วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 569 สนามเด็กเล่น

บทที่569 สนามเด็กเล่น

“พี่เสว่ ฉัน…ฉันอยากกลับ”

ส้งเจียเจียร้องบอกพี่เสว่ด้วยน้ำเสียงอ่อนแอ พี่เสว่ซึ่งไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูแย่ของเธอก็รู้ว่าสถานการณ์ไม่ปกติจึงรีบพยักหน้า

“ได้ ฉันจะพาเธอกลับ”

พูดจบก็ก้มศีรษะให้เฟิงยี่อย่างสุภาพ “คุณชายเฟิง ถ้าอย่างนั้นฉันขอพาเธอกลับไปก่อนนะคะ”

เฟิงยี่ไม่ตอบเธอ ตั้งแต่ต้นจนจบเขาปฏิบัติกับเธอเหมือนเธอเป็นอากาศธาตุ

สุดท้ายพี่เสว่ก็ต้องช่วยพยุงส้งเจียเจียออกไป

ถังลั่วเหยาลดศีรษะของเธอลงจนพวกเธอกลับไปจึงเงยหน้าขึ้นมองไปที่เฟิงยี่ด้วยสายตาที่ซับซ้อนและถอนหายใจ

“นี่ คุณบอกคุณ…”

เธอนิ่งไปและไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรถึงจะเหมาะ

สำหรับผู้ชายคนนี้ ชอบใช้วิธีที่ทำให้เธอต้องเดือดร้อนอยู่เสมอ เธอเหลืออดและไม่มีภูมิคุ้มกันอะไรด้วย

เฟิงยี่มองเธอน้ำเสียงของเขาเย็นชา “ทำไม? มีความเห็นยังไง?”

ถังลั่วเหยา: “…”

เธอจะพูดอะไรได้?

เธอจะกล้าพูดอะไรล่ะ?

เมื่อก่อนเธอไม่มีอะไรจะขอเขาและเธอยังค่อนข้างเข้มแข็งและกล้าที่จะท้าทายเขา แต่ตอนนี้หน้าที่การงานและชีวิตแม่ของเธออยู่ในกำมือของเขาเธอสามารถพูดอะไรที่จะหักล้างได้อีกเหรอ?

สุดท้ายถังลั่วเหยาก็ส่ายหน้าอย่างจนใจ “ช่างเถอะ ไม่มีอะไร คุณอยากให้มันเป็นยังไงก็อย่างนั้นแหละ”

กลับกันต่อให้เฟิงยี่ไม่ทำอะไรเลย เธอกับส้งเจียเจียก็ไม่มีทางจะญาติดีกันได้

ผู้หญิงคนนั้นคงจะเกลียดเข้ากระดูกดำแต่แรกแล้ว ต่อให้เธอวิ่งไปบอกความจริงทั้งหมดกับเธอ เธอก็ไม่มีทางเชื่อหรอก

เมื่อคิดได้ถึงจุดนี้ ถังลั่วเหยาก็ไม่ดิ้นรนอีกต่อไป

พอดีกับที่บริกรเข้ามาพร้อมกับจานอาหาร เธอจึงหยิบตะเกียบขึ้นมาและเริ่มกิน

เพราะก่อนหน้านี้มีเพียงเธอกับเสี่ยวฉิงแค่สองคนที่มากินข้าว จึงสั่งอาหารไปไม่เยอะ ถังลั่วเหยาไม่ชอบฟุ่มเฟือยเสี่ยวฉิงเองก็ไม่ชอบ ปริมาณอาหารของผู้หญิงตัวเล็กๆ สองคนนั้นไม่มาก จึงสั่งเพียงผักสองจานและจานเนื้ออีกจานเท่านั้น

ตอนนี้เพราะมีเฟิงยี่เพิ่มเข้ามา เสี่ยวฉิงจึงไม่กล้าเข้ามานั่ง ทำได้เพียงยืนดูอยู่ข้างๆ

ถังลั่วเหยาเห็นอย่างนั้นจึงเลิกคิ้วแล้วและขมวดคิ้วอย่างไม่มีความสุข

“เธอยืนอยู่ตรงนั้นทำไม? นั่งลงกินข้าวสิ”

เสี่ยวฉิงมองเฟิงยี่ด้วยสายตาเกรงกลัวเล็กน้อย

เฟิงยี่เองก็รู้ว่าตัวเองนั้นเป็นคนที่มาทีหลังเดิมทีนี่ควรจะเป็นที่กินข้างของพวกเธอสองคน

แม้ว่าเขาจะเป็นคนเลอะเทอะ แต่เขาก็ไม่ต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ดังนั้นเขาจึงโบกมือเรียก

“อย่าเอาแต่อึ้ง นั่งสิ กินข้าวกัน เอาเมนูมาสั่งเพิ่มสักกี่อย่างสิ”

เสี่ยวฉิงเห็นดังนั้นจึงได้นั่งลงอย่างระมัดระวังข้างๆ ถังลั่วเหยา

อาหารมื้อนี้ถึงแม้จะได้กินอย่างเปรมปรีดิ์ แต่นอกจากเสี่ยวฉิงที่ไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลาแล้ว อีกสองคนที่เหลือกลับดูเป็นธรรมชาติ

กินข้าวเสร็จก็พบว่ายังเช้าอยู่ ถังลั่วเหยาไม่มีงานอะไรต่อจากนี้ เฟิงยี่ฉุกคิดขึ้นได้ และพูดขึ้นทันทีว่าอยากพาเธอไปเที่ยว

ถังลั่วเหยาไม่สามารถปฏิเสธได้ ต่อให้เธอปฏิเสธผู้ชายคนนี้ก็ไม่ฟังอยู่ดี

ดังนั้นจึงให้เสี่ยวฉิงกลับไปก่อนแล้วขึ้นรถไปกับเฟิงยี่

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง

รถแล่นมาใกล้ที่หมายอย่างรวดเร็ว

เฟิงยี่จอดรถไว้ที่ลานจอดรถ ทั้งสองลงจากรถแล้วเดินไปยังจุดหมาย

ถังลั่วเหยาขมวดคิ้วเมื่อเธอมองไปที่สภาพแวดล้อมที่แปลกประหลาดรอบตัวเธอ

“เฟิงยี่ คุณพาฉันมาที่ไหนกันเนี่ย?”

รู้ไหมว่าตามสถานะและความนิยมในปัจจุบันของเธอ เธอไม่สามารถไปไหนมั่วซั่วได้ มิฉะนั้นจะเกิดเรื่องได้ง่ายๆ

เฟิงยี่รู้ดีถึงความกังวลของเธอและยิ้ม “วางใจ ในเมื่อพาเธอออกมาก็ต้องจัดการผลที่ตามมาไว้ก่อนแล้ว ยิ่งกว่านั้นฉันมั่นใจว่าเธอต้องอยากมา แถมยังจะรู้สึกดีมากด้วย”

ที่เธอไม่รู้คือตั้งแต่ตอนกินข้าว เฟิงยี่ให้คนมาเตรียมสถานที่ไว้แล้ว ทุกอย่างจึงถูกจัดมาเพื่อเธอ จึงไม่มีทางมีปัญหาแน่นอน

ถังลั่วเหยาได้ยินแล้วจึงได้แต่เดินไปกับเขา ได้แต่เดินไปข้างหน้าในใจก็ยิ่งมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี

สุดท้ายหลังจากผ่านไปห้านาที เมื่อเธอยืนอยู่ในสนามเด็กเล่นขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเทพนิยาย ในใจก็รู้สึกเหมือนมีม้าหมื่นตัววิ่งผ่านไป

นี่คือสิ่งที่เขาบอกว่าเธออยากไปสถานที่ที่น่าสนใจเป็นพิเศษ?

เฮ้ย เธอยังตั้งตารอ?

เห็นได้ชัดว่าเฟิงยี่ก็ไม่ค่อยคุ้นเคยกับสถานที่แบบนี้ เขามองไปที่เครื่องเล่นรอบๆ แล้วมีสีหน้าเขิน และกระแอมเบาๆ

“งั้น…นี่คือบัตรVIPของที่นี่ อยากเล่นอะไรก็ได้”

พูดแล้วก็หยิบบัตรใบหนึ่งจากกระเป๋าให้เธอ

ถังลั่วเหยามีสีหน้าไม่ดีนัก เธอไม่สนใจเรื่องไร้เดียงสาพวกนี้เลย ดังนั้นจึงถาม: “ไม่เล่นได้ไหม?”

เฟิงยี่ขมวดคิ้วแล้วมองเธอ “ไม่ได้แน่นอน มาถึงแล้วจะไม่เล่นได้ไง? จะพูดไปผู้หญิงอายุเท่าพวกคุณไม่ได้ชอบเที่ยวสถานที่แบบนี้เหรอ?”

“ใครบอก!”

“ผมได้ยิน…” เฟิงยี่หยุดกะทันหันเม้มมุมปาก “คุณไม่ชอบเหรอ?”

เธอไม่ใช่ว่าไม่ชอบเพียงแต่มันต่างที่คิดเอาไว้มากเลย!

ท้ายที่สุดเธอไม่ใช่เด็กน้อย มันผ่านยุคของการเล่นรถไฟเหาะของเล่นนี้มานานแล้ว

ยิ่งกว่านั้นไม่ว่ายังไงเขาก็คือคุณชายรองตระกูลเฟิง ที่ที่ควรไปไม่ใช่สถานที่ระดับสูงอย่าง Sky Restaurant หรือ Private Villa หรอกเหรอ? ทำไมถึงได้มาสวนสนุกเด็กเล่นแบบนี้ได้?

ไม่ใช่ว่าเธอดูถูกสวนสนุก ไปสวนสนุกสำหรับผู้ใหญ่ก็ได้ แต่นี่มันสวนสนุกสำหรับเด็กๆ!

ถังลั่วเหยาแอบถอนหายใจในใจ ช่างเถอะ! มาถึงแล้วนี่งั้นก็เล่นๆ ไปแล้วกัน!

กวาดสายตาไป ก็เห็นเพียงเกมยิงปืนแลกตุ๊กตาอยู่ข้างหน้า เธอชี้ไปและพูด: “พวกเราไปดูทางนั้นกันเถอะ!”

เฟิงยี่พยักหน้า

พวกเขาสองคนมาที่ซุ้มและซื้อกระสุนสิบนัดจากเจ้าของ ถังลั่วเหยาชี้ไปที่ฮัสกี้สีขาวที่อยู่ตรงกลาง เหล่และยิ้มเล็กน้อย: “ฉันอยากได้อันนั้น!”

เฟิงยี่พยักหน้าแล้วยกปืนขึ้นแล้วจัดท่า “ปัง” ดังขึ้น โดนเป้า

เจ้าของซุ้มเกมเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณสามสิบกว่า เห็นแล้วรู้สึกคาดไม่ถึงเล็กน้อย เพราะเกมประเภทนี้มีแขกน้อยคนที่จะยิงโดนตั้งแต่นัดแรก เมื่อเห็นหนุ่มหล่อสาวสวยก็อดที่จะรู้สึกดีไม่ได้ เขาหัวเราะและยื่นเจ้าฮัสกี้ให้ถังลั่วเหยา

ถังลั่วเหยาชี้ไปที่ลิงปากใหญ่ข้างๆ เขาอีกครั้ง เหมือนกัน เฟิงยี่แทบจะไม่ต้องใช้ความพยายามในการเล็งเป้าก็ยิงถูกลูกโป่งเหนือตุ๊กตาได้

ถังลั่วเหยาชี้ไปที่เจ้า Mashimaro

“ปัง” โดน

เจ้าหมี โดน

Mickey Mouse โดน

……

เจ้าของซุ้มเริ่มไม่สามารถจะควบคุมสีหน้าได้แล้ว

พอถึงกระสุนนัดที่เก้า เขาก็ต้องตกตะลึงรีบยื่นมือห้ามแล้วยิ้มอย่างขมขื่น “คุณลูกค้าท่านนี้ แค่ดูก็ชนะแล้ว ตุ๊กตาเก้าตัวแล้ว ถ้าชนะอีกวันนี้ผมคงเสียเปล่า กระสุนที่เหลืออีกหนึ่งนัด ลองให้คุณผู้หญิงลองดูไหมครับ?”

เฟิงยี่ยกมุมปากและไม่ขัดและส่งปืนให้ถังลั่วเหยา “อยากจะลองดูไหม?”

ถังลั่วเหยาผงะไปครู่หนึ่งแสดงสีหน้าเขินอาย “แต่ฉันยิงไม่เป็น”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset