บทที่571 รู้ดีอยู่แก่ใจ
จู่ ๆ เฟิงยี่ก็ขัดจังหวะเธอ “ติดค้างหรือเปล่าตัวผมรู้ดีอยู่แก่ใจ คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ผมฟัง”
ถังลั่วเหยา: “…”
เธอทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อยแต่ลึก ๆ ในใจเธอยังมีสิ่งอบอุ่นเล็ก ๆ น้อย ๆ หลั่งไหลเข้ามา
ในตอนนี้เอง จู่ ๆ เสียงกรีดร้องที่รุนแรงดังมาจากทางด้านซ้าย
ทั้งสองหันไปมอง เห็นโต๊ะที่อยู่ไม่ไกลนักมีหญิงวัยกลางคนที่มีเครื่องประดับหรูเต็มตัวรีบวิ่งเข้ามาจากประตู
เธอพุ่งเข้ามาที่ข้างโต๊ะ จากนั้นก็ง้างมือไปที่หน้าของเด็กสาวอีกคนที่ราวยี่สิบปีนิดๆ และตบหน้าเธอด้วยท่าทางโอหัง
“นางผู้หญิงชั้นต่ำ กล้ามายั่วผัวฉัน คอยดูเถอะจะตีให้ตาย!”
ผู้หญิงคนนั้นกรีดร้องเสียงดังและดึงดูดสายตาทุกคนในทันที
ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ หญิงสาวหน้าแดงก่ำ รีบลุกขึ้นมาห้ามเธอและดุเบา ๆ “นี่เธอพูดเพ้อเจ้ออะไร? เธอเป็นแค่ลูกค้าคนหนึ่งของฉันเท่านั้น”
“ลูกค้า?” ผู้หญิงคนนั้นพูดด้วยท่าทางมั่นใจ “ฉันว่าลูกค้าบนเตียงน่ะสิ!”
“เธอ!”
หญิงสาวที่ถูกตบหน้ากุมใบหน้าอย่างอับอาย กัดฟันและพูด: “ประธานโจวคะ ฉันว่าเรื่องโครงการความร่วมมือเอาไว้ค่อยหาโอกาสคุยกันแล้วกันนะคะ! ฉันขอตัวก่อน!”
พูดจบเธอก็ลุกจะไป
แต่กลับถูกผู้หญิงคนนั้นยื้อยุดไว้ไม่หยุด
“คิดจะไปแบบนี้เหรอ? ฉันจะบอกเธอให้! วันนี้ไม่คุยกันให้รู้เรื่อง ฉันไม่มีทางจบกับพวกเธอแน่!”
“พอแล้ว!”
ทันใดนั้นฝ่ามือก็ตบลงบนหน้าของผู้หญิงคนนั้นเสียงดังชัดเจน หลังตบเสร็จ ผู้ชายคนนั้นก็นิ่งไปชั่วครู่แล้วกัดฟันและหันไปขอโทษหญิงสาวคนนั้น
“คุณเฉิน ขอโทษด้วยจริงๆ คุณไปก่อนเถอะครับ เรื่องความร่วมมือที่เหลือผมจะหาเวลาไปคุยกับคุณที่ออฟฟิศด้วยตัวเอง”
หญิงสาวมองเขาด้วยสีหน้าเย็นชาและพูดอย่างประชดประชัน: “ไม่ต้องแล้วค่ะ ฉันว่าประธานโจวไปจัดการเรื่องในครอบครัวก่อนเถอะค่ะ!”
