปลี่ยนแปลงหาทางอื่นไม่ดีกว่าเหรอ? ละครแบบนี้บทเด่นอยู่ที่ตัวละครชายหมด มันไม่ส่งผลดีกับเธอแต่แรกแล้วรู้ไหม? ละครประเภทนี้ได้แค่ความชื่นชอบของผู้ชมเท่านั้น สุดท้ายมันก็จะค่อยๆ ผ่านไปแล้วกลายเป็นอะไรที่ไม่สามารถเรียกร้องความสนใจจากคนที่เดินผ่านไปผ่านมาด้วยซ้ำ”
ดูเหมือนเป็นการพูดคุยเล่นแต่เมื่อเข้าหูของถังลั่วเหยาแล้วกลับมีความประชดประชันและหาเรื่องไม่น้อย
เธอปิดบทแล้วลุกขึ้นยืน และมองเฟิงยี่ด้วยสีหน้าจริงจัง
“คุณชายเฟิงคะ ขอถามว่าศิลปินในอานหนิงกั๋วจี้ทั้งหมดทั้งมวลกว่าห้าร้อยคน คุณเข้าใจพวกเขาอย่างถ่องแท้ไหมคะ?”
เฟิงยี่เลิกคิ้วและไม่ได้ตอบรับ
“บนโลกนี้ ไม่ใช่ทุกคนที่คาบช้อนทองมาเกิดเหมือนคุณ พวกเขาต้องการสิ่งใด ล้วนต้องใช้ความพยายามของตัวเอง หรือแม้กระทั่งใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่นเป็นร้อยเท่าเพื่อให้ได้มา”
ถังลั่วเหยาหยิบบทในมือยกขึ้นด้วยท่าทางเหน็บแนม “ตอนนี้ฉันมีละครให้ถ่าย มีผู้จัดการมืออาชีพดูแล อย่างน้อยก็ยังมีละครแบบนี้ให้ฉันได้แสดง ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่บทตัวละครหญิงที่เด่น ถึงแม้ว่าตัวละครหญิงนี้จะดูเป็นเพียงบทสมทบท่ามกลางบทนักแสดงชายเหล่านี้ แต่นักแสดงและทีมโปรดักชั่นในนั้นล้วนเป็นที่รู้จักหากศึกษามากขึ้น ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสได้ก้าวไปข้างหน้า”
“ยิ่งกว่านั้นคุณคิดบ้างรึเปล่าว่ามีศิลปินกี่คนที่ได้เซ็นสัญญาแต่ไม่มีใครดูแล ต่อให้พยายามแทบตาย แต่แม้แต่บทคนเดินถนนยังไม่ได้มา! เทียบกับพวกเธอแล้ว ฉันก็นับว่าโชคดีมากแล้ว!”
“วงการบันเทิงมีอุปสรรคมากมาย ประธานเฟิงไม่มีทางไม่เข้าใจ แต่คุณก็รู้อยู่กลับยังจะชอบใช้สายตาที่อยู่สูงกว่า อีกทั้งรอยยิ้มที่ดูเหนือกว่ามาวิพากษ์วิจารณ์ผลของความพยายามของคนอื่นอยู่เสมอ ไม่รู้ว่ามันเกินไปหน่อยเหรอคะ?”
คำพูดของผู้หญิงดังมีความจริงจังและความเคร่งขรึมที่หาได้ยาก
เฟิงยี่อึ้งไปราวกับคิดไม่ถึงว่าจู่ ๆ เธอจะฮึกเหิมได้ถึงขนาดนี้ เมื่อหันไปสัมผัสถึงความจริงจังในสายตาเธอ คิ้วสง่าก็ลู่ลงเล็กน้อย
ทันใดนั้นเขาก็ค้นพบว่าหญิงสาวตรงหน้าดูต่างจากพวกที่เขาเคยเจอในเวลาปกติ
ผู้หญิงเหล่านั้นหากไม่ใช่พวกที่ประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพล ต่อให้ไม่สามารถแต่งงานเข้าตระกูลใหญ่ได้ อย่างน้อยก็อาศัยใช้ชื่อเสียงเพื่อให้ได้มาซึ่งสถานะคนสำคัญก็มีไม่น้อย
ส่วนเธอ เขาตรวจสอบมาแล้ว เธอใสสะอาดมาก ประสบการณ์คืนนั้นยืนยันได้ว่าเธอไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อน อีกทั้งยังสามารถอยู่ในวงการบันเทิงที่มีแต่เสือสิงห์กระทิงแรดเต็มไปหมดได้อีก ก็เพราะชอบการแสดงจริงๆ และรักในอาชีพนักแสดงนี้
เฟิงยี่คร่ำหวอดในวงการมาหลายปี เคยพบเห็นคนทุกรูปแบบ แต่คนแบบเธอนั้นมีน้อยเหลือเกิน
ก้นบึ้งของหัวใจก็อดไม่ได้ที่จะเบาลงเล็กน้อย
ถ้งลั่วเหยาเห็นเขาไม่พูดอะไรจึงคิดว่าเขาไม่คงไม่สนใจความคิดของตนเอง จึงกลับมานั่งอย่างหดหู่และพึมพำ: “ช่างเถอะ รู้อยู่แล้วว่าคงพูดกับคุณชายอย่างคุณไม่เข้าใจหรอก”
ในขณะที่กำลังพูดท้องฟ้าก็ระเบิดเสียงดังก้องและพื้นดินก็สั่นสะเทือนไปทั่ว
ถังลั่วเหยาตกใจและกระโดดขึ้นโดยไม่รู้ตัวและเฟิงยี่ก็รีบพยุงเธอด้วยมือที่รวดเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้เธอล้ม
สายฟ้าเหมือนงูสีเงินสว่างวาบนอกหน้าต่างถังลั่วเหยาบ่นพึมพำ: “ฝนตกแล้วเหรอ?”
เฟิงยี่ขมวดคิ้ว “เมื่อเช้าพยากรณ์อากาศบอกว่าวันนี้จะมีพายุ”