วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 588 มีคนอยู่ในบ้าน

บทที่588 มีคนอยู่ในบ้าน

ดังนั้นเขาจึงไม่คิดอะไรมาก

ถังลั่วเหยาดูเวลา

“ดึกแล้ว ฉันจะกลับไปพักผ่อนแล้วค่ะ”

ถึงแม้ว่าเฟิงยี่จะไม่อยากจะแยกกันในตอนนี้ สุดท้ายแล้วทั้งสองคนเพิ่งจะตัดสินใจคบกันอย่างเป็นทางการจึงยังทำใจได้ยาก

แต่เขาก็รู้ว่าเรื่องพวกนี้ ไม่ควรจะรีบร้อนเกินไปตั้งแต่เริ่ม ไม่อย่างนั้นจะเสียเรื่อง

ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าและจูงมือเธอแล้วพูด: “ผมไปส่งคุณข้างบน”

ครั้งนี้ถังลั่วเหยากลับไม่ปฏิเสธ

เฟิงยี่ส่งเธอไปที่ประตูบ้านเฝ้าดูเธอเปิดประตูและเข้าไปในบ้านจากนั้นดึงเธอมาจูบริมฝีปากของเธออย่างอดไม่ได้จากนั้นก็โบกมือลาเธอ

ถังลั่วเหยายิ้มส่งเขากลับไป ทั้งสองดูเหมือนคู่รักที่ใกล้ชิดและรักใคร่กัน

จนลิฟต์มา เขาเข้าลิฟต์ไป ประตูปิดและลิฟต์ก็ลงไป

รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอเหือดหายในทันที

ถังลั่วเหยาปิดประตูจากนั้นก็กุมหน้าอย่าหมดแรงและนั่งลงบนพื้น

มีเพียงโคมไฟติดผนังที่ทางเข้าเท่านั้นที่เปิดอยู่ในห้องแสงสลัวและจาง ๆ ส่องมาที่เธอราวกับเกาะร้างในตอนกลางคืน

เธอนั่งบนพรมกอดน่องและฝังใบหน้าลงในหัวเข่าของเธอและรู้สึกราวกับว่าหมดเรี่ยวแรงทั้งหมดและไม่อยากขยับตัวแม้เพียงน้อยนิด

เธอเหนื่อยทั้งกายและใจ

เธอรู้ว่าเฟิงยี่รักเธอด้วยใจจริง คำพูดของเขาในคืนนี้เป็นสิ่งที่ออกมาจากส่วนลึกของจิตใจ

แต่เพราะแบบนี้เธอจึงได้กลัวมากจริงๆ

เธอกลัวว่าตนเองจะไม่ได้ดีอย่างที่เขาพูด

เธอกลัวว่าวันหนึ่งตนเองทำให้เขาผิดหวัง

เมื่อคิดแบบนี้ถังลั่วเหยาก็ถอนหายใจ จากนั้นไม่นานเธอก็คิดจะลุกขึ้นยืน

อย่างไรก็ตามในขณะนี้จู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงหายใจช้าและยาวออกมาจากห้อง

ทันใดนั้นเธอก็ตัวแข็งและตกใจ

จะพูดให้ถูกนั่นไม่ใช่เสียงหายใจแต่เป็นเสียงกรนของผู้ชายหลังจากเขาหลับไป

ในบ้านมีคนอยู่?

เมื่อรับรู้ได้ถึงเรื่องนี้ถังลั่วเหยาก็ตกใจกลัวจนหน้าซีด

หลังจากลังเลครั้งแล้วครั้งเล่าก็อดกลั้นและไม่เรียกร้องให้เฟิงยี่ที่เพิ่งออกไปให้เขากลับมา

ตนเองแอบย่องเข้าไปหยิบมีดหั่นผักอย่างเบามือในห้องครัว แล้วย่องเบาๆ เข้าไปทางห้องนอน

ที่จริงเธอไม่รู้เลยว่าคนที่ส่งเสียงออกมาจากห้องนอนในเวลานี้เป็นใคร

แต่ดึกขนาดนี้แล้ว ผู้ชายที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวในบ้านของเธอได้ ใช้จมูกคิดยังรู้ได้ว่าไม่มีทางเป็นคนดี

เป็นติ่งที่บ้าคลั่งงั้นเหรอ?

หรือว่า…

เธอไม่กล้าเปิดไฟกลัวจะทำให้อีกฝ่ายตกใจตื่น จึงได้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดโทรหาตำรวจ วางนิ้วบนปุ่มโทรออก หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นจะได้โทรแจ้งความทันที

แสงจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือสามารถส่องไปที่ทางเดินรอบ ๆ เป็นวงกลมเล็ก ๆ เธอจึงเดินไปยังห้องนอนอย่างช้าๆ

ประตูห้องนอนไม่ได้ปิดแน่นและถูกล็อกจากคนที่อยู่ข้างใน

เธอยื่นมือออกไปผลักประตูเบาๆ ในแสงสลัวดูเหมือนจะมีคนนอนอยู่บนเตียง

คนคนนั้นนอนตะแคงหันหลังให้เธอห่มผ้านวม

เพราะแสงสลัวเกินไป มีเพียงแสงจันทร์สลัวจากหน้าต่างและแสงจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่จาง ๆ ในมือเธอจึงมองไม่เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใครเพียงแค่มองไปที่ร่างของชายวัยกลางคนค่อนข้างผอม

ชายวัยกลางคนคนนั้นหลับสนิทราวกับไม่ได้มีความกังวลหรือหวาดกลัวว่าตนเองกำลังอยู่ในบ้านคนอื่นแถมยังส่งเสียงกรนเป็นระยะ

หลังจากเตรียมตัวแล้ว เธอเดินเข้าไปที่ข้างเตียงและตีเข้าหัวและหน้าอย่างจัง

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงร้องโอดครวญในห้องนอน

ถังลั่วเหยาไม่กล้าพูดอะไรกลัวว่าจะถูกฝ่ายตรงข้ามจำเสียงได้ ที่สุดแล้วเธอมีสถานะที่พิเศษ ดังนั้นจึงตั้งใจตีเพื่อให้เขาหนีไป

ตามที่คาดไว้อีกฝ่ายนอนด้วยความงุนงงและถูกทุบตีอย่างรุนแรงและโดยไม่รู้ตัว เขากระโดดขึ้นและรีบวิ่งไปที่ประตู

เธอตามไปตีเขา

ในระหว่างที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร มือก็กดไปโดนสวิตช์ไฟที่ข้างกำแพง

ไฟในห้องรับแขกสว่างขึ้นทันใด

จากนั้นเธอก็เห็นร่างที่คุ้นเคย

ถังลั่วเหยานิ่งไปชั่วขณะ

“เหอศื่อ?”

เธอวางไม้เท้าในมือลงด้วยความตกใจและโกรธ “เป็นแกได้ยังไง?”

เหอศื่อก็ได้สติแล้วในตอนนี้ แต่เดิมเขาใช้มือกุมหัวของเขาไว้และกำลังจะกระโดดออกไปเมื่อเขาเห็นว่าเป็นเธอเขาก็หยุดทันที

เขายื่นมือออกมาและสาปแช่ง: “ยายเด็กบ้า แกกล้าตีฉัน รู้ไหมฉันเป็นพ่อแกนะ?”

เขาไม่กลัวถังลั่วเหยาและรู้สึกว่าจะเอาเรื่องเธอให้ตายด้วยซ้ำ

สาเหตุที่ต้องวิ่งเมื่อกี้ก็เพราะรู้สึกมึนงงและถูกทุบตีโดยสัญชาตญาณปฏิกิริยาของจิตใต้สำนึกของร่างกายก็คือการหนีมัน

ตอนนี้พอได้สติจึงรู้สึกทั้งโกรธทั้งขายหน้า หลายปีมานี้ เขาเป็นฝ่ายแสดงอำนาจข่มเหงสองแม่ลูกอยู่ตลอด เคยเป็นถูกเธอทุบตีเสียเมื่อไหร่?

สีหน้าของถังลั่วเหยาเย็นชาและพูด “แกมาทำไม?”

“ฉันมา…”

ยังไม่ทันที่เหอศื่อจะพูดจบ สายตาก็หันไปเห็นมีดหั่นผักในมืออีกข้างของเธอ สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างไม่เป็นธรรมชาติและเปลี่ยนท่าที

“เธอวางมีดลงก่อนดีกว่าไหม แล้วฉันจะบอกเธอ”

ตอนนี้ถังลั่วเหยารู้แล้วว่าคนที่อยู่ในบ้านคือใคร จึงไม่ต้องใช้มีดใช้ไม้แล้ว ดังนั้นจึงวางมีดลง

จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟา ไขว่ห้างและพูดอย่างรำคาญ “มีอะไรก็รีบพ่นมันออกมา!”

เหอศื่อจึงได้วางใจและเดินเข้าไป นั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้าม

เขามองไปที่ถังลั่วเหยาเงียบไปสองสามวินาทีแล้วก็พูดขึ้น: “ฉันได้ยินมาว่า แม่เธอได้รับผู้บริจาคหัวใจแล้วเหรอ?”

ถังลั่วเหยาตกใจและมองเขาด้วยความไม่เชื่อ

“แกรู้ได้ยังไง?”

ก่อนหน้านี้หลังจากจิ่งหนิงโทรบอกเธอ เธอรู้ว่ามีหวัง จากนั้นเธอก็ไปหาแม่แล้วพูดกับเธอ

ก็เพื่อให้แม่ของเธอสบายใจและไม่ต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับอาการป่วยของตัวเอง

แต่เธอรู้นิสัยของแม่ หนึ่ง เหอศื่ออาจไม่รู้ว่าตอนนี้เธออาศัยอยู่ที่โรงพยาบาลซึ่งปี่เฉียว แม้ว่าจะรู้แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปได้

สอง แม่รู้ว่ามันเป็นคนยังไง คงจะไม่พูดอะไรกับมันมากอยู่แล้ว

ดังนั้น เมื่อคำพูดนี้ออกมาจากปากเหอศื่อ เธอจึงรู้สึกคาดไม่ถึงเป็นอย่างมาก

เหอศื่อยิ้มเยาะ “เธออย่าไปสนเลยว่าฉันรู้ได้ยังไง ยังไงซะเธอก็คือเมียฉัน ในเมื่อตอนนี้ได้ผู้บริจาคที่เข้ากันได้แล้ว คิดว่าอีกไม่นานคงจะผ่าตัดแล้วใช่ไหม? ฉันเป็นสามีตามหลักการแล้ว ก็ควรจะต้องไปดูแลเธอข้างๆ เตียง เธอว่าใช่ไหมล่ะ?”

ถังลั่วเหยาขมวดคิ้วแน่น

เธอรู้จักคนอย่างเหอศื่อดีเกินไป หากไม่มีผลประโยชน์จะทำเพื่ออะไร

ไปดูแลแม่ถึงขอบเตียง?

เรื่องตลกชัดๆ

ถึงจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีแผนการร้ายอะไรในใจ

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset