วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 59แค่เธอเท่านั้น

บทที่59แค่เธอเท่านั้น

ลู่จิ่งเซินเอนตัวลงบนเก้าอี้ แล้วมองเขาด้วยใบหน้าที่กึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม

“เหมือนผมจะเคยบอกไปแล้วนะว่า ผมจะรับผิดชอบแค่เรื่องเงินทุนเท่านั้น ส่วนเรื่องแคสนักแสดงหรือการถ่ายทำผมจะไม่ยุ่ง”

ลู่หยั่นจือยิ้มอย่างเขินๆ

“อันนี้ผมก็รู้ แต่เรื่องนี้มะ มันค่อนข้างพิเศษนะครับ!”

เขากลืนน้ำลาย และรู้สึกเหมือนไม่ค่อยมั่นใจมากนัก

ลู่จิ่งเซินขำออกมาอย่างเกียจคร้าน

“หือ? มันพิเศษตรงไหนครับ?”

“มันเป็นอย่างนี้ครับ ความคิดของผมตอนนี้คือ ในเมื่อจิ่งหนิงเหมาะสมที่จะรับบทของเซ่ฟางหัวขนาดนี้แล้ว เราก็ให้เธอรับบทนี้ไป แล้วถ้าจิ่งเสี่ยวหย่ายินดีที่จะรับบทเซ่หลิ่วสื้อด้วยละก็ เมื่อเป็นแบบนี้ คือ……เงินที่เธอร่วมลงทุนมาเห็นทีคงต้องยกเลิกแล้วครับ ดังนั้น……”

เขายิ้มอย่างเกรงอกเกรงใจ เพราะสิ่งที่เขาจะสื่อต่างก็รู้ๆ กันอยู่

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้ว

“สรุปคืออยากให้ผมลงทุนเพิ่มใช่ไหมครับ?”

ลู่หยั่นจือพยักหน้า

“ได้สิ!”

ลู่จิ่งเซินหยิบเช็คใบหนึ่งออกจากลิ้นชักแล้วขีดเขียนเป็นการใหญ่

จากนั้นก็วางตรงหน้าของลู่หยั่นจืออย่างแรง

“ผมลงทุนในชื่อตัวเองเพิ่มอีกห้าสิบล้าน! แต่ข้อแม้คือห้ามให้จิ่งหนิงเล่นซีรี่ย์เรื่องนี้เด็ดขาด!”

ลู่หยั่นจือถึงกับตาค้าง

เขามองดูเช็คบนโต๊ะกับลู่จิ่งเซินสลับกันไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน

“ไม่สิ ทะ ทำไมครับ?”

แม้แต่สวรรค์ยังรู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรและต้องการใช้งานจิ่งหนิงในซีรี่ย์เรื่องนี้ยังไง

จากผลงานในวันนี้ เขาเชื่อสุดใจเลยว่าจิ่งหนิงจะต้องเป็นต้นกล้าที่ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน

นักแสดงนั้นแบ่งออกเป็นสองประเภท ประเภทแรกผู้มีพรสวรรค์ ส่วนประเภทที่สองก็คือผู้ที่มีพรแสวงนั่นเอง

ผู้ที่มีพรแสวงนั้นต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนักเพื่อเพิ่มพูนความสามารถในการแสดง แต่ผู้ที่มีพรสวรรค์นั้น พอเกิดมาก็เหมาะสมที่จะอยู่ในจอ เหมาะที่จะอยู่บนเวที

เขาทำงานวงการนี้มาตั้งหลายสิบปี ไม่มีทางที่จะดูผิดได้หรอก จิ่งหนิงเป็นคนที่เกิดมาเพื่อเป็นนักแสดง แล้วมาบวกกับฝีมือการกำกับของเขาอีก ซีรี่ย์เรื่องนี้จะต้องโด่งดังมากแน่ๆ!

แต่เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมลู่จิ่งเซินถึงต้องปฏิเสธด้วย!

ลู่จิ่งเซินนั่งมองเขาจากตรงเก้าอี้ พร้อมกับรอยยิ้มที่แสนเย็นชา

“นอกจากเธอนี้คนแล้วคุณจะเอาใครมาเป็นนางเอกก็ได้! ส่วนรายละเอียดผมขี้เกียจอธิบายกับคุณ คุณออกไปเถอะ!”

ตอนนี้สีหน้าของลู่หยั่นจือเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา มันช่างน่าดูเหลือเกิน

อยากจะโกรธ แต่ก็ไม่กล้า อยากจะเสนอความคิด แต่ลู่จิ่งเซินก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ยอมฟังเขาแน่ๆ

สุดท้ายก็ต้องเดินหน้าบูดหน้าเบี้ยวออกไป

พอเดินไปได้แปบนึง เหมือนคิดอะไรได้ แล้วเดินกลับมาหยิบเช็คกับโน้ตบุ๊คของเขาไปด้วย

ลู่จิ่งเซินนั่งมองดูเขาที่กำลังจากไปพร้อมแผ่นหลังที่หงุดหงิดของเขา ด้วยรอยยิ้มที่ไม่สบอารมณ์มากนัก

จะเอาผู้หญิงของเขาไปแสดงซีรี่ย์อย่างนั้นเหรอ ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย?

ต้องไปตากแดดตากฝน ต้องเข้าฉากต่อสู้อีกตั้งมากมาย ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นมาจะทำยังไง?

ที่สำคัญเลยคือ ในซีรี่ย์เรื่องนี้ฉากเลิฟซีนและฉากจูบก็มีเต็มไปหมดไม่ใช่เหรอ?

หึ! เหลวไหลสิ้นดี!

ส่วนจิ่งหนิงที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองถูกปฏิเสธไปแล้ว

หลังกินมื้อเที่ยงเสร็จ เธอก็ได้รับข้อความจากลู่หยั่นจือ เธอจึงพาถังลั่วเหยาเข้ามาที่บริษัท

หลังเซ็นสัญญาเสร็จ ตอนที่เธอกำลังจะกลับ ลู่หยั่นจือก็เอาแต่มองเธอด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด เอาแต่พูดอะไรก็ไม่รู้

จิ่งหนิงเองก็ได้แต่ทำหน้างง

แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ตอนนี้ถังลั่วเหยามีงานทำแล้ว ยังไงก็ต้องมีผู้ช่วยคอยช่วยสักคน

ก่อนหน้านี้ฝ่ายบุคคลนั้นเองก็ทำงานได้ชุ่ยมาก ตอนบ่ายเธอจึงต้องกลับไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย จากนั้นก็จัดผู้ช่วยที่พอจะดูฉลาดและพึ่งพาได้ให้ถังลั่วเหยาไปคนหนึ่ง เมื่อเป็นแบบนี้เธอค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย

ส่วนทางเซ่เซียวก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว

หลังจากที่เธอเตือนสติไป ในที่สุดเซ่เซียวก็สามารถตรวจสอบผ่านที่บัญชีผู้ใช้ไปได้ว่า ช่วงนี้ทางฝ่ายหญิงได้มีเงินจำนวนมากถูกโอนเข้ามา

และคนที่โอนเงินให้เธอก็ไม่ใช่ใครอื่น ซึ่งคนๆ นั่นก็คือแม่ของเซ่เซียว น้าสาวของลู่จิ่งเซิน ซูเยว่นั่นเอง

นี่มันช่างเหนือความคาดหมายมากจริงๆ!

มันอดไม่ได้ที่จะทำให้นึกถึงนิทานเรื่องซินเดอเรลล่าที่ถูกแม่สามีใช้เงินบีบบังคับให้ไปจากลูกชายของตัวเองเลย

แต่ก็นั่นแหละ ต่อให้ผู้เป็นแม่จะอยากขับไล่แฟนของลูกชาย หรืออยากทำให้พวกเรากลายเป็นศัตรูกันจนเลิกติดต่อกันไปเลยก็ตาม มันก็ไม่ต้องถึงกับเอาอนาคตของลูกชายมาเสี่ยงเลยนี่นา!

จิ่งหนิงรู้สึกไม่เข้าในจุดนี้ แต่พอได้ถามไป เธอก็ได้รู้ว่า แม่ของเซ่เซียวนั้นไม่ได้เห็นด้วยกับการเข้าวงการบันเทิงของเขาตั้งแต่แรกแล้ว

เธอรู้สึกว่า ต่อให้อยู่ในวงการบันเทิงไปทั้งชีวิต จุดสูงสุดที่สามารถไปได้ก็แค่ดาราคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงมากๆ ก็เท่านั้นเอง

ถ้าเอาไปเทียบกับตระกูลลู่ที่ทรงอำนาจแล้ว มันก็ไม่ต่างอะไรกับมดตัวน้อยที่อาจจะถูกเหยียบตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้โดยที่ไม่สามารถต่อต้านอะไรได้เลย ไม่ช่างไร้ค่าจริงๆ

แม่ของเขาอยากจะให้เขาทำธุรกิจไปกับพี่ชาย (ลูกพี่ลูกน้อง) ของเขามาโดยตลอด แต่ว่าเซ่เซียวก็ไม่เคยให้ความสนใจกับเรื่องธุรกิจเลย

เมื่อไม่มีทางเลือก แม่ของเซ่เซียวจึงเลือกที่จะใช้วิธีนี้ในการแก้ปัญหา

พอจิ่งหนิงฟังจบ เธอก็พูดอะไรไม่ออก

นี่มันอะไรกับอะไรนะ?

เซ่เซียวนั้นแสดงออกมาอย่างเรียบเฉย

แค่เวลาคุยโทรศัพท์เขาแค่พยายามพูดเลี่ยงๆ เท่านั้น เพราะเขาเองก็ไม่ค่อยอยากจะพูดถึงแม่ตัวเองอย่างเสียๆ หายๆ มากนัก หรือจะให้พูดก็คือ ไม่สามารถเปิดเผยเรื่องทั้งหมดให้กับสาธารณชนรู้ได้ ดังนั้นจึงต้องใช้วิธีอื่นในการอธิบายเรื่องนี้แทน

จิ่งหนิงเองก็เข้าใจเรื่องนี้ดี จึงได้รับปากไปในทันที

ตอนที่ถามถึงฝั่งผู้หญิง ก็เพิ่งได้รู้ว่าฝั่งนั้นได้มีคนที่ชอบคนใหม่ไปแล้ว ในตอนนั้นเธอคงคิดว่า ยังไงก็ต้องเลิกกันอยู่แล้ว ถ้าได้เงินติดมือไปสักก้อนมันก็ไม่เลวเหมือนกัน ดังนั้นเธอถึงได้รับปากแม่ของเซ่เซียวไป

หนิงเองก็ไม่ได้ใจร้ายกับเธอจนเกินไป

โดยที่ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องที่เธอแอบรับเงินเลย เพียงแค่บอกว่า หลังจากที่เลิกกันไปแล้วเกิดไม่พอใจจึงได้สร้างเรื่องพวกนั้นขึ้นมา

เพราะในความเป็นจริงแล้ว การที่หญิงสาวคนหนึ่งไม่พอใจในความรัก มันก็ยังให้อภัยได้ง่ายกว่าการที่เห็นแก่เงินแล้วไปทำร้ายแฟนเก่า

ยังไงเรื่องนี้ก็ต้องจัดการด้วยความเห็นใจกันบ้าง

ถึงแม้ว่าคลิปที่ขอโทษจะถูกเผยแพร่ออกไปแล้วก็ตาม แต่ไม่ว่ายังไงชื่อเสียงของเซ่เซียวก็ได้รับผลกระทบอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

แต่ว่าตอนนี้เขาเองก็มีโปรเจ็คใหญ่ที่กำลังจะออกอากาศแล้ว จิ่งหนิงก็เคยได้ยินเกี่ยวกับซีรี่ย์เรื่องนั้นมาบ้าง เห็นว่าเป็นซีรี่ย์ที่ดีเรื่องหนึ่งเลย ส่วนเซ่เซียวเองก็แสดงผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม น่าจะพอกู้คืนชื่อเสียงที่เสียไปของเขากลับมาได้มากเลยทีเดียว

และเธอยังเขียนลงบนบทความโฆษณาด้วยตัวเองไปอีกหลายฉบับ จากนั้นก็ใช้วีแชทที่เธอแอบสมัครเผยแพร่มันออกไป

แล้วมันก็เป็นไปตามคาด ผลตอบรับถือว่าน่าพอใจเลย แล้วเสียงเรียกร้องหาเซ่เซียวก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละน้อย

รวมถึงพวกแฟนคลับตัวยงที่เคยถูกสังคมต่อต้านก็เริ่มออกมาโต้กลับพวกกระแสด้านลบบ้างแล้ว ทุกอย่างมันค่อยๆ ดีขึ้น

การที่พายุจะสงบได้นั้นมันจำเป็นต้องใช้เวลา

พอทำทุกอย่างเสร็จสิ้น จนจิ่งหนิงรู้สึกว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรตามมาแล้ว เธอจึงจะสบายใจได้สักที

ตอนนี้ ถึงเวลาที่จะต้องจริงจังกับเรื่องของตัวเองสักที!

ช่วงเย็น ตอนที่จิ่งหนิงกลับไปถึงบ้านนั้นฟ้ายังไม่มืดเลย

มื้อเย็นยังทำไม่เสร็จ ตอนนี้มันยังไม่ถึงหกโมงเลยด้วยซ้ำ กว่าลู่จิ่งเซินจะกลับมาถึงก็น่าจะอีกครึ่งชั่วโมงกว่า

จิ่งหนิงเดินเข้าไปในห้องครัว ก็เห็นป้าหลิวกับแม่ครัวอีกหลายคนกำลังยุ่งกันอยู่

พอทุกคนเห็นเธอเดินเข้ามา ต่างก็พากันเลิกลักกันใหญ่ พากันมองเธอด้วยความสงสัย

จิ่งหนิงจึงพูดไปว่า “ไม่ต้องสอนใจฉันก็ได้ค่ะ ฉันแค่แวะมาดูเฉยๆ”

ป้าหลิวเดินมาข้างหน้าด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “คุณผู้หญิงคะ ในห้องครัวควันมันเยอะ คุณออกไปนั่งรอดีกว่านะคะ! ถ้าคุณหิวละก็เดี๋ยวฉันตักซุปให้คุณไปรองท้องก็ดีไหมคะ? เดี๋ยวคุณผู้ชายก็น่าจะกลับถึงแล้ว”

จิ่งหนิงเอาแต่ยิ้ม “เย็นนี้มีอะไรกินบ้างคะ?”

ป้าหลิวไม่รู้ว่าเธอถามเรื่องพวกนี้ไปทำไม แต่ก็ตอบไปตามจริง

“มีเห็ดหอมต้มหน่อไม้ ผัดปลาส้ม ผัดเผ็ดรากบัว ซุปเม็ดบัว เกี๊ยวกุ้ง………”

แค่ได้ยินชื่อเมนูพวกนี้ มันก็ทำให้คนฟังต้องรู้สึกน้ำลายไหลแล้ว

พอจิ่งหนิงได้ฟังเมนูจนครบแล้ว เธอก็ชี้ไปทางอาหารสองชุด

“สองอย่างนี้ทำเสร็จแล้วใช่ไหมคะ?”

ป้าหลิวชะงักไป “ยังเลยค่ะ”

“ดี งั้นสองเมนูนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเองค่ะ!”

จิ่งหนิงไม่พูดเปล่า เธอเปลี่ยนชุด สวมผ้ากันเปื้อน แล้วเข้าไปในครัวทันที

ถึงพวกคนรับใช้จะรู้สึกแปลกใจ แต่พอได้รู้ว่าเธอทำอาหารให้ลู่จิ่งเซินด้วยตัวเอง พวกเธอก็สบายใจขึ้นมาทันที

คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายช่างรักกันดีจริงๆ ทั้งสองช่างเหมาะสมกันเหลือเกิน ถ้าทั้งคู่ยังคงรักกันแบบนี้ต่อไป ไม่นานวิลล่าแห่งนี้ก็จะต้องมีคุณหนูเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน!

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset