แต่เขาไม่มีวิธีไหนเลยสุดท้าย จึงทำได้แค่จำใจพยักหน้า
“ได้ผมเข้าใจแล้ว”
เขาลุกขึ้น และเดินไปข้างๆหล่อนพร้อมกับยื่นมือออกไปที่หล่อน
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว งั้นผมก็ขอให้คุณมีความสุขแล้วกันนะ วางใจเถอะ ผมจะไม่เป็นเหมือนก่อนอีกแล้ว และเรายังเป็นเพื่อนกันอยู่นะ”
ถังลั่วเหยาเห็นดังนั้น ก็ลุกขึ้นตาม
บนใบหน้าของหล่อนก็เผยรอยยิ้มที่จริงใจออกมา
ทันทีที่จับมือเขาหล่อนก็พูดขึ้นว่า “อืม เพื่อนสนิท”
และในขณะนั้นเอง เซ่เซียวก็ดึงมือหล่อนออกอย่างแรง พร้อมกับยื่นมือออกไปกอดหล่อนเบาๆ
ไหล่ของชายคนนั้นกว้างมาก และเต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ทำให้คนสงบจิตสงบใจ
ร่างกายของถังลั่วเหยาแข็งทื่อเล็กน้อยแต่เซ่เซียวกลับไม่ได้มีกิริยาท่าทางใดๆ เลย เพียงแค่กอดหล่อนเบาๆ ไปแบบนั้น
จากนั้นไม่นานก็พูดขึ้นว่า “ขอให้คุณมีความสุขเช่นกันนะ”
ร่างกายที่แข็งทื่อเล็กน้อยของถังลั่วเหยานั้นถึงค่อยผ่อนคลายลง พร้อมกับยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“ขอบคุณค่ะ”
บทสนทนาในครั้งนี้ของทั้ง 2 คนก็ได้จบลงเพียงเท่านี้
เซ่เซียวเป็นคนออกไปก่อนเพราะเขาจะต้องรีบไปถ่ายทำละครฉากต่อไป ซึ่งเวลาเล่นละครของถังลั่วเหยาถูกจัดไว้หลังสุดดังนั้นหล่อนจึงมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น
หลังจากที่เซ่เซียวออกไป เสี่ยวฉิงก็เข้ามาพร้อมกับมองไปรอบๆ ก็พบว่าในห้องพักผ่อนไม่มีใครอยู่เลยนอกจากถังลั่วหยา ดังนั้นจึงค่อยถอนหายใจด้วยความโล่งใจ และเดินเข้าไปอย่างปล่อยตัวตามสบาย
“พี่ลั่วเหยาเป็นยังไงบ้างคะ? พี่คุยกับพี่เซียวเสร็จแล้วเหรอคะ?”
ถังลั่วเหยาพยักหน้าและสั่งให้เสี่ยวฉิงรินน้ำผึ้งแก้วหนึ่งให้ตัวเองหล่อนยกขึ้นพร้อมกับดื่มไปด้วย และพูดไปว่า “เซ่เซียวเป็นคนฉลาด เมื่อรู้ว่าพี่กำลังพูดถึงอะไร จึงไม่กล้าทำแบบนี้ต่อไปแล้ว”
เสี่ยวฉิงได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ทันทีหลังจากนั้นหล่อนก็ขมวดคิ้วอย่างไม่หยุดหย่อน
หล่อนพูดกับถังลั่วเหยาอย่างจนปัญญาว่า “พี่ลั่วเหยา ที่จริงน้องคิดว่าพี่เซียวน่าสงสารมากนะ พี่ดูสิ เขาทั้งมีหน้ามีตา รวย ภูมิหลังทางครอบครัวก็ดี เกิดมาหล่อ นิสัยสุภาพอ่อนโยนเอาใจใส่ดูแล และยังเป็นสุภาพบุรุษมากด้วย ทำไมเขาถึงได้โชคร้ายขนาดนี้ด้วย”
“มันเป็นเรื่องไม่ง่ายเลยนะที่จะชอบผู้หญิงคนหนึ่งเขาเปิดเผยความรู้สึกอย่างรีบร้อน แต่ผลคือกลับถูกปฏิเสธสะงั้น และยังต้องรู้อีกว่าอีกฝ่ายมีแฟนแล้ว”
“เฮ้อมันจะต้องคิดยังไงถึงจะน่าสงสารล่ะ”
ถังลั่วเหยายกแก้วน้ำขึ้น และชม้ายตามองไปที่หล่อน ด้วยความขบขัน
“ถ้าน้องคิดว่าเขาน่าสงสารจริงๆทำไมถึงไม่ไปปลอบเขาล่ะ?”
เสี่ยวฉิงตะลึงไป
หล่อนมองไปที่ถังลั่วเหยาอย่างโง่เขลาและถามว่า “แล้วน้องไปได้ไหมล่ะ?”
ถังลั่วเหยาพยักหน้า “ได้แน่นอน แต่เสี่ยวฉิงของเราเอ๊ย สำหรับพวกผู้ชายหล่อที่ชอบเห็นอกเห็นใจ และนิสัยอ่อนโยนทำตัวน่ารักพวกนั้น มันเป็นแค่พวกต้นพิสตาชิโอในโลกมนุษย์เท่านั้น แค่น้องไป บางทีเซ่เซียวอาจจะไม่เศร้าแล้วก็ได้ แต่จะพบว่า มีหญ้าอยู่ทุกหนทุกแห่งในโลกมนุษย์ แล้วทำไมจะต้องแอบรักดอกไม้ดอกหนึ่งข้างเดียวด้วยล่ะ จากนั้นเขาก็จะทำใจ แล้วเดินเข้าสู่ช่วงชีวิตใหม่”
ไม่ว่าเสี่ยวฉิงจะเชื่องช้าแค่ไหน แต่ในเวลานี้ก็สามารถฟังออกการหยอกล้อจากคำพูดถังลั่วเหยาได้
ในชั่วขณะหนึ่ง ใบหน้าเล็กๆ ใบหนึ่งก็เขินอายจนแดงฉานขึ้นมา
“พี่ลั่วเหยา! พี่อย่าพูดเรื่องไร้สาระสิ”
แต่ แม้ว่าปากจะพูดแบบนี้ ใบหน้าหล่อนก็แดงขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ และหัวใจก็เต้นตึกๆ อย่างแรง
ที่จริงถังลั่วเหยาแค่ล้อเล่นเอง แต่คิดไม่ถึงเลยว่า จะเห็นปฏิกิริยานี้ของหล่อน
หล่อนตะลึงเล็กน้อยจากนั้นจึงรีบตอบสนองกลับมาแต่หล่อนก็ตื่นตระหนกตกใจอยู่อย่างนั้น
อย่างไรก็ตาม นี่ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร
ท้ายที่สุดแล้ว บุคลิกประจำตัวของเสี่ยวฉิงดีมาก และตัวหล่อนเองก็อ่อนโยนใจดีมากด้วย หลังจากที่หล่อนครุ่นคิดไปสักพัก หล่อนก็ลืมตาขึ้นเล็กน้อย และพูดขึ้นอย่างกะทันหันว่า“เอาล่ะๆ เมื่อกี้พี่แค่ล้อน้องเล่นน่ะ”
“และในตอนนี้ พี่มีเรื่อง ที่ต้องขอน้องช่วยจริงๆ “
เสี่ยวฉิงถามอย่างรวดเร็ว”เรื่องอะไรคะ?”
ถังลั่วเหยาหยิบของบางอย่างออกจากกระเป๋า พร้อมกับยื่นให้กับหล่อน และพูดว่า “นี่เป็นสิ่งที่เซ่เซียวมอบให้พี่ก่อนหน้านี้ และเมื่อกี้พี่ก็ลืมคืนให้เขา ในเมื่อตอนนี้พวกเราพูดชัดเจนกันขนาดนี้แล้ว ถ้าสิ่งของเหล่านี้อยู่กับพี่มันก็คงไม่เหมาะ”
“งั้นน้องก็ช่วยพี่หาโอกาสก็แล้วกันแล้วคืนของให้เขาเป็นการส่วนตัว”
เสี่ยวฉิง งงเล็กน้อย และมองหล่อนด้วยความประหลาดใจ “น้องเป็นคนไปเหรอ? “
ถังลั่วเหยายิ้มพร้อมกับพูดว่า “อืม น้องเป็นคนไป แล้วน้องยินดีที่จะช่วยพี่ในเรื่องนี้ไหมล่ะ?”
