นี่เป็นตอนนั้นที่หล่อนกำลังถ่ายทำละครเรื่องต่อไปอยู่ หล่อนโต้เถียงจนเบื่อจึงอยากฟังเพลงและเซ่เซียวเองก็กำลังใช้มันอยู่ในขณะนั้นจึงถือโอกาสมอบมันให้กับหล่อน
หล่อนใช้มันมาโดยตลอดและในระหว่างนั้นยังไม่ทันได้นำมาคืนเลยหล่อนจึงเก็บมันไว้จนถึงตอนนี้
หล่อนยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ใช่”
เซ่เซียวขมวดคิ้ว และการแสดงออกของหล่อนก็ซับซ้อนขึ้นในทันที
“ลั่วเหยาคุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้หรอก ผมพูดไปแล้วนะ แม้ว่าเราจะเป็นแฟนกันไม่ได้แต่ก็ยังสามารถเป็นเพื่อนกันได้ของเหล่านี้……”
“ของเหล่านี้เป็นของคุณและฉันแค่ยืมมาใช้สักพักเอง ควรจะคืนให้คุณนะ”
หล่อนยิ้มอย่างจริงใจ “ถ้าครั้งหน้ายังอยากส่งมาอีกต้องส่งอันใหม่มาไม่งั้นฉันจะไม่เกรงใจคุณนะ”
เซ่เซียวตะลึงหลังจากนั้นไม่กี่วินาทีจึงรู้ว่าหล่อนหมายถึงอะไร
คนหนุ่มคนสาว ย่อมต้องเรียนรู้เพื่อหลีกหนีความสงสัย
เขาก็เคยใช้มาก่อน ทั้งลมหายใจ รส และร่องรอยที่เคยถูกใช้ หากหล่อนยังใช้ต่อไป ความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนซึ่งแยกไม่ออกตลอดเวลานั้นก็จะดำเนินต่อไป
วันหนึ่งในวันหน้าเผื่อว่าหล่อนอาจเผลอหยิบมันออกมาใช้แล้วถ้าโดนเขาเห็นเข้าล่ะ
มันอาจจะกระตุ้นอารมณ์จากก้นบึ้งหัวใจของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และทำให้เขารู้สึกเสียใจและเศร้า
และในตอนนี้ หล่อนได้คืนของทุกอย่างให้เขาแล้วต่อให้เขาจะส่งมาอีกในวันหน้า ก็คงจะส่งมาได้ส่งแค่ในฐานะเพื่อนเท่านั้นแล้ว
เมื่อนึกถึงจุดนี้เซ่เซียวก็เข้าใจความตั้งใจอันอุตสาหะของถังลั่วเหยาได้ในทันที หัวใจของเขาก็รู้สึกเจ็บปวดทันที
เขาพยักหน้าพร้อมกับเก็บของกลับมา “ได้ครับผมเข้าใจแล้ว”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่เขาก็ถามอีกว่า “วันนี้คุณยังไม่ได้ตอบคำถามของผมว่าเขาเป็นใคร?”
ถังลั่วเหยาเม้มริมฝีปากตัวเองและไม่ต้องการตอบคำถามนี้
ถ้าสามารถตอบได้ เรื่องวันนี้ตอนบ่ายของคุณ ผมก็ตอบได้แล้วเช่นกัน
หลังจากคิดๆ ดูแล้ว หล่อนก็ทำได้แค่พูดไปว่า “เขาเป็นใครนั้นมันไม่สำคัญอะไรสำหรับคุณแล้ว สรุปคือ ในโลกใบนี้นอกจากเขาแล้วฉันจะไม่อยู่กับใครทั้งนั้น”
เซ่เซียวรู้ดี การที่ตัวเองถามคำถามนี้ขึ้นนั้นที่จริงแล้วมันอาจทำร้ายตัวเองอีกครั้ง
แต่เขาไม่สามารถกลั้นไว้ได้
เมื่อได้ยินคำตอบของหล่อนเขาก็แสดงสีหน้าที่ว่าที่แท้ก็เป็นแบบนี้ออกมา เขายิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นผมก็คงพูดได้แค่ว่า เขาโชคดีจริงๆ “
ถังลั่วเหยาไม่ปริปากพูดอะไรกับประโยคนี้เลย
เซ่เซียวถอนหายใจ
“เอาล่ะในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วถ้างั้นผมไปก่อนนะ”
ถังลั่วเหยาพยักหน้า และเซ่เซียวก็จากไป
ละครกลางคืนในตอนเย็นในระหว่างนั้นยังมีละครกลางแจ้งอยู่หลายฉากด้วยกัน
ในตอนนี้ก็เป็นเดือนธันวาคมแล้ว ซึ่งนอกห้องในฤดูหนาวนั้น ก็หนาวมากด้วย
ในตอนพลบค่ำนั้น เกล็ดหิมะก็ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้ายิ่งทำให้ละครฉากนี้ ดูบรรยากาศเศร้าวังเวงและกลัดกลุ้มใจมาก
หลังจากถ่ายทำละครฉากนี้เสร็จก็3 ทุ่มกว่าแล้ว
ถังลั่วเหยาหนาวจนทนไม่ไหว หลังจากได้รับข่าวการเลิกงานหล่อนก็สวมเสื้อคลุมทหาร และไปที่โรงแรมพร้อมกับเสี่ยวฉิง
เนื่องจากเวลาค่อนข้างดึกมากแล้ว ยังมีคนบางส่วน ที่ยังถ่ายทำละครอยู่ในกองถ่าย
และคนอีกส่วน ก็พากันกลับโรงแรมกันก่อนแล้ว
ดังนั้นเมื่อหล่อนและเสี่ยวฉิงกลับโรงแรมจึงเห็นแค่พวกหล่อน 2 คนเท่านั้น
เพราะกองถ่ายอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากสำหรับค่ำคืนในฤดูหนาวที่มีหิมะตกเต็มริมถนนอย่างนี้ จึงใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการขับรถข้ามไปเท่านั้น
แต่ถังลั่วเหยาหิวมากจนทนไม่ไหวและไม่อยากสั่งอาหารจากข้างนอกอีกด้วย ดังนั้นหล่อนจึงคิดว่าจะกลับพร้อมกับเสี่ยวฉิง และค่อยแวะซื้อของกินระหว่างทาง
ในขณะที่ทั้ง 2 เพิ่งซื้อบาร์บีคิวไป 2 ไม้กับข้าวผัด 1 กล่อง และพวกหล่อนก็กำลังเดินกลับไปที่โรงแรมอยู่ๆ ก็มีเงาดำกระโดดออกมาจากซอย
เงาดำนั้นคว้าตัวถังลั่วเหยาอย่างรวดเร็วพร้อมกับลากตัวหล่อนเข้าไปในซอย
ถังลั่วเหยาไม่มีแม้แต่จะส่งเสียงร้องตกใจออกมา และเสี่ยวฉิงที่อยู่ด้านข้างก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก หล่อนตะลึงไป 2 วินาทีและเมื่อหล่อนตอบสนองกลับมา ก็รีบตะโกนไปว่า “พี่ลั่วเหยา!”
จากนั้นหล่อนก็วางของลงอย่างรีบๆ พร้อมกับไล่ตามออกไปแต่ในซอยนั้นมันมืดมากแล้วจะมีคนที่ไหนกันล่ะ?
หล่อนโดนทำให้ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกยิ่งเป็นแค่ผู้หญิงคนตัวเดียวด้วยถ้าไม่กล้าเดินเข้าไปข้างใน ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
ในคืนฤดูหนาวที่หนาวเหน็บเช่นนี้กลุ่มคนบนถนนมันน้อยมากจนน่ากลัว
ที่เดียวที่ค่อนข้างอยู่ใกล้ ก็มีเพียงตลาดกลางคืนที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น
แต่ถ้าจะวิ่งไปขอคนที่นั่นมาช่วยจริงๆคาดว่าคนที่นี่คงจะหนีไปแล้วและมันก็ไม่ทันการณ์แล้วด้วย
ภายใต้ความสิ้นหวังนั้นหล่อนจึงทำได้แค่รีบหยิบมือถือออกมาอย่างรวดเร็ว และโทรแจ้งตำรวจไปด้วย พร้อมกับไล่ตามเข้าไปข้างใน
ในซอยนั้นมันมืดมาก ไม่มีแม้แต่ไฟบนถนนสักดวงเลย จึงทำได้แค่ใช้มือถือส่องสว่างตลอดทางเท่านั้น
ถ้าจะบอกว่าไม่กลัวนั่นคงเป็นการเสแสร้งแน่นอน
แต่แค่คิดว่าในตอนนี้ถังลั่วเหยากำลังตกอยู่ในอันตราย เสี่ยวฉิงก็จะไม่สนอะไรทั้งนั้นหล่อนวิ่งไปด้วยและตะโกนร้องอย่างเสียงดังออกไปด้วย
“พี่ลั่วเหยา พี่อยู่ที่ไหน?”
“พี่ลั่วเหยา พี่ไม่ต้องกลัวนะ น้องโทรแจ้งตำรวจแล้วตำรวจกำลังมาแล้ว”
จากนั้นหล่อนก็ยังขู่คนร้ายที่ลักพาตัวถังลั่วเหยาอีกด้วย
“ฉันแนะนำให้แกรีบปล่อยคนโดยเร็ว ไม่อย่างนั้นอีกสักพักไม่ว่าแกอยากจะหนียังไงมันก็คงจะไม่ทันแล้ว”
“พวกแกอยากได้เงินไม่ใช่เหรอ? ฉันจะบอกให้นะ เงินทั้งหมดอยู่กับฉัน นี่ไง กระเป๋าใบนี้ไง เป็นเงินทั้งหมดของหล่อน ทั้งบัตรธนาคาร เงินสด รวมทั้งมือถือก็อยู่ที่นี่ด้วย มาเอาไปสิที่ตัวหล่อนไม่มีเงินเลยสักบาท!”
ขณะที่หล่อนพูดอยู่นั้นก็ค่อยๆเทของทั้งหมดในกระเป๋าลงบนพื้นทีละชิ้นๆ
ตอนนี้หล่อนก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าอีกฝ่ายเป็นใคร และเพราะอะไรทำไมต้องลักพาตัวถังลั่วเหยาด้วย หล่อนจึงทำได้แค่คุกคามไปด้วยและหลอกล่อไปด้วยโดยหวังว่าพวกเขาจะได้ยิน และปล่อยคนออกมา
อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงไม่ว่าหล่อนจะตะโกนยังไง ก็ไม่มีใครสักคนออกเสียงพูดอะไร
ในขณะนั้นกลับ มีเสียงแปลกๆ ดังมาจากซอยที่หล่อนเพิ่งเข้ามา
“เอ๊ะ? เสี่ยวฉิง เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
เดิมทีที่เสี่ยวฉิงกำลังตึงเครียดอยู่นั้นอยู่ๆ หล่อนก็ได้ยินเสียงหล่อนจึงรีบหันตัวกลับมาโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นร่างที่ยืนอยู่ใต้ไฟบนถนนในซอยนั้นแล้ว ก็เหมือนกับได้เห็นผู้ช่วยชีวิต ดังนั้นหล่อนจึงรีบวิ่งไป “พี่เซียว!”
เป็นเพราะเซ่เซียวหิวมากเหมือนกัน ซึ่งเดิมทีควรจะเป็นตงเซิงที่ออกไปซื้ออาหารมื้อดึกให้เขาแต่พอดีว่าวันนี้ตงเซิงเป็นหวัด
และเขาก็ไม่อยากให้ตงเซิงออกมาโดนลมหนาวด้วยดังนั้นจึงไม่บอกเขา และตัวเองจึงออกมาซื้ออาหารมื้อดึก
หลังจากซื้ออาหารมื้อดึกแล้วและกำลังเดินกลับอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคยของผู้หญิงคนหนึ่งที่นี่
ภายใต้ความอยากรู้อยากเห็นนั้นเขาจึงเข้าไปใกล้เพื่อดูและพบว่าเป็นคนที่เขารู้จักจริงๆ ด้วย
จากนั้นเขาจึงตะโกนออกมา
เซ่เซียวเห็นท่าทางที่ตกใจกลัวของเสี่ยวฉิงแล้ว ก็รู้สึกประหลาดใจ
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงมีแค่คุณคนเดียวล่ะ? แล้วนักแสดงของคุณล่ะ?”
เสี่ยวฉิงกังวลมากจนเกือบจะร้องไห้ออกมา “พี่เซียวฉันขอร้องพี่นะ พี่ช่วยพี่ลั่วเหยาด้วย พี่ลั่วเหยาหายตัวไปแล้ว”
เซ่เซียวได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
“มันหมายความว่ายังไง? อะไรคือหายตัวไป? พูดให้เข้าใจหน่อยสิ”
ดังนั้นเสี่ยวฉิงจึงค่อยๆเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้น ให้กับเซ่เซียวอย่างถี่ถ้วน
ที่จริงแล้วเรื่องราวมันง่ายมากและมันก็เกิดขึ้นเร็วมากเมื่อพูดก็คงใช้เพียงไม่กี่คำ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเซ่เซียวได้ยินเพียงไม่กี่คำนี้เขาก็ได้ยินถึงความอันตรายที่รุนแรงอีกด้วย
อย่างแรก อีกฝ่ายวิ่งออกมาจากซอยและอยู่ๆ ก็ลักพาตัวคนไป
ในวันที่อากาศหนาว และมันก็ดึกมากขนาดนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอะไร