บทที่ 600 ถูกเธอปฏิเสธ
กว่าผู้กำกับจะหาโอกาสให้พวกเธอได้ จะพลาดไม่ได้
ดังนั้น เธอจึงกระแอมไอ แล้วจึงเรียก “เซ่เซียว”
เซ่เซียวได้ยินเสียง จึงครางตอบรับ จากนั้นเลื่อนเสื้อที่คลุมหน้าอยู่ออก
เมื่อเห็นชัดว่าคนมาใหม่เป็นเธอ ใบหน้าก็ทะมึนขึ้นอีกครั้ง ส่งเสียงหยัน หันหลังไม่สนใจเธอ
ถังลั่วเหยากระอักกระอ่วน
บรรยากาศยังคงเงียบ เธอคิด จะนิ่งต่อไปก็คงไม่ใช่เรื่อง
ในเมื่อมาแล้ว รีบคุยให้รู้เรื่องจะดีกว่า
เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอก็ไม่ร้อนใจแล้ว เดินเข้าไปนั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้าง เอ่ยขึ้นมา “เซ่เซียว ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณเกลียดฉัน แต่ยังไงเราก็อยู่กองถ่ายเดียวกัน ฉันเองก็ไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อคุณ คุณไม่ต้องแสดงท่าทีแบบนี้กับฉันไม่ได้เหรอ”
“หรือว่าเพราะฉันไม่รับรักคุณ ดังนั้นคุณเลยตีตัวออกห่าง ไม่สนใจฉัน คุณใจน้อยขนาดนี้เลยเหรอ”
เมื่อจบประโยคนั้น เซ่เซียวก็หันกลับมา
เขาลุกขึ้นนั่ง ใบหน้ายังคงเข้มมองไปยังถังลั่วเหยา
ถังลั่วเหยาเลิกคิ้ว
ไม่เข้าใจกับท่าทีของเขา
เซ่เซียวโกรธอยู่ในใจ แต่ทำอะไรไม่ได้
สุดท้าย จึงต้องเอ่ยออกมาอย่างหงุดหงิด “ใช่ ฉันไม่ได้ใจน้อย แต่ในเมื่อเธอปฏิเสธฉัน ก็ต้องบอกเหตุผลมาสิ อย่าคิดว่าเหตุผลที่เธอพูดครั้งก่อนจะมาไล่ฉันได้ ฉันไม่เชื่อหรอกนะ”
ครั้งก่อน เพื่อปิดทางความคิดของเขา จึงบอกเขาไปว่าไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับเขา ให้เขาตัดใจซะ
เพราะเหตุนี้ หลายวันมานี้ เซ่เซียวรู้สึกพ่ายแพ้ รวมทั้งความภาคภูมิใจในตัวเองนั้นลดลง เขาจึงโกรธเธอ
แต่ความจริง เขาก็ยังคงมั่นใจในตนเอง
เขาคิดว่า แม้ว่าถังลั่วเหยาจะไม่ชอบตน แต่ก็คงไม่สามารถเกลียดตนได้
หากตัวเองชอบเธออีก ช่วงนี้จึงรักษาระยะห่างกับเธอ ไม่ทำอะไรให้อีกฝ่ายรังเกียจ
แต่ว่า ถังลั่วเหยากลับทำแบบขอไปที แม้แต่เหตุผลที่ปฏิเสธเขา ก็บอกดีๆ ไม่ได้
แต่กลับมาพูดแบบนี้กับเขา อยากให้เขาล่าถอย
เขาโกรธเพราะเรื่องนี้
ถังลั่วเหยานิ่งอึ้ง จากนั้นจึงหัวเราะขึ้นมา
เธอรู้สึกแปลกใจ ไม่คิดว่าเซ่เซียวจะคิดแบบนี้
เมื่อลองคิดดู เธอจึงพูดขึ้นมา “งั้นคุณคิดว่า ทำไมฉันถึงไม่รับรักคุณละคะ”
เซ่เซียวขมวดคิ้ว
เนิ่นนาน เบ้ปากอย่างไม่พอใจ “ในใจเธอคิดอะไร ฉันจะไปรู้ได้ยังไง”
ถังลั่วเหยาหัวเราะเบาๆ จากนั้นถอนหายใจ
“ฉันไม่ได้โกหกคุณนะคะ เซ่เซียว คุณดีมาก แต่ในหัวใจของฉัน คุณเป็นแค่เพื่อน ฉันไม่อยากต้องเสียเพื่อนดีๆ ไปเพราะเรื่องนี้ คุณเข้าใจฉันหรือเปล่า”
เซ่เซียวมองเธอ สายตาจริงจัง เมื่อสัมผัสได้ว่าเธอพูดความจริง จึงเอ่ยขึ้น “งั้นเธอก็หมายความว่า ฉันยังมีโอกาส”
ถังลั่วเหยา “…”
ปวดหัวจนต้องกุมขมับ
เธอส่ายหน้า อธิบายด้วยท่าทีจริงจังอีกครั้ง “ในเมื่อฉันพูดไปหมดแล้ว เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน นั่นแปลว่าไม่มีโอกาสแล้ว ฉันไม่มีทางพัฒนาความสัมพันธ์กับเพื่อนหรอกนะคะ”
“ทำไมไม่ได้”
เซ่เซียวรีบถามขึ้น เมื่อเอ่ยจบ ก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา
นิ่งมาตั้งหลายวัน สุดท้ายก็เผยความร้อนใจของตนเองออกมา
เรื่องนี้ ทำให้เขาอารมณ์ไม่ดี
แต่ว่า ในเมื่อพูดออกไปแล้ว จะเสียใจก็คงไม่ทันแล้ว
เขาคิด จากนั้นจึงถาม “เธอมีคนที่ชอบแล้วเหรอ”
ถังลั่วเหยาชะงัก
เซ่เซียวมองเธอท่าทางจริงจัง สายตากดดัน
“ถ้าเธอมีคนที่ชอบแล้ว ฉันคงเข้าใจในสิ่งที่เธอทำได้ แต่ถ้าไม่มี งั้นทำไมไม่ให้โอกาสฉัน ให้เราได้มีโอกาสทำความรู้จัก ศึกษาซึ่งกันและกัน บางที ฉันหมายถึงบางที เราอาจจะเข้ากันได้ดีก็ได้ เธอเองก็บอกว่าฉันเป็นคนดี นั่นแสดงว่า ไม่ว่าตอนนี้เธอจะชอบฉันไหม อย่างน้อยเธอก็ยอมรับฉันแล้ว ไม่ใช่เหรอ”
ถังลั่วเหยานิ่งอยู่ตรงนั้น เป็นใบ้ไปชั่วขณะ
เธอไม่คิดว่า เซ่เซียวจะพูดแบบนี้ออกมา
ดูผิวเผินเหมือนไม่ใช่ แต่เมื่อดูดีๆ นั่นก็มีเหตุผล
เธอลำบากใจ เนิ่นนาน จึงหัวเราะหยันตัวเอง
“เซ่เซียว เราไม่เหมาะสมกันหรอก”
เซ่เซียวขมวดคิ้ว
ท่าทางไม่พอใจ
ถังลั่วเหยาถอนหายใจออกมา คงต้องบอกความจริง
“ฉันจะบอกความจริงกับคุณก็ได้ ความจริง…ฉันมีแฟนแล้ว”
ตอนที่เอ่ยประโยคนี้ ถังลั่วเหยาก็ขัดแย้งอยู่ในใจ
ในเมื่อในใจของเฟิงยี่ พวกเขาเป็นแฟนกันมานานแล้ว เธอเองก็ตอบรับจะเริ่มต้นใหม่กับเขา
แต่ในใจของเธอ ระหว่างความรู้สึกของเธอทั้งสอง ยังมีข้อกังขาอยู่
ดังนั้น เธอจึงไม่กล้าที่จะเอ่ยคำนี้ออกมา
แต่ว่าตอนนี้ เธอต้องเผชิญหน้ากับเซ่เซียว เธอไม่อยากให้อีกฝ่ายถลำลึกไปไกล จึงจำเป็นต้องบอกแบบนี้ออกมา
เซ่เซียวได้ยินดังนั้น เขาตกใจ
มองเธอราวกับไม่อยากจะเชื่อ
“เธอพูดอะไร เธอมี…ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมฉันไม่รู้”
ถังลั่วเหยาไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยืนมองเขานิ่งๆ
เซ่เซียวพูดไม่ออกอยู่ชั่วขณะ
ก็ถูก เขาเป็นใครกัน
ไม่ได้เป็นอะไรกับเธอ แล้วเธอมีแฟนทำไมต้องมาบอกเขา
ในวงการนี้ การปิดบังเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ก็ใช่ว่าเป็นเรื่องแปลก ศิลปินหลายคน มีความรักมานาน บางครั้งแม้กระทั่งผู้จัดการหรือผู้ช่วยเองก็ยังไม่รู้
แล้วเขาที่เป็นเพื่อนร่วมงาน หรือเพื่อนล่ะ
เซ่เซียวอดไม่ได้หัวเราะขมขื่นออกมา
ความจริงตอนที่ถังลั่วเหยาปฏิเสธเขา ใช่ว่าเขาจะไม่เคยคิดถึงเหตุผลนี้
แต่ตอนนี้มาได้ยินกับหูตัวเอง ยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
เขามองเธอ ถาม “เขาเป็นใคร”
ถังลั่วเหยาเม้มปาก ไม่ได้ตอบคำถามเขา และยังเปลี่ยนเรื่อง “เซ่เซียว คุณต้องได้เจอคนที่ดีกว่าฉันแน่นอน ได้เจอกับผู้หญิงที่เหมาะสมกับคุณ เราทุกคนต่างก็มีความสุขที่เป็นของตนเอง ไม่ใช่จะเอาเวลามาเสียกับคนที่ไม่ใช่”
เซ่เซียวมองเธอที่พูดประโยคนั้นออกมาอย่างราบเรียบ ในใจนั้นราวกับมีมีดกรีดลงมา
เพียงแต่ เธอมีคนที่เธอชอบแล้วนะ
แม้จะเสียใจ รับไม่ได้ ไม่พอใจ ก็ไม่ควรไปทำร้ายความรู้สึกของอีกฝ่ายใช่ไหม
ไม่ควรให้ความรักของเขา ไปทำให้อีกฝ่ายต้องลำบาก ใช่ไหม
เซ่เซียวสูดลมหายใจเข้าลึก ฝืนยิ้มออกมา พยักหน้า
“ได้ ฉันรู้แล้ว”
ชั่วครู่ ยังคงเอ่ยถามออกมา
“เขาดีกับเธอหรือเปล่า”
ถังลั่วเหยาชะงัก
ต่อมา เธอจึงค่อยๆ เผยรอยยิ้ม
“ดีมาก เขาเป็นคนที่ดีกับฉันที่สุดในโลกเลยค่ะ”
เซ่เซียวเห็นว่าตอนที่เธอเอ่ยประโยคนั้นออกมา ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มสดใส รู้สึกราวกับโดนกระชากหัวใจออกมาแล้วโยนลงไปในน้ำมะนาว ทั้งเจ็บทั้งปวด