เสี่ยวฉิงลังเลแต่หลังจากที่ลังเลอยู่พักหนึ่งก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น
“อืมก็ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา”
หลังจากพูดจบ ถังลั่วเหยาก็ยิ้มแล้วให้หล่อนออกไป
หล่อนมองภาพด้านหลังที่ออกไปของเสี่ยวฉิง หล่อนก็เอ็นกายนอนลงบนเก้าอี้ และยิ้มในใจพร้อมกับพูดว่า นางเด็กโง่เอ๊ย พี่สร้างโอกาสให้น้องแล้วนะ จะสามารถคว้าโอกาสนี้ได้หรือไม่นั้น คงขึ้นอยู่กับตัวเองแล้วนะ
แม้ว่าหล่อนจะรู้ ว่าเมื่อเทียบภูมิหลังครอบครัวของเสี่ยวฉิง กับตระกูลเซ่แล้ว อาจจะเป็นชนชั้นที่มีฐานะสูงกว่า
แต่หล่อนก็รู้ดีว่าเสี่ยวฉิงไม่ใช่คนหัวสูงขนาดนั้นและการที่หล่อนจะชอบเซ่เซียว มันจะไม่มีวันเป็นเพราะฐานะและภูมิหลังครอบครัวของเขาแน่นอน
และเซ่เซียวเอง ไม่ว่าจะเป็นท่าทีปกติของเขา หรือความรู้สึกของเขาที่มีต่อตัวหล่อนเอง ก็สามารถตัดสินได้ว่า เขาก็ไม่ใช่คนที่ให้ความสำคัญกับพวกเรื่องอวดดีเหล่านี้ด้วยเช่นกัน
ดังนั้นถ้า 2 คนนี้ได้อยู่ด้วยกันก็ถือได้ว่าเป็นคู่รักที่จะต้องเป็นครอบครัวกันในที่สุดแน่
หล่อนยังคงหวังว่าทุกคนรอบตัวหล่อนจะต้องมีความสุขในตัวเอง
เมื่อคิดแบบนี้ ถังลั่วเหยาก็หลับตาลงอย่างพอใจและพักผ่อนลง
ในตอนบ่ายเป็นการเล่นละครต่อสู้ระหว่างถังลั่วเหยาและเซ่เซียว
เซ่เซียวถ่ายทำละครกลางคืนในเมื่อวานนี้ แต่หลังจากนอนหลับไปเพียง 3 หรือ 4 ชั่วโมงวันนี้ก็ยังต้องถ่ายทำต่อไป แต่ใบหน้าของเขาไม่แสดงอาการเหนื่อยออกมาเลย
หลังจากถ่ายทำฉากละครทั้งหมดแล้ว ก็ยังต้องทำงานอย่างขยันขันแข็งต่อไป และดูเหมือนว่าทั้งผู้กำกับและรองผู้กำกับที่อยู่ข้างๆ เขา ต่างพากันพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า
โชคดีที่ละครต่อสู้ระหว่างทั้ง 2 ในวันนี้ ไม่ใช่ละครที่ต้องใช้แรงอะไรมาก
ซึ่งทั้งคู่ต่างก็เป็นนักแสดงรุ่นเก่า และมีพื้นฐานจากละครเรื่องก่อนๆดังนั้นพวกเขาจึงคุ้นเคยขนาดนั้นและเมื่อทำงานร่วมกันจึงทำได้อย่างคล่องอย่างเป็นธรรมชาติ
ผู้กำกับเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้ง 2 ไม่ได้เข้มงวดเหมือนครั้งก่อนแล้ว
หลังจากฉากหนึ่งจบลงไป ในช่องว่างระหว่างฉากถัดไปนั้นมักจะมีการพูดคุยและหัวเราะกันกลางกองถ่ายดังนั้นจึงรู้ว่า แผนการที่เขาจะนำพวกเขามารวมกันในวันนี้เพื่อให้พวกเขาสามารถเจรจาสันติภาพได้นั้น ถือได้ว่าเป็นอันสำเร็จ
เขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างอดไม่ได้
การเป็นผู้กำกับไม่ใช่เรื่องง่ายเลยต้องกังวลเกี่ยวกับคุณภาพของละครรวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างนักแสดงนำชายและหญิงอีกด้วย
แต่ขอแค่พวกเขาดีกันก็พอแล้ว และตราบใดที่มันไม่กระทบกับกองถ่ายเขาก็จะไม่สนเรื่องที่เหลือเลย
พวกเขาถ่ายทำจนถึง 6 โมงเย็น จึงได้สิ้นสุดลง
และคืนนี้เซ่เซียวไม่มีฉากที่ต้องถ่ายทำแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถพักผ่อนได้แต่ถังลั่วเหยามีถ่ายทำละครกลางคืนด้วยดังนั้น หล่อนจึงต้องรอที่กองถ่ายหลังจากที่ทานมื้อเย็นเสร็จและฟ้าก็มืดแล้ว จากนั้นก็ถ่ายทำต่อ
ก่อนเซ่เซียวจะออกไปเขาก็มองไปที่หล่อนเหมือนกำลังลังเลที่จะพูดอะไรบางอย่าง
ถังลั่วเหยารู้สึกได้ว่าเขามีอะไรจะถาม หล่อนจึงชี้ไปที่มุมหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลมาก และพูดกับเขาว่า “เราไปคุยกันที่นั่น”
เซ่เซียวพยักหน้า
และทั้ง 2 ก็เดินไปที่มุมซึ่งค่อนข้างเงียบสงบนั้น และเซ่เซียวจึงหยิบบางอย่างออกจากกระเป๋าตัวเองและพูดกับหล่อนว่า”นี่เป็นของที่คุณให้เสี่ยวฉิงนำมาให้ผมใช่ไหม?”
ถังลั่วเหยาเหลือบมองของนั้นแวบหนึ่ง
นั่นเป็นหูฟังบลูทูธคู่หนึ่ง ซึ่งเป็นรุ่นสั่งทำสีแดงมันสวยมากและคุณภาพก็ดีมากด้วย