บทที่566 ดื้อดึง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ถังลั่วเหยาก็ผงะไปชั่วขณะแล้วเธอก็นึกถึงบางสิ่งผลักเขาออกไปและวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ที่ระเบียงลมแรงคำรามและเม็ดฝนเม็ดใหญ่ก็ตกลงมาอย่างหมดหวัง ถังลั่วเหยาถูกลมพัดมากระทบระเบียงกระจกทันทีที่เธอออกไป เธอร้องออกมา แขนของเธอก็รัดแน่นและร่างของเธอก็ตกลงไปในอ้อมกอดที่อบอุ่น
เฟิงยี่มองไปที่ท้องฟ้าด้านนอกและพูดด้วยน้ำเสียงขรึม: “ฝนกำลังจะตกหนัก”
“ฉันรู้” ถังลั่วเหยาถูกลมพัดจนลืมตาไม่ขึ้น “แต่ต้นไม้ของฉันยังอยู่ข้างนอก”
เธอเพิ่งซื้อมันกลับมาเมื่อไม่กี่วันก่อน เธอชอบมันและดูแลเอาใจใส่มาตลอด
คนเราเมื่อถึงยามลำบาก ก็มักจะยิ่งต้องการเลี้ยงสัตว์หรือต้นไม้พวกนี้ไว้เพื่อให้ตนเองได้พบกับความหวังบ้าง
เหมือนกับเวลาที่ได้เห็นพวกมันงอกงามและมองเห็นชีวิตในอนาคตของตัวเองด้วย
ถังลั่วเหยาพูดจบก็พยายามจะออกไป เฟิงยี่มองดูไม้อวบน้ำหลายกระถางตรงนั้นแล้วดึงตัวเธอจากข้างหลัง “จับประตูไว้แล้วอย่าขยับ”
ตัวเขาออกไปอย่างรวดเร็วแล้วย้ายกระถางต้นไม้เข้ามาด้านใน จากนั้นก็เปิดประตูกระจกแล้วล็อกประตูแน่น
ถังลั่วเหยาหาถุงพลาสติกใส ทั้งสองคนแปะทับบนกระจกเพื่อป้องกันเศษแก้วหากลมพายุพัดมันแตก หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้นจึงถอนหายใจอย่างโล่งอด
เสียงลมคำรามด้านนอกแต่ในห้องกลับเงียบสงบ
ทั้งสองยืนอยู่ในห้องรับแขก สายตาจ้องมองกันและกัน ถังลั่วเหยาเขินอายเล็กน้อย เมื่อครู่เธอยังโมโหโทโสใส่คนอื่นอยู่เลย ตอนนี้กลับต้องให้เขาช่วยปิดกระจกเพื่อป้องกันพายุ แบบนี้มันดูไม่ดีเท่าไหร่เลย
เธอยิ้มเจื่อนๆ “ฝนตกหนักขนาดนี้ คนขับรถคุณยังจะมาได้รึเปล่าคะ?”
เฟิงยี่กระแอมเบาๆ แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “เดี๋ยวผมโทรไปถามดู”
โทรศัพท์ถูกรับสาย เขาปรายตามองหญิงสาวเมื่อเห็นเธอจ้องเขาตาแป๋วจึงได้แต่ทำเสียงแข็ง: “นายอยู่ไหนแล้ว? ทำไมยังไม่ถึงอีก?”
คนขับรถที่รออยู่ชั้นล่างก็ลำบากใจนิดหน่อย “คุณชายรอง ผมถึงนานแล้วครับ”
“อะไรนะ? ถนนวงแหวนรอบสามถล่ม? นายติดอยู่ตรงนั้น? เอาล่ะ นายไม่ต้องเข้ามาแล้ว พายุหนักขนาดนี้ ระวังอุบัติเหตุด้วย กลับไปเถอะ!”
คนขับรถ: “…”
โทรศัพท์ถูกวางเฟิงยี่ส่ายหน้าแสดงว่าหมดหนทาง
“ทำไงได้ ฝนตกหนักทำถนนพัง ดูแล้วคืนนี้คงต้องนอนที่นี่สักคืนแล้วล่ะ”
เขาพูดไปแล้วยังนั่งลงบนโซฟา
ถังลั่วเหยาเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้คิ้วของเธอก็กระตุกขึ้นและแอบคิดว่าไม่ดีแล้ว
เธอรีบพูดอึกอัก: “คือ…ที่บ้านมีแค่ห้องเดียว อีกห้องมีแต่ของรกไปหมด จะให้ทำความสะอาดคืนนี้คงไม่สะดวก ยังไงเสียแถวนี้ก็มีโรงแรม งั้นคุณไปพักที่โรงแรมดีไหมคะ?”
แม้ว่าเธอจะพูดด้วยน้ำเสียงหยั่งเชิง แต่ในความเป็นจริงความหมายของการปฏิเสธนั้นชัดเจนอยู่แล้ว
เฟิงยี่หันไปมองเธอและเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มและสายตาเขาก็เย็นชาเล็กน้อย
“คุณให้ผมไปนอนโรงแรม?”
ถังลั่วเหยารีบพยักหน้า
ด้วยความกลัวที่จะทำให้เขาขุ่นเคืองจึงยิ้มแห้ง ๆ และเสริมว่า: “คือ…ฉันก็แค่กลัวว่าคุณจะไม่คุ้นเคยกับการอยู่ที่นี่ ในเมื่อคุณก็เป็นผู้รากมากดี บ้านฉันก็เล็กนิดเดียว ทั้งโทรมทั้งเก่า คงทำให้คุณลำบากใจแย่”
เฟิงยี่ยืนขึ้นและพูดอย่างประชดประชัน: “ไม่เป็นไร ผมไม่กลัวจะลำบากใจ หากคุณกังวลว่าจะทำให้ผมลำบากใจ สู้คืนนี้คุณดูแลผมให้ดีหน่อย ไม่แน่หากผมมีความสุขผมอาจซื้อห้องใหญ่ให้คุณ เป็นไง?”
พูดแล้วยังยื่นมือออกไปเชยคางเธอเบาๆ
ถังลั่วเหยาตัวแข็งทื่อก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวหลบมือของเขา
มือของเฟิงยี่ค้างอยู่กลางอากาศทั้งแบบนั้น
ถังลั่วเหยาช้อนตาลงแล้วฝืนยิ้ม
“ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณอยากจะอยู่จริงๆ ก็อยู่ไป ฉันจะไปเก็บห้องให้คุณ”
พูดจบก็รีบหันและวิ่งหายไป
เฟิงยี่มองดูด้านหลังของเธอที่วิ่งกระเจิดกระเจิงไปแล้วหรี่ตาลง เขาเอามือลงแล้วหัวเราะเบาๆ ออกมา
ถังลั่งเหยาเก็บห้องให้เขาอย่างรวดเร็ว
อันที่จริงจะบอกว่าเก็บห้องให้เขาก็ไม่ถูกนัก แท้จริงแล้วเธอรู้นิสัยของคุณชายคนนี้ดี
ปกติเธออยู่ที่นี่คนเดียว ดังนั้นถึงจะเป็นห้องขนาด 2 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น แต่ใช้นอนเพียงห้องเดียวเท่านั้น ส่วนอีกห้องก็เอาไว้เก็บของ
เตียงเต็มไปด้วยกล่องกระดาษแข็งเธอเพิ่งย้ายทุกอย่างออกไปและทำเตียงใหม่อีกครั้ง
แม้ว่าตอนนี้จะดูเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่เธอก็ไม่กล้าแนะนำให้คุณชายคนนี้ไปนอนในห้องนั้นอย่างแน่นอน
ดังนั้นคงจะต้องสละห้องนอนใหญ่ให้เขาไปแล้วตัวเองก็นอนที่นั่นเอง
เฟิงยี่เห็นเช่นนั้นกลับไม่ทำให้เธอลำบากใจและยอมไปพักในห้องอย่างเชื่อฟัง
คืนนี้ไม่รู้ว่าไม่คุ้นที่หรือเพราะมีเรื่องราวในใจ
ถังลั่วเหยานอนไม่ค่อยหลับทั้งคืน ในระหว่างที่กำลังสะลึมสะลือกลางดึก เธอก็ยังฝันถึงเหตุการณ์ที่พ่อของเธอเพิ่งจากไปเมื่อนานมาแล้วสมัยเธอยังเป็นเด็ก
ในวันที่ยากลำบากและเจ็บปวดเช่นนี้แม่ของเธอลากร่างบางและเล็กของเธอไปข้างหน้าในโคลนอย่างยากลำบาก
เธอรู้ว่าเธอจะไม่สนใจอะไรในชีวิตและเธอไม่จำเป็นต้องทำอะไร แต่เธอต้องดูแลแม่ของเธอให้ดี
ในที่สุดปีที่มืดมนเหล่านั้นก็กลายเป็นอดีตไปแล้วและตอนนี้ทุกอย่างก็เรียบร้อยดี
เธอไม่สนใจสิ่งใดตราบเท่าที่เธอสามารถรักษาโรคของแม่ได้แม้ว่าเธอจะเสียสละทุกอย่างเธอก็จะไม่สนใจ
ความฝันนี้ทั้งลึกซึ้งและยาวนาน
ในคืนที่เงียบงันมีน้ำตาหยดลงมาจากมุมตาของเธออย่างเงียบ ๆ
ทันใดนั้นเสียงถอนหายใจต่ำของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นในความมืด
เฟิงยี่ยื่นมือมาค่อยๆ เช็ดน้ำตาที่มุมหางตาของเธอ จากนั้นก็แตะหลังเธอแล้วหันกลับออกไป
ถังลั่วเหยาตื่นมาอีกทีก็เช้าวันใหม่แล้ว
แสงแดดส่องเข้ามาจากนอกหน้าต่างและทั้งห้องก็อบอุ่นอย่างเห็นได้ชัด
เธอหรี่ตาและบิดขี้เกียจและทันใดนั้นก็จำได้ว่าเฟิงยี่ยังอยู่ในห้องถัดไป
สิ่งนี้ทำให้เธอสะดุ้งโหยงและรีบลุกขึ้นนั่ง เมื่อมองดูเวลาก็พบว่าเป็นเวลาเก้าโมงเช้าแล้ว ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยน
เธอแอบอุทานว่าแย่แล้ว จากนั้นก็รีบลุกจากเตียงแล้วลุกขึ้น
จากนั้นก็สวมเสื้อผ้าแล้วรีบวิ่งที่ห้องข้างๆ ก็พบว่าเฟิงยี่ออกไปแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
พบเพียงห้องว่างเปล่าไม่มีใครสักคน เมื่อสัมผัสผ้าห่มผ้าห่มก็เย็นและไม่มีอุณหภูมิร่างกายของมนุษย์เลย
เป็นการบอกว่าเขาออกไปนานแล้ว
ถังลั่วเหยาถอนหายใจ ไม่รู้ว่าเธอโล่งอกหรือผิดหวัง แต่ยังไงมันก็แปลกๆ มันช่างซับซ้อน
แต่เมื่อเขาไปก็ดีแล้ว อย่างน้อยก็ไม่มีเรื่องให้เธอต้องปวดหัว
ดังนั้นเธอจึงไม่คิดมากและแค่คิดว่าเฟิงยี่มีธุระด่วนเลยรีบไปเท่านั้น เธอไม่ได้โทรหาเขาด้วยซ้ำและไปอาบน้ำเลย
หลังอาบน้ำเสร็จประมาณสิบโมงก็ไปทำอาหารเช้า
หลังกินข้าวเช้าเสร็จก็ประมาณสิบโมงครึ่งเสี่ยวฉิงก็มารับเธอแล้ว
สองวันนี้ซูหงไม่ได้มอบหมายงานพิเศษอะไรให้ถังลั่วเหยามีเพียงรายการทอล์กโชว์เท่านั้น