บทที่582 แฟนสาวของเขา
“เชอะ! ผู้หญิงที่เกิดเป็นยาจก จะซื้ออะไรได้ล่ะ?”
ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ หลี่ยู่ไป๋ก็พูดประชดประชัน: “ซื้อไม่ไหวก็อย่ามาเดินสิ? จะได้ไม่ต้องขวางหูขวางตา”
ถังลั่วเหยาขมวดคิ้ว “พิพิธภัณฑ์นี้…เป็นของครอบครัวคุณเหรอคะ?”
ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะเยาะ: “ถึงจะไม่ใช่ของครอบครัวฉัน แต่ตอนที่สร้างพิพิธภัณฑ์นี้ ตระกูลฉันก็บริจาคไปกว่าห้าสิบล้าน บ้านนอกอย่างเธอต่อให้ทั้งชีวิตก็คงไม่เคยเห็นเงินเยอะขนาดนั้นสินะ!”
“ดังนั้นฉันว่าเธอรีบไสหัวไปดีกว่า เดี๋ยวจะทำให้พี่เซียงหลันของเราโมโหเข้าให้แล้วเดี๋ยวเธอจะเรียกคนมาไล่เธอออกไป ถึงตอนนั้นจะยิ่งขายขี้หน้าเขานะ”
ถังลั่วเหยากระตุกมุมปากเบา ๆ คนพวกนี้ชอบเป็นสุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ(แอบอ้างบารมีคนอื่น)เหรอ?
เรื่องที่ครอบครัวของหลี่เซียงหลันบริจาคเงินให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ห้าสิบล้าน แน่นอนว่าเธอรู้และยังจำได้ ตอนนั้นเฟิงยี่ให้ตระกูลหลี่บริจาค
คิดไม่ถึงว่าตอนนี้กลับถูกคนพวกนี้ใช้มันเป็นข้อข่มขู่ คิดๆ ดูแล้วมันก็เป็นการประชดประชัน
“เฮ้! ฉันพูดกับเธออยู่นะ เธอได้ยินรึเปล่า?”
ผู้หญิงหนึ่งในกลุ่มนั้นเห็นเธอไม่มีปฏิกิริยาจึงโกรธเล็กน้อยและยื่นมือออกไปผลักเธอหนึ่งครั้ง
ครั้งก่อนแผลที่ขาของถังลั่วเหยาตอนถ่ายละครครั้งก่อนยังไม่หายดี เธอตกใจมากและล้มลงเพราะเท้าที่ไม่มั่นคง
เธอเองก็คิดไม่ถึงว่าจู่ ๆ อีกฝ่ายจะลงมือ เธอรู้สึกว่าโชคไม่ดี และเธอก็เตรียมพร้อมที่จะสัมผัสกับพื้นแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าทันใดนั้นจะถูกชายหนุ่มคว้าเอวเธอไว้ในอ้อมกอด
คนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกใจและอดที่จะกลัวไม่ได้
คนคนนี้คือใคร? หน้าตาโคตรหล่อเลย!
เป็นคุณชายตระกูลไหนงั้นเหรอ? อารมณ์นี้รูปร่างหน้าตาแบบนี้คือดาราหน้าใหม่หรือเปล่า?
หลี่ยู่ไป๋หน้าแดงก่ำและกำลังจะเปิดปากก็ได้ยินผู้ชายคนนั้นพูดออกมาด้วยความโกรธ “เกิดอะไรขึ้น? ผมเพิ่งจะไปไม่นานเอง คุณก็ปล่อยให้คนอื่นมารังแกแล้วเหรอ?”
ถังลั่วเหยาตกตะลึงและตอบสนอง “ฉันเปล่านะ”
“งั้นนี่มันเรื่องอะไรกัน?”
เขาเงยหน้ามองผู้หญิงที่อยู่ตรงข้าม
ดวงตาที่เยือกเย็นราวกับลูกศรที่แหลมคมทำให้ผู้หญิงสามคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสั่นสะท้านหัวใจที่เต้นแรง หญิงสาวเหมือนกวางน้อยที่ขยับอย่างไร้ทิศทางถูกลูกศรอันเย็นยะเยือก
หลี่ยู่ไป๋ขมวดคิ้ว “คุณคือใคร? พวกเรากำลังคุยกันอยู่ คุณเข้ามายุ่งอะไรด้วย?”
เพราะพี่น้องตระกูลหลี่นั้นเรียนหนังสืออยู่ต่างประเทศตลอดเวลา และเพิ่งจะกลับมาได้เพียงครึ่งปี
ในช่วงครึ่งปีมานี้ ในใจเฟิงยี่เองก็มีแต่ถังลั่วเหยาและไม่แม้แต่จะสนใจส้งเจียเจียเลย จึงไม่แปลกที่จะไม่มีข่าวกับสาวอื่นด้วย
และปกติแล้วเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ไปไหน ดังนั้นพวกเธอจึงไม่รู้จักเฟิงยี่ซึ่งเป็นเรื่องที่หายาก
เห็นได้ชัดว่าเฟิงยี่ไม่อินังขังขอบที่จะตอบพวกเธอ ได้แต่จ้องถังลั่วเหยา
ถังลั่วเหยาได้แต่เม้มริมฝีปากและกระซิบ: “พวกเธอบอกว่าฉันเป็นลูกสาวยาจก ซื้ออะไรในนี้ไม่ได้สักอย่าง ให้ฉันไสหัวไป”
แววตาของเฟิงยี่ยิ่งเย็นชา “ดังนั้นคุณก็เลยยอมไปแต่โดยดีตามคำพูดของคนพวกนี้เหรอ?”
“ฉันเปล่านะ!” ถังลั่วเหยาชี้แจง “เพียงแต่ว่าพวกเธอบอกว่าพวกเธอคือตระกูลหลี่ที่เป็นผู้มีอุปการคุณ และบังเอิญว่าฉันคงจะไปยั่วโมโหคุณหลี่เข้า ก็เลยกลัวว่าหากไม่ไปจะถูกคนเอาไม้กวาดมาไล่”
“กล้า!” เฟิงยี่พูดออกมาอย่างเย็นชาและตะโกนคำหนึ่ง “เหลิ่งเม่ย!”
ไม่รู้ว่าจู่ ๆ เหลิ่งเม่ยก็โผล่ออกมาจากมุมไหน เดินมาด้านข้างเขาและพูดอย่างสุภาพ: “คุณชาย”
“ไล่ผู้หญิงพวกนี้ออกไป แล้วไปบอกคนที่รับผิดชอบที่นี่ ฉันเฟิงยี่ซื้อที่นี่แล้ว!”
ถังลั่วเหยา: “…”
ซื้อแล้ว?
ซื้อแล้ว?
ซื้อแล้ว?
คุณชายเฟิง นี่ไม่ใช่บ้านเป็นหลังๆ นี่มันพิพิธภัณฑ์ คุณบอกจะซื้อก็ซื้องั้นเหรอ?
เธอตกใจจนผงะไปแต่กลับเห็นเหลิ่งเม่ยพยักหน้าอย่างจริงจังและหันกลับไปเพื่อทำตามคำสั่ง เธอรีบรั้งเขาไว้และพูดอย่างรีบร้อน: “เฟิงยี่ คุณทำอะไรน่ะ?”
“คุณชอบเดินเล่นที่นี่ไม่ใช่เหรอ? ซื้อกลับไปให้คุณเดินเล่นทุกวัน! อนุญาตเพียงคุณคนเดียวเท่านั้น!”
ถังลั่วเหยารู้สึกว่านิสัยคุณชายเป็นช่วงๆ ของผู้ชายคนนี้เริ่มออกอาการอีกแล้ว จึงรีบพูดและยิ้มเจื่อน “ไม่ต้องๆ ซื้อกลับไปแล้วเดินคนเดียวมันไม่มีความหมาย ฉันก็พูดไปงั้น คุณอย่าจริงจังนักเลยค่ะ”
ใบหน้าของกลุ่มผู้หญิงฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนไป พวกเธอหันไปมองหน้ากันและสามารถเห็นความตระหนกในดวงตาของอีกฝ่าย
เฟิงยี่?
ผู้ชายคนนี้คือเฟิงยี่อย่างนั้นเหรอ?
พ่อพวงมาลัยแห่งตระกูลเฟิงในตำนาน คุณชายรองที่เป็นทายาทหมื่นล้านและเป็นคุณชายคนโปรดของคุณนายตระกูลเฟิง!
ทำไมเขาถึงได้อยู่กับลูกสาวยาจก? อีกทั้งยังปกป้องเธออีก?
แววตาของหลี่ยู่ไป๋กับพวกนั้นซับซ้อนและหวาดกลัว หากยั่วโมโหลูกสาวยาจกก็ไม่เป็นไร แต่หากเข้าไปยั่วโมโหเฟิงยี่นั่นเท่ากับรนหาที่!
หลี่เซียงหลันเป็นคนแรกที่ได้สติและรีบเข้าไปพูด: “คุณคือคุณชายรองเฟิงเหรอคะ? ขอโทษจริงๆ เมื่อครู่พวกเราแค่พูดเล่นกับคุณคนนี้เท่านั้นไม่ได้คิดจะไล่เธอไปจริงๆ คุณเป็นคนใหญ่คนโตอย่าถือสาคนธรรมดาอย่างเราเลยนะคะ”
“นั่นสิๆ! เมื่อกี้พวกเราก็แค่เตือนด้วยความหวังดี ที่จริงเป็นส้งเจียเจียผู้หญิงคนนั้นต่างหากที่ต้องการจะเล่นงานเธอ ไม่ใช่พวกเรา”
“ใช่ๆ ๆ! เป็นแบบนั้นเลย พวกเราแค่อยากจะเตือนเธอกลัวว่าเธอจะไม่รู้เรื่องรู้ราวแล้วโดนคนอื่นรังแกเอา”
ถังลั่วเหยาแอบถอนหายใจเมื่อเห็นพวกเธอที่เปลี่ยนสีหน้าได้เร็วกว่าเปลี่ยนหน้าหนังสือเสียอีก แต่โชคดีที่เมื่อก่อนตนเองดูออกและไม่เข้าใกล้คนพวกนี้ หากวันไหนโดนพวกเธอเล่นงานเข้าก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แววตาของเฟิงยี่เย็นชาและไม่สนใจพวกเธอตั้งแรกจนจบ ตอนนี้หลินฮั่วได้ยินข่าวลือและวิ่งเข้ามา เมื่อเห็นเสียงดังกันแบบนี้ก็ตกใจจนสีหน้าเปลี่ยนและรีบวิ่งเข้าไปถาม: “เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ?”
หลี่เซียงหลันกับหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หลินเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แน่นอนว่าพวกเขารู้จักกันจึงรีบเข้าไปอธิบาย: “หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หลินก็แค่ความเข้าใจผิดเล็กน้อย เราเตือนคุณผู้หญิงคนนี้ด้วยความหวังดี คิดไม่ได้ถึงว่าคุณชายเฟิงจะเข้าใจผิดว่าเรารังแกเธอ คุณช่วยเราอธิบายทีสิคะ”
สีหน้าของหลินฮั่วก็แย่ลงในทันใด เขาจ้องหน้าเธอและพูดเสียงดัง: “อะไรคุณผู้หญิงคนนี้? คุณคนนี้คือแฟนสาวของคุณชายเฟิงนะ!” ถังลั่วเหยาเห็นสีหน้าของพวกเธอทั้งสามคนเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
เธอลูบจมูก อืม…ที่แท้ชื่อเสียงของเฟิงยี่มันมีประโยชน์ขนาดนี้เลย
หากเธอเอ่ยชื่อเขาออกไปแต่แรกก็ดีจะได้ไม่ต้องเสวนากับผู้หญิงพวกนี้ให้มากความ
หลี่เซียงหลันและพวกต่างตกใจว่าผู้หญิงคนนี้คือแฟนของเฟิงยี่อย่างนั้นหรือ?
ถึงแม้ว่าพวกเธอจะไม่เคยเจอเฟิงยี่ แต่ก่อนหน้าก็เคยได้ยินชื่อของเขา
รู้ว่าถึงแม้ผู้ชายคนนี้จะเป็นพ่อพวงมาลัย แต่ก็ไม่เคยชอบให้ผู้หญิงคนไหนออกมาตรีตราจองว่าเป็นแฟนสาวของเขา
และตัวเขาเองก็ไม่เคยออกมายอมรับว่าตนเองมีแฟนแล้ว
สุดท้ายแล้วฐานะและพื้นฐานครอบครัวอย่างเขา หากมีการประกาศออกไป นั่นหมายความว่าผู้หญิงคนนั้นต้องมีความสำคัญกับเขามาก
อย่างน้อยก็เป็นไปได้มากว่าในอนาคตจะแต่งงานเข้าตระกูลเฟิงและกลายเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเฟิง
ดังนั้นถึงแม้จะมีข่าวกับสาวๆ ไปทั่วก่อนหน้านี้ เขาก็ไม่เคยออกมายอมรับสักครั้ง