พูดจบก็เดินออกไปด้วยความโมโห
“นางผู้หญิงชั้นต่ำ! แกอย่าหนีนะ แก…”
“พอแล้ว! นี่เธอยังขายหน้าไม่พอใช่ไหม?” ผู้ชายคนนั้นดึงภรรยาของตนเองไว้แล้วหันไปมองสายตาแปลกๆ จากผู้คนรอบข้างด้วยใบหน้าที่ไม่สามารถจะบรรยายได้
“โจวเต๋อชาง แกสมควรตาย แกตบฉัน แกมันเลว ตอนนั้นที่แกแต่งเข้าบ้านฉันแกพูดยังไงกับพ่อฉัน? ฮือ ๆ ๆ ๆ ตอนนี้แกเก่งกล้าสามารถแล้ว พ่อฉันก็ตายไปแล้ว แกก็เลยทำแบบนี้กับฉัน แกมันไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี…”
เมื่อฝ่ายหญิงเห็นว่าไม่สามารถจะทำอะไรเมียน้อยได้จึงพุ่งไปที่ผู้ชายคนนั้นคว้าคอเสื้อเขาและกระชาก
เมื่อฝ่ายชายโดนเธอยั่วโมโหแบบนั้นโดยเฉพาะเมื่อได้ยินคำว่าแต่งเข้าด้วยแล้ว เหมือนกันเป็นเข้าไปกระตุ้นจุดที่ดำมืดที่สุดในจิตใจของเขา มือที่จับเธอไว้แน่นผลักเธอออกแล้วตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด: “พอแล้ว! เธอหาเรื่องอีก ถ้าเธอยังหาเรื่องอีกเราหย่ากัน”
ผู้หญิงคนนั้นถูกผลักและล้มลงกับพื้น เธออึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นก็ปล่อยโฮออกมาโดยไม่สนใจภาพลักษณ์
ผู้ชายคนนั้นสีหน้ายิ่งดูแย่ในทันใดและพูดจาอย่างโหดร้าย “แกนี่มันหาเหาใส่หัว!”
จากนั้นก็กระฟัดกระเฟียดเดินออกไป
ถังลั่วเหยาหันกลับมา
สเต๊กเนื้อตรงหน้าเย็นชืดเล็กน้อย เธอวางอุปกรณ์รับประทานอาหารลงและเช็ดปาก
“ผู้หญิงคนนั้นโง่เกินไปไม่มีเหตุผล ถ้าเป็นฉันแค่หย่าก็เท่านั้น”
เฟิงยี่สีหน้าเรียบเฉยแต่แววตาของเขามีแววถากถาง
“ไม่แน่ เมื่อครู่คุณได้สังเกตที่ข้อมือของพวกเขาสองคนไหม”
ถังลั่วเหยาเลิกคิ้ว
เฟิงยี่พูดต่อ: “เป็นนาฬิกาข้อมือรุ่นคู่รักรุ่นใหม่ที่ Cartier ปล่อยออกมาในปีนี้ ราคาหกหลักขึ้นไป ทั้งสองคนซึ่งทำงานร่วมกันแถมยังใส่นาฬิกาคู่รักอีก คุณว่าโลกนี้มันมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ไหม?”
เมื่อครู่ถังลั่วเหยาไม่ได้สังเกตรายละเอียดเมื่อครู่จริงๆ เมื่อเขาพูดเช่นนี้ก็ย้อนคิดกลับไป ตอนที่ผู้หญิงคนนั้นลุกขึ้นดูเหมือนจะหดมือซ้ายลง
ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นจะบอกว่าผู้ชายคนนั้นทำผิดก่อนจริงๆ?”
เฟิงยี่ส่ายหน้าแล้วยิ้ม “ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างนั้น การที่จะมีปัญหาในการแต่งงานอาจจะไม่ใช่ความผิดของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง คุณดูผู้หญิงคนนั้น…”
เขานิ่งไปและมองไปที่ถังลั่วเหยาที่ตั้งตารอบทวิเคราะห์แล้วเลิกคิ้ว “กินอิ่มแล้วเหรอ?”
ถังลั่วเหยาผงะครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า
เขาจึงได้เรียกบริกรมาเพื่อคิดเงิน
เมื่อคิดเงินเสร็จแล้วทั้งสองจึงลุกขึ้นและเดินออกจากภัตตาคารแล้วเดินไปที่ลานจอดรถ
ถังลั่วเหยากวนและถามเขา: “เมื่อกี้คุณบอกว่าผู้หญิงคนนั้นทำไมเหรอ?”
เฟิงยี่กลับไม่ตอบและยื่นมือดีดหน้าผากเธอเบาๆ “เรื่องของคนอื่นมันเกี่ยวกับคุณตรงไหน? ทำไมถึงได้ขี้นินทาแบบนี้”
ถังลั่วเหยาหันหน้าและมองเขาอย่างไม่น่าเชื่อ
ผู้ชายคนนี้…
มีนิสัยแย่ๆ แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?
จู่ ๆ ก็มาดีดหน้าผากเธอคิดว่าเธออายุสิบกว่าขวบจริงๆ อย่างนั้นเหรอ?
ทั้งสองมาถึงที่จอดรถ เมื่อพบรถและเข้าไปนั่ง
เพียงแค่สตาร์ทรถทันใดนั้นร่างที่แอบดูอยู่ก็ปรากฏขึ้นไม่ไกล
เมื่อมองให้ชัดก็พบว่าเป็นหญิงวัยกลางคนที่ทำตัวไร้เหตุผลในภัตตาคารเมื่อครู่นั้น
เพียงเห็นเธอทำปากด่ามุบมิบอะไรบางอย่าง ขณะที่เธอยัดถุงพลาสติกจำนวนมากลงในท่อไอเสียของรถเก๋ง BMW
ถังลั่วเหยาอดหัวเราะไม่ได้ “ดูท่าคุณพูดถูก ผู้หญิงคนนี้คงจะหาเรื่องใส่ตัวได้ตลอด”
เฟิงยี่ยกมุมปากอย่างไม่ใส่ใจ
เมื่อผู้หญิงคนนั้นยัดเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นก็หันหน้ามาเจอเฟิงยี่กับถังลั่วเหยาที่อยู่ในรถฝั่งตรงข้ามพอดี
อาจจะเพราะความโกรธที่ยังคงไม่หายไปเธอจึงถลึงตาและตะโกน “มองอะไรยะ? ไม่เคยเห็นคนยัดท่อไอเสียเหรอ? ผู้ชายมันไม่ได้ดีอะไร คุณก็ด้วย! แค่ดูก็เหมือนพวกไก่อ่อน เอาแต่ตระเวนไปทั่ว แม้แต่เด็กนักเรียนตัวแค่นี้ก็ไม่เว้น ระวังจะเจอดีเถอะแก!”
พูดจบก็ขึ้นก็ขึ้นรถข้างๆ แล้วขับออกไป
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ทั้งเฟิงยี่และถังลั่วเหยาต่างทำหน้านิ่ง
หลังจากนั้นไม่นานถังลั่วเหยาก็ “ฮิฮิ” เงยหน้าขึ้นและหัวเราะเสียงดัง
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ…”
ใบหน้าของเฟิงยี่มืดมนและหันไปมองแรง
ถังลั่วเหยานั้นดูใสซื่อบริสุทธิ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่ได้แต่งหน้า
วันนี้เพื่อความสะดวกในการออกไปข้างนอกเธอจงใจแต่งกายแบบเรียบง่ายเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้น รองเท้าสีขาวและผมหางม้าสูงเมื่อมองแวบแรกเธอดูเหมือนนักเรียนจริงๆ
เพียงแต่คิดไงถึงว่าผู้หญิงคนนั้นเข้าใจผิดเรื่องอายุของเธอยังพอว่า แต่จู่ ๆ ยังเข้าใจสถานะของเธอผิดไปด้วย
ฮะ ฮ่า ๆ ๆ…
ถังลั่วเหยายิ่งคิดก็ยิ่งตลก นั่งหัวเราะตัวโยนไปมาอยู่ตรงเบาะที่นั่ง เธอหัวเราะไปด้วยและพูดไปพลาง: “อย่าเข้าใจผิด คนอื่นเขาชมคุณนะ ไอ้ไก่อ่อน! ฮ่าๆ! โคตรตลกเลย!”
ใบหน้าของเฟิงยี่จริงจังมากขึ้น แต่เมื่อเห็นเธอระเบิดเสียงหัวเราะแบบนั้นกลับมองด้วยแววตาลึกซึ้งและไม่พูดอะไร
รถสตาร์ทและขับออกจากที่จอดรถอย่างช้าๆ
เศรษฐกิจของเมืองหลวงมีการพัฒนาและกลางคืนเต็มไปด้วยแสงไฟนีออนหลังจากที่ถังลั่วเหยาหัวเราะจนพอแล้วเธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูเธอไม่เห็นข่าวใด ๆ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกโล่งใจ
เมื่อถึงบ้านก็เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว
ถังลั่วเหยาเล่นมาทั้งวัน ถึงแม้ว่าจะเป็นอยู่กับผู้ชายคนนี้ แต่อารมณ์ของวันนี้ไม่ได้เปลี่ยนไปอย่างน่าประหลาดใจ