บทที่567 รายการทอล์กโชว์
ซูหงได้พิมพ์คำถามและกระบวนการบางอย่างที่จะถูกถามในรายการทอล์กโชว์ในวันนี้และส่งให้เธอแล้ว
เธอก็แค่ต้องท่องให้ขึ้นใจและอย่าทำพลาดก็พอ
รายการถูกถ่ายทำที่สถานีโทรทัศน์ใหญ่แห่งหนึ่ง
การถ่ายทำใช้เวลาทั้งหมดสามชั่วโมงและถือว่าดำเนินไปอย่างสนุก
ท้ายที่สุดนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถังลั่วเหยาออกรายการทอล์กโชว์แบบนี้ ดังนั้นในระหว่างนั้นพิธีกรมีอะไรนอกบทที่เตรียมไว้ เธอก็สามารถรับมือได้เป็นอย่างดี
กว่าจะถ่ายเสร็จก็บ่ายสองครึ่งแล้ว
ถังลั่วเหยายังไม่ได้กินข้าวกลางวันเธอหิวจนท้องร้อง
พอเปลี่ยนชุดเสร็จก็ออกไปกับเสี่ยวฉิง
ทั้งสองเดินออกไปข้างนอกและปรึกษาเสี่ยวฉิงว่าจะไปกินอะไรกันดี
จึงไม่ทันสังเกตเซ่เซียวที่เดินสวนมาจากด้านนอก
ตอนนี้พวกเธอยังอยู่ในตึกสำนักงานสถานีโทรทัศน์ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของสถานีโทรทัศน์ที่ใหญ่มากแห่งหนึ่ง จึงมีดาราเข้าออกจำนวนมาก
ดังนั้นการเจอเซ่เซียวที่นี่จึงไม่นับว่าน่าแปลกใจอะไร
เพราะทุกคนต่างคุ้นเคยกัน ทั้งสองกำลังจะถ่ายละครด้วยกัน ดังนั้นจึงสนิทกันดี
ถังลั่วเหยายิ้มแล้วพยักหน้าให้เขาและพูด “บังเอิญจังค่ะ คุณก็มาถ่ายรายการเหรอ?”
เมื่อครู่ตอนเซ่เซียวเพิ่งเข้ามา สีหน้าของเขาแสดงออกชัดเจนว่าวันนี้อารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่
ดังนั้นคนที่เงยหน้าขึ้นแล้วเป็นฝ่ายทักทายคือถังลั่วเหยา ใบหน้าก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
เขาแทบจะวิ่งเข้ามาแล้วพูด “ใช่ครับ ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?”
ถังลั่วเหยายิ้มและแสดงให้เห็นว่าเพิ่งออกมาจากสตูดิโอ
“ฉันมาอัดรายการทอล์กโชว์ค่ะ”
“อ้อ แบบนี้เอง”
ทั้งสองคุยกันจบก็เหมือนจะไม่มีอะไรจะพูดคุยกันอีก
ถังลั่วเหยารู้สึกว่าบรรยากาศนั้นกระอักกระอ่วน เมื่อคิดว่าจะแค่ทักทายแล้วแยกย้ายแต่กลับคิดไม่ถึงว่าเซ่เซียวจะก้มลงดูเวลาแล้วพูดขึ้น: “ผมก็มีถ่ายรายการที่นี่เหมือนกัน แต่ตอนนี้ยังเร็วไป ต้องสี่โมงถึงจะเริ่มถ่าย ผมยังไม่ได้กินข้าวเลย”
พูดแล้วก็ถามอย่างมีนัย “ใช่แล้ว คุณกินข้าวรึยังครับ?”
ถังลั่วเหยาส่ายหน้าตามสัญชาตญาณ
“ยังเลย”
เซ่เซียวเห็นอย่างนั้นก็ตาเป็นประกายแล้วยิ้มและพูดขึ้น: “งั้นผมเลี้ยงคุณกินข้าวถือว่าไถ่โทษเรื่องครั้งก่อน”
เรื่องครั้งก่อน?
ถังลั่วเหยาผงะและตอบสนอง
แน่นอนว่าเธอรู้เขากำลังพูดเรื่องอะไรไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องอื้อฉาวก่อนหน้านี้
ครั้งที่โดนแอบถ่ายรูปที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน
เขาไม่พูดถึงก็ยังพอว่า พอเขาพูดถึงถังลั่วเหยาก็คิดถึงใบหน้าเหยเกของเฟิงยี่ขึ้นมาทันที
เธอคิดถึงข้อแลกเปลี่ยนของเฟิงยี่แล้วสีหน้าเปลี่ยนทันที
รีบปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม: “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันยังมีธุระต่ออีก ครั้งหน้ามีโอกาสไว้ไปกินข้าวกันนะคะ”
เซ่เซียวได้ยินเธอพูดแบบนี้ก็ไม่รู้สึกประหลาดใจอะไรได้แต่ผิดหวังเล็กน้อย
“เอางั้นเหรอ ในเมื่อคุณยุ่ง งั้นก็ครั้งหน้าแล้วกัน งั้นผมไม่รบกวนเวลาคุณแล้วล่ะ”
ถังลั่วเหยาพยักหน้าแล้วทั้งสองก็กล่าวลาและแยกย้าย
เมื่อออกจากสถานีโทรทัศน์ก็มีรถจอดรอพวกเธออยู่
หลังจากขึ้นรถถังลั่วเหยาก็ให้พิกัดคนขับรถเพื่อไปกินข้าวที่ร้านอาหาร
ร้านอาหารร้านนี้เป็นร้านที่เธอเคยมากิน รสชาติอาหารไม่เลว ซึ่งนานๆ ทีจะมีวันว่างแบบนี้เธอกลับมากินอีกครั้ง ถือว่าเป็นวันหยุดให้ตัวเอง
แน่นอนว่าเสี่ยวฉิงก็มาด้วย
จนกระทั่งรถเคลื่อนตัวออกไปแล้ว เสี่ยวฉิงจึงแอบเขยิบเข้าไปใกล้เธอแล้วกระซิบ: “พี่ลั่วเหยา ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าคุณชายเซ่ เซ่เซียวคนนี้เหมือนจะคิดอะไรกับพี่นะ”
ถังลั่วเหยาได้ยินดังนั้นก็นิ่งไปแล้วหันไปมองเธอ
เมื่อเห็นเสี่ยวฉิงทำหน้าขี้เม้าท์แบบนั้น เธอก็เปลี่ยนสีหน้าทันทีหลังจากนั้น
เธอหันไปมองคนขับรถหนึ่งที
คนขับรถคนนี้เป็นคนของซูหงจัดไว้ให้เธอจึงถือว่าไว้ใจได้ และเป็นคนเงียบๆ ไม่พูดมาก
เธอจึงถอนหายใจแล้วพูดเบาๆ: “อย่าพูดมั่วๆ ไม่มีอะไรหรอก”
อย่างไรก็ตามเสี่ยวฉิงไม่ได้สังเกตสีหน้าเธอที่แปลกไปยังคงกดน้ำเสียงต่ำและพูดต่อ: “พี่ลั่วเหยา ฉันรู้สึกจริงๆ นะ คุณชายเซ่ปฏิบัติกับพี่ไม่ค่อยเหมือนกับคนอื่น ปกติฉันเห็นเขาเวลาอยู่ในกองถ่ายเคยชวนดาราผู้หญิงไปกินข้าวที่ไหน? แต่จู่ ๆ เมื่อกี้เขาก็ชวนพี่”
“แถมคนอย่างเขานะ ถึงภายนอกจะดูเจ้าชู้แต่ความจริงแล้วฉันรู้สึกว่าเขาเป็นคนดีอยู่นะคะ”
“อย่างน้อยก็ปฏิบัติกับผู้หญิงอย่างสุภาพบุรุษ ต่อให้ในใจจะชอบแต่ก็ยังคิดถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย ไม่เหมือนคนบางคน การเอาแต่ใจและไม่มีเหตุผล เป็นที่น่ารังเกียจ แม้ว่าสถานะจะสูงส่ง แต่ก็ไม่มีใครชอบ”
ถังลั่วเหยาได้ยินแล้วคิ้วของเธอก็กระตุกขึ้นและเธอก็หันไปมองเธอ
เธอถาม: “เอาแต่ใจไม่มีเหตุผล? เธอพูดถึงใคร?”
เสี่ยวฉิงเบ้ปากและพูดอย่างไม่พอใจ: “พี่ลั่วเหยาไม่ต้องปิดฉันหรอกค่ะ ฉันรู้หมดแล้ว”
เธอพูดถึงเฟิงยี่อยู่แล้ว
ถังลั่วเหยาได้ยินเธอพูดแบบนี้ก็เงียบไปไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
ผ่านไปครู่หนึ่งก็ได้ยินเสี่ยวฉิงพึมพำอย่างไม่พอใจ
“ฉันไม่เข้าใจเลยพวกเขาทั้งคู่มีชื่อเสียงชัดเจน แต่ความจริงแล้วพี่ดูแล้วก็ไม่ใช่คนหลายใจ แต่ทำไมคุณชายเฟิงถึงทำกับพี่แบบนั้นนะ?”
“พวกพี่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ๆ แม้ว่าเขาจะไม่ชอบพี่ แต่เขาก็น่าจะดีกับพี่หน่อย!”
“ไม่ต้องพูดถึงการสนับสนุนอย่างน้อยก็ควรได้รับการปฏิบัติด้วยความสุภาพ! แต่เขากลับทำให้พี่ต้องเสียใจเสมอ ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นแม้แต่ฉันยังทนดูไม่ได้เลย”
คำพูดของเธอทำให้ถังลั่วเหยาเงียบไปเลย
เฟิงยี่ทำเกินไปอย่างนั้นเหรอ? ดูเหมือนจะนะ
แต่ว่า…
เดิมทีเธอก็ควรจะเกลียดเขา เกลียดเขามากๆ
แต่ในใจกลับไม่เป็นอย่างนั้น มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างแผ่วเบา
ไม่! เธอไม่เกลียดเขา
เธอแม้แต่…
ถังลั่วเหยาส่ายหัวไม่กล้าจะคิดต่อ
เธอเม้มริมฝีปากแล้วพูดเบาๆ: “เธออย่าพูดจามั่วซั่ว ไม่มีเรื่องอะไรหรอก ไม่ว่าจะเป็นเฟิงยี่หรือเซ่เซียวก็เป็นไปไม่ได้ทั้งนั้นแหละ ดังนั้นต่อไม่อย่าพูดเรื่องพวกนี้อีกนะ”
เมื่อเสี่ยวฉิงเห็นสีหน้าของเธอดูไม่ดีและน้ำเสียงที่ค่อนข้างขรึมจึงรู้ว่าเธอพูดจริง
จึงได้ “ค่ะ” หนึ่งคำแล้วปิดปากเงียบไม่กล้าพูดเพ้อเจ้ออีก
รถขับไปถึงร้านอาหารอย่างรวดเร็ว
ร้านอาหารร้านนี้เป็นร้านที่มีชื่อเสียงมากในเมืองหลวง ร้านชื่อฉวนจู้เต๋อ
เป็ดย่างด้านในเป็นสิ่งที่ต้องกิน
ไม่เพียงแต่ดาราดังเท่านั้นที่ชอบมาอุดหนุนร้านนี้ แม้แต่คนดังระดับสูงในเมืองหลวงก็มากินด้วย
และเพราะเหตุนี้เกรดของที่นี่จึงถือว่าสูงในบรรดาโรงแรมทั้งหมดในเมืองหลวง
ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน
ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวเมื่อรับประทานอาหารที่นี่
ทั้งสองได้จองห้องรับรองไว้ก่อนที่จะมาถึง
ทันทีที่นั่งลงก็ได้ยินเสียงดังอยู่ข้างนอก